มันยากมากกว่าเขาจะสามารถระงับรอยยิ้มได้ในที่สุด ศีรษะน้อยๆที่ขยับไปมาของเขาพยายามไม่มองไปที่ใบหน้าตลกบนเตียงผู้ป่วย เลยต้องแอบหยิกตัวเอง
“คุณแม่ครับ ทำไมคุณแม่ถึงมาที่โรงพยาบาลครับ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ”
แน่นอนว่าลู่อันหรานไม่สามารถบอกได้ว่า ทำไมเขาถึงรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ดวงตาเล็กที่แดงอย่างกับจะร้องไห้ออกมา ทำให้โม่โยวลืมถามไปเลยว่าเขามาได้ยังไง
“ เปล่าค่ะ แม่ไม่ได้ไม่สบาย ยังจำลุงโม่ได้ไหม เป็นเพราะเขาเข้าโรงพยาบาล แม่ก็เลยมาเยี่ยมเขาหน่อย”
ลู่อันหรานหันไปมองหน้าโม่เทียนยวี๋ที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย ราวกับว่าเขาลืมไปอย่างสิ้นเชิงกับเรื่องก่อนหน้านั้นที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเขินอายของเด็ก
“ หวัดดีครับลุงโม่”
โม่โยวนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ เจ้าตัวเล็กนี้เป็นคุณชายน้อยของตระกูลลู่จริงๆ ซึ่งมีนิสัยเป็นของตัวเองตั้งแต่เด็กๆ เดิมทีเธอยังกังวลว่าลูกชายจะอารมณ์เสียและโวยวาย
แต่การแสดงออกของลูกชาย ทำให้เธอประหลาดใจและภูมิใจเล็กน้อยว่าลูกรักของตนเองนั้นยังมีมารยาทไม่น้อย
ไม่ว่าจะยังไง ตอนนี้โม่เทียนยวี๋เป็นคนป่วย เธอนั้นมาเยี่ยมเขา ดังนั้นเธอย่อมไม่อยากให้ลูกชายของตัวเองต้องมีความขัดแย้งกับโม่เทียนยวี๋
ดวงตาของโม่เทียนยวี๋หรี่ลง แม้ว่าเขาจะเกลียดเจ้าตัวเล็กจนแทบตาย ณ ตอนนี้เขาทำได้แค่กลั้นหายใจเข้าไปแล้วยิ้มเยาะออกมาอย่างเจ็บใจ
“ที่แท้เป็นอันหรานนี่เอง คิกๆ ช่างน่ารักจริงๆ”
น่ารักบ้านแกสิ ลู่อันหรานบ่นเงียบ ๆ
อันที่จริงเขายืนอยู่ข้างนอกมาสักพักแล้ว ยังแอบเปิดประตูเป็นช่องเล็ก ๆ แล้วเสียงข้างในก็ลอยเข้าหูเขาอย่างแผ่วเบา
เมื่อได้ยินคนตระกูลโม่เจ้าเลย์คนนี้พูดคำน้ำเน่าเหล่านั้น ทำให้เขาอยากจะอาเจียนออกมาและรู้สึกโกรธมาก เพราะกลัวว่าคุณแม่จะโดนคำพูดเหล่านั้นหลอก
ดังนั้น เขาจึงตั้งใจจะสั่งสอนเขาสักหน่อย
ในสมองเล็กๆของเขานั้นเต็มไปด้วยแผนการต่างๆ ลืมตาโตกระพริบให้ดูน่ารักน่าเอ็นดู
“ คุณลุงโม่ครับ คุณป่วยแบบนี้คงจะอึดอัดตัวอย่างมาก ผมก็เคยป่วยเหมือนกันครับ ก็อึดอัดมากเหมือนกัน ทุกครั้งที่ผมป่วย คุณพ่อผมก็จะอ่านหนังสือนิทานให้ผมฟังครับ”
“คุณลุงโม่ครับ ผมจะเล่านิทานให้ฟังนะครับ คุณจะฟังนิทานเรื่องเแพะน้อยหรือว่าเรื่องอุลตร้าแมนครับ”
โม่เทียนยวี๋ “… ”
มุมปากของเขากระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ นี่มันเรื่องอะไรกัน
โม่โยวเอามือแตะไปที่ศีรษะน้อยๆของลูกชาย เธอรู้สึกว่าลูกชายของตัวเองนั้นช่างน่ารักน่าชังจริง และเป็นเด็กที่ดีที่สุดในโลก ใจนั้นเกือบจะละลาย จนอดหอมแก้มน้อยของเขาไม่ได้
ลู่อันหรานยิ้มหวานและหอมเธอกลับ
สองแม่ลูกยืนอยู่ที่นี่เธอหอมแก้มฉัน ฉันหอมแก้มเธอ ทำให้โม่เทียนยวี๋ที่ดูอยู่นั้นแทบจะเส้นเลือดอุดตันตาย วันนี้เขาได้วางแผนเรียบร้อยแล้ว เขาจะเล่นอุบายเจ็บกาย
สุดท้าย ก็โดนเจ้าเด็กคนนี้ทำพังหมด
“คุณแม่ครับ ใกล้จะได้เวลาทานอาหารกลางวันแล้ว ผมรู้จักร้านอาหารสมุนไพรเจ้าหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆโรงพยาบาลนึ้ โจ๊กยาสมุนไพรของร้านเขากินแล้วดีต่อสุขภาพมากเลยครับ”
ขณะที่เจ้าตัวเล็กพูดอยู่นั้นก็ได้หยิบการ์ดสีทองออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็กๆของเขา ” นี่เป็นการ์ดของคุณพ่อครับ ถ้าใช่การ์ดใบนี้ไปซื้อไม่จำเป็นต้องต่อแถวครับ คุณแม่ไปซื้อกลับมาได้เลยนะครับ ลุงโม่กินแล้วจะต้องหายดีอย่างแน่นอนครับ ผมรออยู่ที่นี้เล่านิทานให้ลุงโม่ฟังนะครับ ”
ร้านอาหารสมุนไพรเจ้านี้มีชื่อเสียงมาก และกิจการดีมาก ไม่เพียงแต่ต้องจองนัดเท่านั้น แต่ยังมีอาหารจำนวนจำกัดต่อวันด้วย เกินหนึ่งเซตก็ไม่ได้ มันยากมากที่จะได้รับประทาน
แต่อาหารที่อยู่ข้างในนั้นดีต่อร่างกายมากและรสชาติก็ดีด้วย โม่โยวเคยได้ยินมาบ้าง
โม่โยวไม่แปลกใจเลย ที่ลู่จิ้นยวนสามารถมีสิทธิพิเศษแบบนี้ได้ เมื่อมองไปที่ท่าทางอาการบาดเจ็บของโม่เทียนยวี๋นั้นค่อนข้างที่จะหนัก ดูแล้วจำเป็นที่จะต้องบำรุงจริงๆ
เธอไม่ได้ลังเลเลยสักนิด เธอหยิบการ์ดแล้วเดินออกไปเลยโดยไม่รอให้โม่เทียนยวี๋ห้าม
เมื่อสามารถเบี่ยงเบนคุณแม่ออกไปสำเร็จแล้ว ใบหน้าและท่าทางที่น่ารักของลู่อันหรานก็เปลี่ยนไปทันที โบกมือให้ลู่เอ๋อไปเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู ส่วนลู่อีก็เฝ้าอยู่ที่ห้องผู้ป่วย
ก้นน้อยๆของหนุ่มน้อยก็ได้นั่งลงบนเก้าอี้ เขย่าขาสั้น ๆของเขาไปมา จับที่คางเล็กๆ ด้วยสีหน้าที่น่าตื่นเต้น มองไปที่ใบหน้าหัวหมูของ โม่เทียนยวี๋อย่างใช้ความคิด
วินาทีถัดไป
“ เย ฮ่า ฮ่า ฮ่า … ”
เสียงหัวเราะที่ดีใจและหยิ่งทะนงดังออกมาจากปากของลู่อันหราน แล้วก็ตบขาตัวเองพร้อมกับหัวเราะออกมา มือชี้ไปที่ใบหน้าของเขาอย่างมีความสุข
“ลุงโม่ครับ ครั้งสุดท้ายที่ผมเจอคุณยังดูเป็นผู้เป็นคนอยู่เลย กี่วันไม่เจอ ทำให้ลุงถึงได้กลายเป็นหัวหมูสักงั้น โอ้ น่าตลกจริงๆ”
อย่างไรก็ตาม ครั้งสุดท้ายที่ห้างสรรพสินค้าเขาและคนตระกูลโม่คนนี้ก็ได้เป็นศัตรูต่อกันแล้ว และตอนนี้โม่โยวก็ไม่ได้อยู่ข้าง ๆ ดังนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นกับผู้ชายคนนี้อีก
ใบหน้าของโม่เทียนยวี๋นั้นกลายเป็นสีดำทันที เพราะรอยช้ำบนใบหน้าของเขาทำให้มองไม่ออก
ขณะเดียวกัน เพราะโม่โยวไม่อยู่ โม่เทียนยวี๋ก็ไม่ได้กังวลอะไรอีก ความโกรธที่อยู่ในใจและความไม่พอใจของก่อนหน้านั้น ที่โดนลู่อันหรานนั้นหัวเราะเยาะและท่าทางกวนประสาทนั้น
“ไอ้หมาน้อย ฉันรู้ว่าแกตั้งใจ”
คำด่าของเขาเพึ่งจะออกมา ใบหน้าที่เย็นชาของลู่อี ไม่รู้ว่ามีก้อนหินอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เสียงซู่ออกไป ก้อนหินนั้นก็ไปลงที่ปากของโม่เทียนยวี๋อย่างจรวด
“อ่า … ” โม่เทียนยวี๋ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด กุมปากที่เจ็บและชาของเขาไว้ ทำให้เขาโมหกจนกระโดดขึ้นจากเตียง แล้วจ้องไปที่ ลู่อันหรานสายตาของเขานั้นน่ากลัวมาก
แต่เจ้าตัวเล็กนั้นจะกลัวเหรอ ไม่ อย่างแน่นอน
เขาเอามือใส่เอว ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า ” ผมขอเตือนคุณช่วยระหว่างคำให้ดีหน่อย ไม่งั้น ผมจะถอนฟันของคุณออกทีละซี่ทีละซี ฮึ่ม”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็สังเกตไปที่ขาของโม่เทียนยวี๋ แล้วคิ้วเล็กๆของเขาก็ต้องชนกันอย่างกับรถไฟ
” ฮึม ฮึม คุณไม่ใช่ว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์จะตายแล้วเหรอ แต่ผมเห็นคุณกระโดดเต้นไปมาตั้งนานแล้ว ที่แท้ก็โกหกแม่ของผมนี่เอง”
หลังจากที่หนุ่มน้อยพูดจบ เขาก็จับคางตัวเองไปมาอย่างกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ” คุณแม่ผมออกจะใจดีขนาดนั้น ถ้ารู้ว่าคุณโกหกเธอ เธอจะต้องเสียใจมาก ผมจะไม่ยอมปล่อยให้คุณแม่ผมต้องเสียใจแน่นอน ดังนั้น .. .”
ปากเล็ก ๆ ที่แดงก่ำของลู่อันหรานกระตุกขึ้น ทั้งๆที่เป็นแค่เด็กน่ารักใสซื่อ แต่สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นทำให้คนที่ฟังรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที
” งั้นให้ผมช่วยทำให้เรื่องโกหกนี่ให้เป็นเรื่องจริงนะครับ แบบนี้คุณแม่ของผมจะได้ไม่รู้ว่าคุณโกหกเธอ ฮิฮิ ผมนี่ฉลาดจริงๆ”
เขาเหลียบตามองไปที่ลู่อี แล้วคนข้างหลังก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรู้ทัน
โม่เทียนยวี๋ตกใจกลัว ความเจ็บปวดที่มุมริมฝีปากยังไม่หาย เขาเบิกตากว้างพร้อมกับก้าวถอยหลัง ” แก แกจะทำอะไร ฉันขอเตือนพวกแก โม่โยวจะกลับมาเร็ว ๆ นี้แล้ว พวกแกกล้า .. ”
” วางใจได้ ผมจะให้ลู่อีเบามือหน่อย ผมสัญญาว่าตอนกระดูกขาคุณหัก คุณจะไม่รู้สึกเจ็บเลย ” เจ้าตัวเล็กพูดด้วยรอยยิ้ม
ลู่อีขยับนิ้วไปที่กรามของโม่เทียนยวี๋อย่างรวดเร็ว โม่เทียนยวี๋รู้สึกตกใจกลัวจนพูดไม่ออก
แค่วินาทีเท่านั้น ก็มีเสียง กร๊อบ ดังขึ้นสองครั้ง แล้วมีอาการปวดอย่างรุนแรงที่ขาทั้งสองข้างของเขา ดวงตาและปากของเขาเบิกกว้าง ได้แค่เพียงหายใจ ฮ่า ออกมา ไม่สามารถส่งเสียงใด ๆออกมาได้
เจ็บ เจ็บมาก มันเจ็บมากจริงๆ
ลู่อีได้นำขาทั้งสองข้างของเขา ทำการขยับเลื่อนตรงหัวเข่าของเขาให้จรงข้อต่อของกระดูกผิดที่ ระดับนี้จะทำให้กระดูกขาหลุดออกจากข้อต่อเท่านั้นและไม่เป็นอันตราย แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือมันจะเจ็บปวดมาก
แต่สิ่งที่เจ้าตัวเล็กต้องการก็คือแค่ผลลัพธ์เท่านั้น
นี่กล้าใช้อุบัติเหตุรถยนต์มาโกหกแม่ของเขา เพื่อจะได้ความเห็นใจจากแม่เขา งั้นเขาก็ปล่อยให้คนตระกูลโม่คนนี้ได้สัมผัสถึงประสบการณ์จริงจากการถูกรถชนที่ขา