หลินเป้ยมองบน อดไม่ได้ที่จะใจสั่น แล้วเคลื่อนสายตาออกอย่างรังเกียจในทันที คิดถึงประโยชน์ของงูเหล่านี้อีกสักครู่ ใบหน้าของเธอปรากฏรอยยิ้มแปลกประหลาดขึ้น
“ยังรออะไรอีก?” เธอพูดอย่างร้อนใจ
“ครับ คุณหนู”
ลูกน้องที่ถือถุงงูอยู่ ปีนขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองในทันที เขาสอดส่องนอกหน้าต่างที่ชั้นสองอย่างเงียบ ๆ มองเห็นเงาของหญิงสาวที่รางเลือนภายในห้อง
เขายกถุงขึ้นมาในทันที จัดปากถุงให้ตรงกับตำแหน่งของหน้าต่าง ค่อย ๆ เทงูทั้งหมดเข้าในห้อง
งูตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ลงไปที่พื้นทีละตัว จากนั้นก็แยกย้ายกันอย่างรวดเร็ว คลานเข้าไปในมุมที่ค่อนข้างอับของห้องอย่างรวดเร็ว
เมื่อเสร็จภารกิจ ลูกน้องค่อย ๆ ยื่นมือออกไปเปิดหน้าต่างออก และค่อย ๆ ลงล็อกหน้าต่างจากภายนอก ในใจถึงได้โล่งอก จากนั้นก็ปีนลงบันได้มากอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูครับ ผมทำตามที่คุณสั่งเรียบร้อยแล้วครับ”
หลินเป้ยยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองดูหน้าต่างที่ถูกล็อกที่ชั้นสอง รอยยิ้มในดวงตาแฝงความโหดเหี้ยม เธอพาลูกน้องออกไปด้วยความเงียบ
ส่วนภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในเวลานี้
ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหญ่มาก ชุดที่สวยงามและประณีตแต่ละแบบถูกแขวนไว้อย่างเรียบร้อยบนราวแขวน เธอเลือกชุดที่สง่าเรียบง่ายเตรียมที่จะเปลี่ยน ก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ ขึ้น
ถึงแม้จะเล็กมาก แต่เธอก็ยังได้ยิน สายตาที่สดใสมองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวง จู่ ๆ เงาดำเรียวยาวที่พื้นปรากฏในดวงตา ทำให้เธอถึงกับหน้าซีด
นี่มัน…งู?
โม่โยวคิดไม่ถึง ว่าในห้องทำไมถึงมีงูได้? เธอใจเต้นราวกับกลอง ตกใจเป็นอย่างมาก
ถึงแม้งูนี่จะไม่ใหญ่ แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกขนลุกขนพอง ราวกับเลือดทั้งตัวได้แข็งตัวไปแล้วยังไงยังงั้น เธอหน้าซีดขาว พยายามระงับการเต้นของหัวใจที่ไม่สามารถควบคุมได้ ร่างกายแข็งทื่อ ค่อย ๆ ขยับไปที่ประตูทีละนิด
เวลานี้งูบนพื้นแลบลิ้นออกมา งูขยับตัว เธอแทบจะกรีดร้องด้วยความตกใจ ไม่กล้าขยับตัวอีกแม้แต่ก้าวเดียว
ทำยังไงดี? ตอนนี้ควรจะทำยังไง?
ตอนนี้เธอไม่กล้าขยับและก็ไม่กล้าร้อง เกรงว่าจะทำให้งูตัวนี้ตื่นตัว
จู่ ๆ เธอรู้สึกได้ถึงสัมผัสเย็น ๆ ที่นิ้วเท้าของเธอ เธอก้มมองลงไปโดยไม่รู้ตัว
เธอเห็นรองเท้าส้นสูงที่เท้าของตัวเอง ส่วนปลายเท้าที่โผล่ออกมา งูตัวยาวสีดำพอ ๆ กัน กำลังคลานมาช้า ๆ ตัวงูสีดำเข้ม หางแหลมอยู่บนนิ้งเท้าของเธอครึ่ง ๆ กลาง ๆ
ฉับพลัน ปัง! โม่โยวรู้สึกว่าในสมองมีบางสิ่งบางอย่างระเบิดในทันที เธอควบคุมความกลัวของตัวเองไว้ไม่อยู่อีกแล้ว จึงกรีดร้องออกมาอย่างรุนแรง
“กรี้ด…”
เสียงกรีดร้องดังทะลุผ่านผนังของชั้นสอง ดังไปถึงงานเลี้ยง แต่ก็ถูกเสียงเพลงเต้นรำของงานเลี้ยงกลบไว้ ไม่มีใครได้ยิน
แต่บังเอิญตตรงที่ ลู่จิ้นยวนที่ไม่ได้ปรากฏตัวหลังจากที่เข้ามาในงานเลี้ยง เวลานี้กำลังอยู่สุดทางเดินอีกด้านที่ชั้นสอง
เขาเพิ่งวางสายโทรศัพท์ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่น่ากลัวขึ้น ถึงจะไม่แน่ชัด แต่เขามั่นใจได้ว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิดแน่
ยิ่งไปกว่านั้นคือ เขารู้สึกว่าเสียงนี้เหมือนเสียงของโม่โยว ความคิดนี้ทำให้หัวใจของเขาจมดิ่ง สีหน้าเคร่งขรึม แล้วรีบตามหาที่มาของเสียงนี้อย่างรวดเร็ว
เสียงกรีดร้องของโม่โยวดังติดต่อกัน ขณะเดียวกันก็ทำให้ลู่จิ้นยวนยิ่งแน่ใจว่าเป็นเธอ เขามาถึงด้านนอกของห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
“โม่โยว เธออยู่ข้างในไหม?”
เขาทุบประตู จากนั้นก็ก้าวถอยหลัง แล้วถีบประตูอย่างแรง ปัง! ประตูที่ถูกล็อกอยู่ถูกเปิดออก เขาพุ่งตัวเข้าไปในทันที
ลู่จิ้นยวนเห็นโม่โยวที่มุมห้อง และ…งูที่คลานอยู่เต็มพื้น
เขาม่านตาหด ทันใดนั้นร่างกายก็รู้สึกหนาวสั่นเป็นพัก ๆ ดวงตาสีดำเข้มราวกับเหวลึก แสงสีแดงเลือดประกายวับ
ทำไมเขาถึงนึกไม่ถึงว่า ตัวเองออกไปแค่ครู่ตัว โม่โยวก็เจอเรื่องเคราะห์ร้ายแบบนี้
เวลานี้ลู่จิ้นยวนไม่มีเวลาคิดว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นในนี้ เขามองข้างงูเหล่านั้น แล้วสาวเท้าเดินเข้าไปหาโมโย่วที่อยู่มุมห้อง
ด้วยการวินิจฉัยของเขา แค่มองก็รู้ว่างูพวกนี้เป็นงูที่ธรรมดา ไม่มีพิษ
“โม่โยว ไม่ต้องกลัว ฉันมาแล้ว”
ตอนนี้โม่โยวตกใจอย่างสุดขีด ใบหน้าซีดขาวเต็มไปด้วยเหงื่อ ม่านตาขยายโต ความแววสดใสไม่มีเหลืออยู่ เหลือเพียงความหวาดกลัว
ลู่จิ้นยวนอดกลั้นอารมณ์ที่อยากจะฆ่าคนไว้ เขากอดโม่โยวไว้แน่น มองข้ามเสียงกรีดร้องและความขัดขืนของเธอไป เขาค่อย ๆ ลูบหลังของเธอเบา ๆ น้ำเสียงอ่อนโยนและใจเย็นปลอบเธอ
“ไม่เป็นไรแล้ว ฉันมาแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”
ภายใต้การถูกปลอบเช่นนี้ โฟกัสม่านตาของโม่โยวค่อย ๆ กลับมา จมูกได้กลิ่นที่คุ้นเคย ทำให้สมองของเธอที่ได้รับความตกใจผ่อนคลายลงไม่น้อย
โม่โยวซุกอยุ่ในอ้อมกอดของเขา ยังคงเห็นงูพวกนี้คลานอยู่บนพื้น พวกมันเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสง่างามอย่างช้า ๆ ถึงแม้จะไม่ได้ทำร้ายคน แต่ก็ยังทำให้เธอรู้สึกกลัว
รู้สึกได้ถึงร่างกายที่แข็งทื่อของเธอ ลู่จิ้นยวนจับใบหน้าของเธอให้เงยหน้าขึ้น แล้วจูบปลอบลงระหว่างคิ้วของเธออย่างนุ่มนวล “ฉันขอโทษ ฉันมาสายไปหน่อย”
ไม่พูดไม่ได้ว่าการปลอบใจที่อ่อนโยนแบบนี้มีผลเป็นอย่างมาก โม่โยวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ถึงแม้จะยังกลัวอยู่ น้ำเสียงยังคงสั่นเล็กน้อย แต่เทียบกับเมื่อกี้ก็ดีขึ้นเยอะแล้ว
“งู งูเต็มไปหมด ฉันกลัว”
ริมฝีปากสั่นระริก น้ำตาที่ไม่สามารถบังคับได้ไหลออกมา ทำให้ลู่จิ้นยวนไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
“ไม่เป็นไรแล้ว มีฉันอยู่ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”
ลู่จิ้นยวนพูดจบ ก็อุ้มเธอขึ้นมา “ตอนนี้ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น หลับตาลงแล้วนอนซะ พวกเรากลับบ้านกัน”
เขาพูด จากนั้นก็หยิบหูฟังที่อยู่ในกระเป๋าใส่ใบหูคู่นั้นของเธอ เพลงที่ไพเราะและนุ่มนวลปิดกั้นเสียงรบกวนจากโลกภายนอก
โม่โยวไม่ได้ปฏิเสธ อยู่ในอ้อมแขนของเธออย่างว่านอนสอนง่าย ให้เธอเดินเองตอนนี้ก็เป็นไปไม่ค่อยได้ ขาของเธออ่อนแรงไปหมด
ในเมื่อมีผู้หญิงแค่ไม่กี่คนที่ไม่กลัวงูสิ่งมีชีวิตประเภทนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่โม่โยวถูกงูนับสิบตัวล้อมรอบไว้ มองดูพวกมันเลื้อยไปเลื้อยมาต่อหน้าตัวเอง แม้กระทั่งคลานขึ้นมาบนเท้าบนร่างกาย
ถ้าหากเป็นผู้หญิงที่บอบบางใจไม่แข็ง ถูกทำให้ตกใจจนเป็นบ้าไปเลยก็สามารถเป็นไปได้
คืนนี้โม่โยวได้รับความตกใจ ถือว่าเป็นเรื่องเล็กไม่ได้
ตอนนี้ร่างกายของเธออ่อนแรงจริง ๆ ไม่อยากครุ่นคิดอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่อยากจะออกจากที่นี่ไปให้เร็วที่สุด
เวลานี้เองภายในห้องก็มีคนอีกสองสามคนตามมา อันเฉินที่เป็นผู้นำที่รออยู่ข้างนอกคฤหาสน์ ตอนที่ลู่จิ้นยวนพังประตูเข้ามา ก็ได้ส่งข้อความหาผู้ช่วยของตัวเอง ให้เขาพาคนมาที่นี่
“เจ้านายครับ”
อันเฉินรีบพาลูกน้องมา เพียงแวบเดียวเขาก็สังเกตุเห็นงูที่เต็มห้องไปหมด สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที แล้วหันไปมองโม่โยวที่อยู่ในห้องกอดของBOSS ก็เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นได้เกือบทั้งหมดในทันที
การเคลื่อนไหวของมือของลู่จิ้นยวนนั้นอ่อนโยนมาก แต่การแสดงออกของสีหน้ากลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง เขามองไปที่งูพวกนั้นอย่างเย็นชา ในดวงตามีความอาฆาตอย่างปิดไม่มิด