เวินหนิงส่ายหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร
ช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนั้น เธอไม่อยากพูดถึงมันอีก อีกอย่าง……
ถ้าเหอจื่ออันรู้ว่าเธอเคยติดคุกมาก่อน ก็อาจจะรังเกียจเธอก็ได้?
เวินหนิงก้มหน้าลง เหอจื่ออันเป็นคนแรกที่ปฏิบัติกับเธออย่างเป็นมิตร เธอไม่อยากให้เขารังเกียจเธอ หรือถ้าจะเป็นแบบนั้นจริง ก็อยากยื้อเวลาให้มันช้ากว่านี้หน่อย
พอเห็นว่าเวินหนิงไม่พูดอะไร เหอจื่ออันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ขณะเดียวกันพนักงานของร้านกาแฟก็กลับมาพอดี ในมือถือของมาสองกล่องใหญ่
“ช่วงนี้ทางร้านเรากำลังจะปิดปรับปรุง เลยต้องรบกวนคุณรับของที่จะต้องใช้ในช่วงนี้ไปด้วยเลยนะคะ”
เวินหนิงมองดูของที่วางอยู่บนโต๊ะค่อนข้างเยอะ ดูท่าจะเอากลับลำบาก แต่พนักงานก็ได้เดินออกไปแล้ว
“เธอรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะฉันไปซื้อยาให้ แล้วจะไปส่งเธอเอง” เหอจื่ออันดูออกว่าเธอกำลังคิดอะไร เลยออกตัวช่วยก่อน
“จะรบกวนคุณมากไปนะคะ ฉันว่า……..”
เวินหนิงรู้สึกเกรงใจไม่อยากทำให้เหอจื่ออันต้องมาลำบากด้วย แต่ชายหนุ่มกลับจับให้เธอนั่งลงที่เดิม “ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นเพื่อน ก็ต้องเชื่อฉัน”
คำว่าเพื่อน ทำให้เวินหนิงนิ่งไป เหอจื่ออันเห็นดังนั้นก็รู้สึกพอใจ ก่อนจะเดินออกไปทางร้านยา
เวินหนิงนั่งอยู่ที่เดิม ในใจรู้สึกดีใจและเศร้าใจขึ้นมา เพื่อนเหรอ…….
หลังจากที่เธอติดคุก คนที่เคยบอกว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ต่างก็พากันหนีหาย เธอหมดความศรัทธาในคำว่าเพื่อนไปนานแล้ว
แต่ก็มาเจอเหอจื่ออัน แล้วยังมาบอกว่าเป็นเพื่อนกัน?
เวินหนิงส่ายหน้าเล็กน้อย นี่คงเป็นเพราะว่าเขายังไม่รู้เรื่องราวของเธอ ถ้าเขารู้แล้วคงไม่ปฏิบัติต่อเธอแบบนี้แน่
………..
ลู่จิ้นยวนที่กำลังลงจากรถอยู่ไม่ไกลนัก จากตอนแรกเขากะว่าจะขับรถเล่นซะหน่อย แต่ไม่รู้ทำไมไปๆมาๆถึงขับมาถึงที่นี่ได้
ชายหนุ่มกวาดตามองรอบๆอย่างผ่านๆ ก็เจอเข้ากับเวินหนิงที่ไม่รู้นั่งคิดอะไรอยู่ตรงริมหน้าต่าง
แสงแดดยามบ่ายที่อบอุ่นสาดส่องอยู่บนตัวเวินหนิง ดูแล้วช่างอบอุ่นนุ่มนวลเหมือนตัวเธอชุบไปด้วยทองคำสุกใส
ใบหน้าลู่จิ้นยวนดูผ่อนคลายลง ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไป ทันใดนั้นสายตาก็ปะทะเข้ากับคนที่ไม่ได้อยากเจอคนหนึ่ง
เหอจื่ออันถือถุงยาเดินเข้ามาในร้านกาแฟอย่างเร่งรีบ ก่อนจะนั่งลงด้านหน้าของเวินหนิง ทั้งสองเหมือนคู่รักที่มาเดทกัน
ลู่จิ้นยวนกำกุลแจในมือแน่น หรี่ตาเล็กน้อย
เวินหนิงตกใจกับการกระทำของเหอจื่ออัน ไม่รู้ว่าเขาถูกร้านขายยาหลอกมาหรือเปล่า ถึงได้ซื้อยามาเจ็ดถึงแปดหลอดแบบนี้ วางอยู่บนโต๊ะดูแล้วลายตาไปหมด
“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้จริงๆ……..” เวินหนิงรู้สึกเกรงใจ
ครั้งก่อนก็เหอจื่ออันช่วยเธอไว้ ครั้งนี้ยังต้องมาเสียเงินซื้อยาให้เธออีก
“ถือซะว่าฉันรักษาสิ่งสวยงามไว้ไม่ได้เหรอ? มือสวยๆแบบนี้ต้องมาเป็นแผลเป็นมันน่าเสียดายนะ ” เหอจื่ออันพูดขึ้นในขณะที่จะยื่นมือไปจับมือเวินหนิง
แต่ยังไม่ทันจะยื่นมือไปถึง ก็มีเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งพูดขึ้น ทำให้เขาต้องชะงักมือลง
“คุณชายเหอ เจอกันอีกแล้ว”
ตอนแรกลู่จิ้นยวนกะจะไม่เข้ามาทัก แต่เห็นทั้งสองกลางวันแสกๆทำเป็นมาจับมือถือแขนแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาขัดขึ้น
“คุณชายลู่? คุณมาอยู่ที่นี่ได้ไง? ” เหอจื่ออันขมวดคิ้วถาม
เรื่องครั้งก่อน ที่ลู่จิ้นยวนอยู่ๆก็เข้ามาชนรถเขา เขายังจำได้ดี
ถึงแม้ว่าลู่จิ้นยวนจะมีอำนาจบารมีไม่น้อยในเมืองเจียงเฉิน แต่กับนิสัยบ้าบินแบบนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกดีกับมันเท่าไหร่นัก
“บังเอิญน่ะ ” ลู่จิ้นยวนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สายตาเลื่อนไปมองเวินหนิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอก้มหน้า ไม่พูดอะไร
แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ ยิ่งทำให้ลู่จิ้นยวนรู้สึกโมโห
“บริษัทฯจ้างเธอมา ไม่ใช่จ่ายเงินให้เธอเอาเวลางานมานั่งพลอดรักแบบนี้นะ”
เวินหนิงฟังแล้วรู้สึก อึดอัดไม่น้อย
เธอกับเหอจื่ออันแค่บังเอิญเจอกัน เขาพูดแบบนี้ จะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้นะ
“ขอโทษค่ะ ฉันจะรีบกลับไป” เวินหนิงรีบลุกขึ้น เตรียมจะไปยกของสองกล่องนั้นขึ้น
ตอนนี้เธอไม่อยากอยู่ท่ามกลางคนสองคนนี้ อยากรีบหลีกหนีออกไปให้เร็วที่สุด
“เดี๋ยวก่อน เวินหนิง เธอทำงานอยู่ที่บริษัทตระกูลลู่เหรอ?” เหอจื่ออันรู้สึกแปลกใจ
มาตรฐานการรับสมัครคนของบริษัทตระกูลลู่สูงมาก เป็นที่รู้กันดีในเมืองเจียงเฉิน แล้วนี่ก็ไม่ใช่ช่วงเปิดรับสมัครงานด้วย แล้วเธอเข้าไปได้ยังไง?
แต่ที่น่าแปลกใจอีกก็คือ ลู่จิ้นยวนที่ปกติจะยุ่งมาก กลับมีเวลามาสั่งสอนพนักงานเล็กๆคนหนึ่งถึงที่นี่
หรือว่า พวกเขาทั้งสองรู้จักกัน?
“เรื่องมันยาวน่ะ ฉันไปก่อนนะ” เวินหนิงผงกหัวให้เล็กน้อย หยิบของแล้วเตรียมเดินจากไป
“ฉันช่วย” เหอจื่ออันเดินไปแย่งของจากมือเธอ “คุณชายลู่ ฉันไปส่งพนักงานเล็กๆของคุณ คุณคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ย? ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งต้องถือของหนักขนาดนี้น่าจะไม่ดีเท่าไหร่”
ลู่จิ้นยวนมองทั้งสองด้วยสายตาไม่แยแส
สำรับเหอจื่ออันแล้ว เขาก็พอได้ยินมาบ้างว่าเป็นผู้ชายที่ทำดีไปทั่ว หรือตอนนี้เขากำลังจะใช้วิธีนี้มาตามจีบเวินหนิง?
ลู่จิ้นยวนสีหน้าเข้มขึ้น “ถ้าคุณชายเหอมีความตั้งใจแบบนั้น ผมก็จะไม่ขัด งั้นก็รบกวนคุณส่งของทั้งหมดไปที่บริษัทฯผมด้วยนะครับ ส่วนเธอ…..”
ลู่จิ้นยวนมองเวินหนิงแวบหนึ่ง “ฉันไปส่งเองทางผ่านพอดี”
เหอจื่ออันรู้สึกเหมือนตัวเองตกหลุมพลางเข้าแล้ว นี่หมายความไง ให้เขาส่งของไปที่บริษัทตระกูลลู่ แต่ไม่ยอมให้เวินหนิงนั่งไปกับเขาด้วย
เขาไม่ใช่พนักงานของตระกูลลู่นะ นิสัยลู่จิ้นยวนช่างประหลาดจริง
“คุณชายลู่ไม่ต้องเกรงใจครับ คุณออกมาในเวลางานแบบนี้ก็น่าจะต้องมีธุระต้องทำ ผมไปส่งเวินหนิงพร้อมของด้วยเลยดีกว่า”
“ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลาไปส่งเธอได้ เพราะยังไงแล้วเธอก็เป็นพนักงานของผม ไม่อยากรบกวนคุณชายเหอ”
พูดจบ ลู่จิ้นยวนก็ไม่เสียเวลาพูดอะไรต่อ เขาเดินไปขึ้นรถทันที เวินหนิงลังเลนิดหนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดเบาๆกับเหอจื่ออัน “ขอโทษนะคะ เขาก็เป็นคนนิสัยประหลาดแบบนี้แหละ เดี๋ยวฉันถือกลับไปเองดีกว่าค่ะ”
ตอนแรกเหอจื่ออันรู้สึกโกรธกับคำพูดของลู่จิ้นยวนไม่น้อย แต่พอเห็นท่าทางอึดอัดใจของเธอแล้ว อารมณ์ก็เริ่งบางเบาลง “ช่างเถอะ ฉันก็ไม่ได้สนใจกับเรื่องแบบนี้นัก ช่วยก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด แต่ท่าทางเขาดูแล้วไม่เหมือนกำลังควบคุมดูแลพนักงานเลย เหมือนควบคุมดูแลภรรยามากกว่า หรือว่า……”
เหอจื่ออันรู้สึกแปลกๆ ลู่จิ้นยวนก็ทำตัวแปลกไปหน่อยมั้ย แค่พนักงานหญิงคนหนึ่ง ต้องจริงจังขนาดนี้มั้ย?
เหอจื่ออันไม่ได้พูดอะไรต่อ เวินหนิงรีบวิ่งขึ้นรถลู่จิ้นยวน ใบหน้าเธอยังซีดขาวจากความตกใจเมื่อครู่
เมื่อครู่เหอจื่ออันน่าจะพูดเล่น แต่เกือบทำให้เธอหัวใจวาย
ถ้าให้คนอื่นรู้เข้าว่าตอนนี้เธอเป็นนายหญิงน้อยในนามของบ้านตระกูลลู่ละก้อ ลู่จิ้นยวนต้องฆ่าเธอแน่?