เธอคิดว่า ขอแค่ตัวเองนั้นสามารถดีไซน์ชุดที่โดดเด่นและสะดุดตาที่สุดชุดหนึ่ง ไม่แน่ คงจะสามารถเอาชนะชุดทั้งเจ็ดของโม่โยวผู้หญิงคนนั้นได้
อย่างไรก็ตาม ต่อให้สามารถออกแบบเสื้อผ้าออกมามากมาย ถ้าไม่มีความพิเศษหรือจุดเด่นของมัน ก็ไม่มีประโยชน์
เธอมั่นใจในชุดสีทองของตัวเองมาก แต่คาดคิดไม่ถึงว่าหลังจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างล่างเวทีปรึกษาหารือกันแล้ว ให้คะแนนตัวเองแค่ห้าสิบเท่านั้น
เล่นตลกอะไรกัน
ฟิลเอ๋อรู้สึกโกรธมาก ด้วยสติปัญญาที่เหลืออยู่ทำให้เธอไม่สามารถโวยวายออกมา ได้แต่หายใจเข้าลึก ๆ
” ชุดสีทองของดิฉันนี้ ที่โดนหักไปห้าสิบคะแนน กรรมการพอจะสามารถให้คำแนะหน่อยได้ไหมคะ ”
กรรมการทั้งหกคนสามารถเดินมาถึงจุดนี้ได้ ก็เพราะแวดวงนี้ ถึงว่าเป็นเซียนการทั้งนั้น ไม่มีทางที่จะดูไม่ออกว่าคำพูดที่ไม่พอใจของฟิลเอ๋อนี้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเห็นแกฐานะของเธอ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเธอเลยซะนิด.
“คุณฟิลเอ๋อ ชุดสีทองของคุณนี้ ถ้ามองจากการดีไซน์แล้วล่ะก็ ต้องยอมรับว่ามันสมบูรณ์แบบมาก ”
“แต่ว่า ที่นี่ไม่ใช่ห้องออกแบบส่วนตัวของคุณ ที่นี่เป็นที่แข่งขัน การตัดสินทั้งหมดนี้ นอกจากตัวงานแล้ว ยังมีกฏกติกาด้วย”
“ตามกฎกติกาของการแข่งขัน เหตุผลที่เลือกนางแบบที่มีรูปลักษณ์หลากหลายเหล่านี้ ก็เพื่อที่จะทดสอบความสามารถความหลากหลายและแรงบันดาลใจในปรับเปลี่ยนลูกเล่นของของดีไซน์เนอน์”
“สามารถใช้ความบกพร่องของนางแบบ มาดีไซน์ให้ชุดออกมาสวยงาม และยังสามารถปกปิดความบกพร่องนั้นได้ นี่เป็นเกณฑ์การตัดสินขั้นสูงสุดของการแข่งขันครั้งนี้”
“ชุดที่คุณฟิลเอ๋อออกแบบนี้สมบูรณ์แบบมากก็จริง แต่นางแบบล่ะ การออกแบบนั้น ลำดับแรกก็คือคน ถึงจะเป็นชุด คุณกลับโฟกัสผิดไปอย่างสิ้นเชิง”
” ไม่ว่าจะเป็นศิละปะอะไรก็มีจิตวิญญาณกันทั้งนั้น และมนุษน์เป็นคนมอบจิตวิญญาณนั้นให้มัน สิ่งที่เราต้องการดูคือผลลัพธ์ที่นางแบบสวมใส่แล้วจะออกมายังไง แต่คุณกลับให้เราดูแค่ผลลัพธ์ของเสื้อผ้าเท่านั้น ความสำคัญมันกลับกัน ดังนั้นพวกเราจึงให้ได้แค่ครึ่งหนึ่งของคะแนน”
ฟิลเอ๋อพูดอะไรไม่ออก สีหน้าของเธอยังคงไม่ดี
เธอไม่สามารถหักล้างคำพูดของคนเหล่านี้ได้ แต่ในใจเธอไม่เห็นด้วยอย่างมาก จิตวิญญาณอะไร อะไรคือคนสำคัญกว่า เธอไม่ได้สนใจทั้งนั้น
ในความคิดของเธอ ในเมื่อเป็นการแข่งขันออกแบบเสื้อผ้า จึงควรให้ความสำคัญกับเสื้อผ้า เสื้อผ้าที่ใครออกแบบได้สวยที่สุดคนนั้นก็เป็นแชมป์
นางแบบขี้หมาพวกนี้ ไม่รู้ว่าไปหามาจากไหน ซึ่งมันไม่คู่ควรที่จะให้เธอมาออกแบบเสื้อผ้าให้พวกเขา
สำหรับนางแบบที่เหลืออีกสองคน เสื้อผ้าของคนมีอายุนั้น ไม่มีความโดดเด่นอะไร ธรรมดามาก คะแนนคอนข้างที่จะต่ำมาก สำหรับชุดพระราชวังของหญิงอ้วนนั้น
อย่างน้อยเสื้อผ้าได้ดีไซน์ออกมาแล้ว แต่กลับไม่ได้ใส่อยู่บนตัวของนางแบบอ้วน เพราะใส่ไม่ได้
ฟิลเอ๋อแทบจะไม่เคยสัมผัสกับไซน์ร่างกายที่ไม่ตรงกันของซูเปอร์นางแบบ และน้ำหนักของนางแบบอ้วนคนนี้ก็เกินมาตรฐานไปอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าฟิลเอ๋อจะตั้งใจเพิ่มขนาดเอวแล้วก็ตาม แต่ก็ยังใส่ไม่ได้อยู่ดี
ดังนั้น ในที่สุดชุดพระราชวังนี้ ก็ถูกสวมใส่ไว้บนหุ่นจำลอง มีนางแบบอ้วนคนนั้นยืนอยู่ข้างๆ
แต่ปัญหามาอีกแล้ว หุ่นจำลองนั้นเป็นไซน์มาตรฐาน เนื่องจากตอนออกแบบได้เพิ่มไซน์ไปหลายขนาด ทำให้ดูอึมครึมมากตอนสวมใส่อยู่บนหุ่นจำลอง ดังนั้นคะแนนจึงต่ำมากเช่นกัน
แต่ละชุดมีคะแนนเต็ม 100 คะแนน ทั้งหมดเจ็ดชุดก็ 700 คะแนน แต่สุดท้ายฟิลเอ๋อ100 คะแนนก็ไม่ได้ ทำให้เธอเสียหน้าอย่างยิ่ง
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคำนึงถึงตำแหน่งของกรรมการทั้งหกคนนี้ คนของซีซานที่เข้ามารับชมออกไปตั้งนานแล้ว
มันยากมากที่ฟิลเอ๋อจะต้องพยายามยืนอยู่บนเวทีด้วยอารมณ์โกธรมาก เธอใช้สายตาอันเฉียบคมจ้องมองโม่โยวที่ยืนอยู่ตรงข้าม
เธออยากดูเหมือนกันว่า ผู้หญิงตรงข้ามนี้จะสามารถดดีไซน์ออกมาได้ดีแค่ไหน
” เอาล่ะ ทีนี้เรามาดูการดีไซน์ของคุณโม่โยวกันดีกว่า ” พิธีกรกล่าว
โม่โยวหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเปิดช่องกั้นช่องแรกออก แล้วจูงมือนางแบบออกมาเดินไปตรงกลางเวทีกับเธอ
ขณะเดียวกันบนหน้าจอขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังเวที ก็มีรูปเก่าของนางแบบคนปัจจุบันปรากฏขึ้น เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบได้ชัดเจนขึ้น
ทันทีที่แสงฉายไปตรงนางแบบ กรรมการทั้งหกคนก็พากันพยักหน้าและคุยปรึกษากันขึ้นมา
หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ โม่โยว ก็เหมือนกับนางแบบคนแรกของฟิลเอ๋อ มีแผลไหม้ไปทั่วร่างกาย แต่สไตล์การออกแบบของทั้งสองคน แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ชุดของหญิงสาวที่ใส่อยู่นั้น ได้สร้างจากนางเงือกในเทพนิยาย
ชุดเดรสสีฟ้าไล่ระดับ ได้ห่อหุ้มร่างกายที่มีสัดส่วนของนางแบบ ตรงส่วนเอวและตรงหน้าอกทำด้วยผ้าโปร่งกลวง
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือผิวหนังส่วนที่ไหม้ตรงแขนและลำคอของนางแบบ โม่โยวได้เผยให้เห็นด้วยเกล็ดที่สวยงามของเฉดสีที่แตกต่างกันเพื่อปกปิดรอยแผลเป็นที่น่าเกลียด
การปกปิดด้วยเกล็ดเหล่านี้ ได้เข้ากับกระโปรงเกล็ดบนร่างกายได้เป็นอย่างดีและค่อนข้างที่จะสวยสมบูรณ์แบบมาก
ใบหน้าโหงวเฮ้งของนางแบบได้รับการแก้ไขด้วยการตกแต่งหน้า ทำให้รอยแผลเป็นนั้นจางลงมาก
โม่โยวได้ใช้สีที่ค่อนข้างสดใสและใช้สีน้ำเงินเป็นหลักวาดลายดอกไม้ที่หางตา ทำให้ออกมาสวยงามมาก คางและโหนกแก้มของเธอโรยด้วยกระเพชรที่เรืองแสง
ผมที่ยาวถูกม้วนงอพาดไว้ด้านหลัง และได้มีการโปรยกระเพชรลงไปบางส่วนทำให้เรืองแสงประกายแวววาว
ภายใต้พรแห่งความฝันนี้ หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอไม่อยากมองเห็นรูปลักษณ์ที่น่ากลัวบนหน้าจอด้านหลังของเธอ ถ้าเทียบกับเธอในตอนนี้แล้ว เธอเหมือนกับเจ้าหญิงนางเงือกที่สวยงามในเทพนิยาย
สามารถบอกได้เลยว่านางแบบคนแรกนี้ การออกแบบและการเปลี่ยนแปลงนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก กรรมการได้ให้คะแนนสูงถึง 98 คะแนน
ลู่จิ้นยวนเป็นคนแรกที่ปรบมือ หนุ่มน้อยลู่อันหรานที่ตื่นขึ้นมานั่งอยู่ข้างๆ ตะโกนออกมาอย่างไม่อายคน ” คุณแม่เยี่ยมมากครับ”
แตกต่างจากความตื่นเต้นของพวกเขา ซีซานที่อยู่ข้างล่างเวทีกับฟิลเอ๋อที่อยู่บนเวทีสีหน้าเหม็นเขียว คิดว่าต่อให้มีกระจกกั้นก็ยังได้กลิ่น
แต่สีหน้าที่ไม่ยอมแพ้นี้ ยิ่งทำให้คนอืนเขาดูถูก
ต่อมานางแบบที่เหลือทั้งหกคนของโม่โยวก็ปรากฏตัวตามลำดับ ถึงแม้ว่าจะไม่สะดุดตาเท่านางแบบคนแรก แต่ชุดทั้งหมดก็มีไอเดียที่ไม่เลวเลยทีเดียว
ในเวลาเจ็ดชั่วโมงนี้ สามารถออกแบบชุดเจ็ดชุดที่ไม่เหมือนกันสีสันหลากหลายมีความโดดเด่นของแต่ละชุด ถือว่าเก่งมากแล้ว สุดท้ายคะแนนรวมที่โม่โยวได้สูงถึงห้าร้อยแปดสิบคะแนน
เธอคว้าแชมป์นี้ไปอย่างไม่ต้องสงสัย
ในคำสั่งของลู่จิ้นยวน……. พอผลสรุปออกมา ผู้สื่อข่าวที่รอคอยมาเป็นเวลานานต่างพากันวิ่งเข้าไปตรงหน้าของตระกูลฮอร์ตัน และล้อมรอบพวกเขาไว้
“คุณฟิลเอ๋อคะ ได้ยินมาว่าคุณเป็นแชมป์ในการแข่งขันครั้งก่อน ๆ ตลอด ครั้งนี้แพ้การแข่งขัน คุณมีอะไรอยากจะพูดไหมคะ”
“คุณฟิลเอ๋อครับ ตลอดการแข่งขันสีหน้าของคุณไม่ดีเลย เป็นเพราะมีความไม่พอใจต่อการตัดสินของกรรมการเหรอครับ ”
“ได้ยินมาว่าการแข่งขันครั้งนี้ ฝั่งของคุณฟิลเอ๋อเป็นคนเสนอขึ้นมาใช่ไหมคะ ตอนนี้ไพ่แพ้แล้ว ไม่ทราบว่าคุณเสียใจไหมคะ”
“… ”
คำถามทุกรูปแบบถูกถามออกมาอย่างกับว่าไม่มีที่สิ้นสุด ฟิลเอ๋อที่อดกลั้นความโกธรไว้ตั้งนานได้ระเบิดออกมา โดยตะโกนด่าเป็นภาษาจีนและภาษาอังกฤษสลับกันไป
ส่วนคนของฝั่งตระกูลลู่ เดินออกไปอย่างสบายและง่ายดาย
แน่นอนว่าเขายังไม่ลืมโม่เทียนยวี๋ที่รออยู่ข้างนอก เขาจึงรีบร้อนพาโม่โยวใช้ทางเดินพิเศษออกไป เรื่องการบริจาคเขาได้มอบให้ผู้ช่วยอันเฉินไปจัดการแทน