“ทำไม เสียใจที่ต้องแยกกับเขาเหรอ?”
ลู่จิ้นยวนมองดูสีหน้าเวินหนิงที่ไม่ค่อยเป็นสุข จึงพูดประชดขึ้น
“ไม่ใช่นะ” เวินหนิงย่นคิ้ว ทำไมลู่จิ้นยวนต้องคิดเป็นเรื่องทำนองนั้นตลอดเลยนะ?
เธอแค่คิดถึงสิ่งที่เหอจื่ออันพูดกับเธอเมื่อกี้ ถ้าหากเรื่องที่เธอแต่งงานกับลู่จิ้นยวนหลุดออกไป ทางบ้านตระกูลลู่ต้องคิดว่าเป็นความจงใจของเธอแน่ เธอคงรับผิดชอบกับผลที่จะตามมาไม่ไหว
“ไม่ใช่ก็ดีแล้ว”
ลู่จิ้นยวนไม่ได้สนใจเธออีก เขาเหยียบคันเร่งจนมิด ทำให้เวินหนิงที่มัวแต่คิดเรื่องโน้นเรื่องนี้จนลืมคาดเบลล์ หัวคะมำเกือบชนเข้ากับกระจกหน้ารถ
เธอมองหน้าเรียบเฉยของลู่จิ้นยวนแวบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้ตั้งใจหาเรื่องเธอ ทำไมเขาถึงได้เกลียดเธอมากมายนะ?
เวินหนิงรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจ เธอรีบดึงสายคาดเบลล์มาคาดไว้ “วันนี้ฉันมารับของบังเอิญเจอเขาเข้าพอดี มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด”
ลู่จิ้นยวนไม่พูดอะไร แต่แววตาเขาแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เชื่อ
“อันเฉินเป็นคนให้ฉันมาซื้อของเอง แล้วที่ต้องรอนานขนาดนี้ก็เพราะว่าของที่ร้านหมด เลยเจอเข้ากับเหอจื่ออันที่มาดื่มชาพอดี คุณก็เห็นแล้วว่าทางร้านให้ฉันเอาของกลับมากขนาดนี้ ถ้าคุณไม่เชื่อก็ให้คนไปถามพนักงานทางร้านดูได้”
เวินหนิงพูดยาวเหยียดทีเดียว และไม่อยากอธิบายอะไรเพิ่มอีก ทั้งที่รู้ว่าเธอไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร
“มาเอาของนี่ต้องจับมือถือแขนกันด้วยเหรอ? จะโกหกอะไรก็ให้มันสมจริงหน่อย”
เวินหนิงมองหน้าเขา ผู้ชายคนนี้ทำไม่ถึงเอาแต่คิดในแง่นั้นนะ
“นั้นก็เพราะว่าระหว่างที่ฉันชงกาแฟให้คุณมือโดนน้ำร้อนลวกจนเป็นแผลพุพอง เขาเลยซื้อยามาช่วยทาให้”
ลู่จิ้นยวนปรายตามองไปที่นิ้วมือเธอที่ปกติจะขาวนวล เกิดรอยแผลแดงๆหลายจุด เห็นแล้วก็แปลกใจเล็กน้อย
“งั้นเธอก็โง่จริง ชงกาแฟแค่นี้ยังปล่อยให้น้ำร้อนลวกมือได้”
เวินหนิงจุจนพูดอะไรไม่ออก เธอค่อยๆหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง เสียเวลาพูดเปล่าเธอคิด เหมือสีซอให้ควายฟัง
ลู้จิ้นยวนก็แค่อยากจะหาเรื่องเธอเท่านั้น เขาจะมาเสียเวลาฟังเธออธิบายได้ยังไง”
…………
ไม่นานรถก็มาจอดอยู่ใต้ตึกของบรษัทตระกูลลู่
“เธอขึ้นไปก่อน” ลู่จิ้นยวนสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ค่ะ” เวินหนิงไม่กล้าขัดเขา ก่อนหันไปมองหาเหอจื่ออันที่ตามอยู่ด้านหลังด้วยความรู้สึกเกรงใจเขามากเหลือเกิน
“ยังไม่ไปอีก? ” ลู่จิ้หยวนรู้สึกได้ถึงความลังเลของเธอ ก่อนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เวินหนิงรู้สึกได้ถึนน้ำเสียงที่เริ่มมีอารมณ์โมโหของเขา จึงรีบขึ้นชั้นบนไปก่อน
ลู่จิ้นยวนค่อยๆก้าวลงจากรถ มองดูเหอจื่ออันที่ตามมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ “รบกวนคุณชายเหอแล้ว”
เหอจื่อันรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเด็กส่งของไปโดยปริยาย แล้วยังไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของเวินหนิงอีก ในใจรู้สึกเริ่มโกรธขึ้นมาเล็กน้อย เขาเดินเข้ามาทำเป็นแสร้งยิ้มให้ “คุณชายลู่ ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณจะยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของพนักงานในใต้บังคับบังชาด้วย”
เรื่องส่วนตัว?
หมายความว่าพวกเขาอยากสานสัมพันธ์กัน?
ลู่จิ้นยวนเองก็ฉีกยิ้มขึ้นด้วยแววตาแข็งกร้าว “ก็ถ้าอยู่ในเวลางานจะไม่ให้ยุ่งก็คงไม่ได้ อีกอย่าง คุณชายเหอจะรู้ได้ยังไงว่าไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียว?”
นัยน์ตาเหอจื่ออันฉายแววโมโห “งั้น ผมก็รอให้เธอเลิกงานก่อนแล้วกัน บริษัทฯใหญ่โตอย่างบริษัทตระกูลลู่ย่อมมีระเบียบการทำงานที่ชัดเจน ก็คงไม่ให้พนักงานทำงานยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่หยุดหรอกนะ”
ลู่จิ้นยวนมองใบหน้ายิ้มแย้มของเขาแล้วรู้สึกขัดตา “ก็แล้วแต่คุณ”
พูดจบ ก็เดินจากไปทันที พนักงานรักษาความปลอดภัยจึงรีบเข้ามายกของจากหลังรถ
รอจนทุกคนไปแล้ว เหอจื่ออันจึงทุบพวงมาลัยหน้ารถด้วยความเจ็บใจ
ไอ้ลู่จิ้นยวน
……….
เวินหนิงขึ้นมาถึงชั้นบนก็เริ่มจัดเก็บของ ไม่นานลู่จิ้นยวนก็ตามขึ้นมา
เธอเห็นเขาเดินใกล้เข้ามา ขณะที่กำลังจะเดินหนี ทันใดนั้นก็มียาหลอดหนึ่งโยนมาตรงหน้า “เอาไปทา”
เวินหนิงมองดูแวบหนึ่ง เห็นเป็นยาทาสำหรับแผลพุพอง ลู่จิ้นยวนซื้อยาให้เธอ นี่พระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วเหรอ?
“ฉันไม่อยากให้คนอื่นมาว่าได้ว่าบริษัทตระกูลลู่ไม่มีปัญญาซื้อยา และไม่ดูดำดูดีพนังาน” ลู่จิ้นยวนมองดูสีหน้าลังเลของเวินหนิงแล้วรู้สึกหงุดหงิด
ทีรับของเหอจื่ออัน ไม่เห็นเธอจะลังเลแบบนี้
“รู้แล้วค่ะ งั้นก็…..ขอบคุณค่ะ” เวินหนิงไม่เข้าใจว่าลู่จิ้นยวนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่อยากคิดให้ปวดหัวเลยไม่สนใจมันอีก
ในเมื่อเธอได้แผลก็เพราะเขา ยาหลอดนี้รับไว้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
คิดได้ดังนั้น เวินก็เปิดฝาหลอดยาออก และบีบยามาทาแผลด้วยท่าทางนิ่งเฉย
สีหน้าบึ้งตึงของลู่จิ้นยวนคลายลงเล็กน้อย “สองสามวันนี้เธอก็ไม่ต้องเช็คทำความสะอาดตู้และชั้นวางต่างๆ รอให้มือหายค่อยทำ”
พูดเสร็จ ชายหนุ่มก็เดินจากไป
เวินหนิงนิ่งอึ้งไป งานตอนนี้เธอคือทำความสะอาด แล้วนี่ลู่จิ้นยวนมาบอกให้เธอไม่ต้องทำ หมายความว่าไง?
เห็นว่าเธอเจ็บมือเหรอ?
ผู้ชายคนนี้จะใจดีแบบนี้จริงเหรอ?
………
หลายวันมานี้ ทุกอย่างดูสงบราบเรียบ
ลู่จิ้นยวนไม่ได้หาเรื่องอะไรเวินหนิงอีก งานของเธอนอกจากจัดเก็บของแล้วก็แค่เข้างานและเลิกงานเป็นเพื่อนเขา งานค่อนข้างจะเบาสบายไม่น้อย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเข้าสู่วันหยุดสุดสัปดาห์
เวินหนิงตื่นมาตอนเช้าก็ได้รับสายจากเหอจื่ออัน
“วันนี้อากาศดีมาก ออกไปเที่ยวกันมั้ย? ฉันได้บัตรคอนเสิร์ตมาสองใบ ไปด้วยกันนะ? กว่าจะได้มาไม่ง่ายเลย”
ในเมื่อลู่จิ้นยวนไม่ให้เขาจีบพนักงานเขาในเวลางาน งั้นวันหยุดเขาก็มายุ่งไม่ได้แล้วซินะ?
“คะ?” เวินหนิงรู้สึกแปลกใจ ไม่คิดว่าเหอจื่ออันจะชวนเธอ
คนอย่างเขาจะเป็นเพื่อนกับเธอได้จริงเหรอ เธอรู้สึกไม่มั่นใจ
“เรื่องครั้งก่อนต้องขอโทษด้วยจริงๆ ฉัน……”
เวินหนิงยังจำได้ว่าครั้งก่อนลู่จิ้นยวนตั้งใจทำให้เหอจื่ออันต้องตกอยู่ในความลำบาก ขณะที่เธอกำลังกล่าวขอโทษเขาอยู่ ทันใดนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ
ได้ยินสิ่งที่เธอพูดูเข้า แววตาของลู่จิ้นยวนก็เข้มขึ้นทันที ก่อนจะมีสีดังปังตามมา เขาตั้งใจกระแทรกประตูปิดเสียงดังใส่
“มีอะไร? ทำไมเสียงดังจัง”
เวินหนิงหันกลับไปดู เห็นเข้ากับสีหน้าเกรี้ยวกราดของชายหนุ่ม หรือว่า เขาจะได้ยินแล้ว?
“ไม่…..ไม่มีอะไรค่ะ…..” เวินหนิงอึดอัดเล็กน้อย “คือ….ฉันไม่รู้เรื่องดนตรีเท่าไหร่ กลัวว่าจะไปทำให้คุณเสียบรรยากาศเปล่าๆ ยังไงก็หาคนอื่นไปด้วยเถอะนะคะ”
พูดจบ เวินหนิงก็รีบวางสายทันที
ลู่จิ้นยวนไม่แม้แต่มองหน้าเธอ “ไปเอาผ้าขนหนูมา”
ชายหนุ่มที่เพิ่งออกจากห้องน้ำ สวมเพียงเสื้อคลุมตัวใหญ่ตัวเดียว น้ำบนผมที่ยังเปียกหยดลงมาตามหน้าอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง ไหลเข้าไปยันจุดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ พาให้เกิดจินตนาการกันไปไกล
เพียงท่าทางธรรดาของผู้ชายคนนี้ ยังมีเสน่ห์ดึงดูมากมายจนเกือบหยุดหายใจ เวินหนิงมองเพียวแวบเดียว ก็รีบก้มหน้าลงทันที