งานเลี้ยงจบอย่างราบรื่น ลู่จิ้นยวนทยอยส่งแขกกลับ
เมื่อกลับถึงห้อง เวินหนิงก็กำลังจ้องโน้ตบุ๊คอยู่ขมวดคิ้วเหมือนกับกำลังคิดเรื่องอะไรบางอย่าง จนแม้แต่ลู่จิ้นยวนกลับมาก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนกับว่ากำยังกำลังตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง
ลู่จิ้นยวนเดินไปแล้วมองไปที่หน้าจอ บนนั้นเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการร้องเรียนทบทวนคดีในชั้นศาล แต่ยังดูไม่ชัดเวินหนิงก็รู้สึกว่ามีคนมาแล้วรีบปิดหน้าเว็บทันที
หันกลับไปก็เห็นลู่จิ้นยวน เธอก็เลยลุกขึ้น “ฉันมีข้อมูลอะไรบางอย่างต้องเสิร์ช”
ลู่จิ้นยวนเอ่ยตอบรับอย่างเรียบนิ่งแล้วไม่ได้เอ่ยพูดอะไรอีก
เวินหนิงดูเขาอารมณ์ก็ค่อนข้างดีก็เลยอยากจะลองถาม “คือ เรื่องวันนี้ฉันไม่ใช่เป็นคนพูด ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาได้ข่าวนี้มาได้ยังไง”
ถึงแม้ประเด็นคำพูดของคุณอากับอาสะใภ้จะไม่มีผลกระทบอะไรมาก แต่เวินหนิงก็ไม่อยากทำให้ตัวเองเป็นคนผิด
“ผมรู้” เมื่อลู่จิ้นยวนเห็นว่าเธอรีบอธิบายก็เลยขมวดคิ้ว
คู่สามีภรรยาลู่หมิงฮั่นช่วงนี้อยู่ต่างประเทศแล้วเวินหนิงเป็นคนนอกไม่มีทางรู้เรื่องของตระกูลลู่ เพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่เคยสงสัยเธอเลย
แต่ว่าท่าทางของผู้หญิงคนนี้ที่กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ ในสายตาเธอ เขาเป็นคนที่ไม่แยกแยะขนาดนี้เลยหรอ?
“งั้นก็ดี งั้นก็ดี” เวินหนิงพยักหน้ากำลังจะเดินออกไป แต่ลู่จิ้นยวนก็เรียกเธอไว้
“เรื่องครั้งนี้เธอรับมือได้ดี ไม่ได้โง่เหมือนที่ผมคิดไว้”
เมื่อเวินหนิงได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกปากกระตุก ผู้ชายคนนี้เหมือนอยากโดนสั่งสอน ทั้งๆที่จะพูดชมว่าเธอฉลาดแต่ก็ยังจะพูดในทางกลับกันแบบนี้
ฟังแล้วไม่ได้ทำให้คนอื่นรู้สึกดีใจเลย
“แน่นอน สมองแล้วก็ไหวพริบฉันดีอยู่แล้ว” เวินหนิงเอ่ยชมตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้น ไม่มีท่าทางที่เกรงใจเหมือนปกติเลย
เมื่อลู่จิ้นยวนเห็นสายตาที่เป็นประกายของเธอ นี่เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เวินหนิงแสดงสีหน้าแบบนี้ต่อหน้าเขา ความเย็นชานิ่งแข็งในวันปกติก็มีความชีวิตชีวาที่เหมาะกับอายุของเธอมากกว่าเดิม
เมื่อมองไปที่สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นไปอย่างเหม่อลอย ลู่จิ้นยวนก็รู้สึกตัวแล้วรีบปรับสีหน้าทันที “พูดชมตัวเอง ไม่อายปาก”
พูดจบก็หันหลังเดินเข้าห้องอาบน้ำ
เวินหนิงมองไปที่แผ่นหลังของเขา ในใจรู้สึกเอื้อมระอาแล้วไม่รู้จะพูดยังไง ลู่จิ้นยวนกลับคำได้เร็วมาก หรือว่าคำพูดที่เธอพูดเมื่อกี้เหมือนเป็นคำล้อเล่นแล้วเขารู้สึกว่าขัดใจ?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เวินหนิงก็เก็บสีหน้าที่น่าเบื่อของตัวเองแล้วย้ำกับตัวเองในใจ ห้ามโอ้อวดไม่งั้นจะทำให้ลู่จิ้นยวนอารมณ์เสียอีก
ในห้องอาบน้ำ หยดน้ำแต่ละหยดไหลผ่านร่างกายที่แข็งแรงของลู่จิ้นยวน ผู้ชายคนนี้มองไปที่กระเบื้องสีขาวตรงหน้าพร้อมขมวดคิ้วเข้ม
เขารู้สึกใจเต้นกับรอยยิ้มของเวินหนิง นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
ขณะที่โดนไอน้ำจากความร้อนโอบล้อมไว้ สายตาลู่จิ้นยวนก็แฝงไปด้วยความสับสน
……
เช้าวันต่อมา เวินหนิงก็ตื่นจากที่นอนแต่เช้า
พอลงมาข้างล่างก็เห็นลู่หมิงฮั่นกับโจวไป๋เยว่ที่ก่อเรื่องเมื่อวานยังอยู่
ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะหน้าด้านแล้วยังอยู่ต่อได้
เมื่อเห็นเวินหนิง โจวไป๋เยว่ก็รู้สึกอัดอันในใจ ถ้าเมื่อวานเป็นเพราะเธอไม่ทำตามที่คาดไว้ ลู่จิ้นยวนก็คงจะเสียหน้าไปตั้งนานแล้ว
แต่ตอนนี้กลับดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับลู่จิ้นยวน แต่พวกเขากลับ เป็นคนที่ไม่จริงใจแล้วไม่หวังดีแทน
“เหอะ นี่เป็นคนใช้ที่บ้านไม่ใช่หรอ? ทำไมถึงวิ่งไปชั้นสองชั้นที่เจ้าของบ้านอยู่ล่ะ?”
เพราะว่าคนอื่นไม่อยู่ ทั้งสองสามีภรรยาก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งเป็นคนดี ก็เอ่ยคำพูดที่เสียดสีอย่างเปิดเผย
เวินหนิงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ดูเหมือนว่าคนนี้จะไม่ถูกกับลู่จิ้นยวน แล้วไม่ได้หวังดีกับเธอด้วย เพราะฉะนั้นเธอไม่อยากยุ่งด้วย
“กำลังพูดกับเธอ เธอไม่ได้ยินหรอ?” โจวไป๋เยว่ถูกมองข้าม ความโมโหในใจก็พุ่งขึ้นไปอีกแล้วเอ่ย “กฎของตระกูลลู่ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเคยสั่งสอนเธอ งั้นวันนี้ฉันก็จะให้เธอรู้ว่าคนใช้ควรจะพูดยังไงกับเจ้าของบ้าน……”
พูดไปด้วยก็ง้างมือขึ้นจะตบรีบ เวินหนิงถอยหลังไปแล้วหลบฝ่ามือนั่นไปได้
แต่ไม่คิดเลยว่าโจวไป๋เยว่ไม่ยอมแพ้ เมื่อเห็นว่าตบไม่โดนก็จะมาตบเธออีกครั้ง
ตอนนี้เวินหิงถอยไปชนกำแพงแล้ว ถอยไม่ได้อีก ดูเหมือนว่ากำลังจะโดนตบ แต่มือของเธอก็หยุดชะงักอยู่กลางอากาศไปฉับพลัน
ลู่จิ้นยวนจ้องมองไปที่โจวไป๋เยว่ แรงที่จับไว้บนข้อมือไม่เกรงใจเลย จับแน่นจนจะบีบกระดูกเธอแตกไปอย่างนั้น
“โอ้ย! เจ็บ!” เมื่อโจวไป๋เยว่เห็นลู่จิ้นยวนก็ตกใจกับสายตาที่เยือกเย็นของเขา “จิ้นยวน? ทำไมแกตื่นแล้วล่ะ? รีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้ เจ็บมาก!”
“ถ้าไม่ตื่นก็คงไม่เห็นอะไรแบบนี้” ลู่จิ้นยวนไม่มีท่าทีที่จะปล่อยมือ มองไปที่เวินหนิงแล้วให้เธอรีบไปจากข้างตัวโจวไป๋เยว่
โจวไป๋เยว่อึ้งกับความเยือกเย็นของลู่จิ้นยวน ทั้งๆที่ผู้ชายตรงหน้าเป็นอายุน้อยกว่าเธอ แต่สายตากลับเหมือนพระราชาที่กำลังมองมาที่เธอ มองเธอเหมือนเป็นแค่มดปลวกอย่างนั้น……
ผ่านไปสักครู่ ลู่หมิงฮั่นค่อยรู้สึกตัวแล้วแยกตัวโจวไป๋เยว่ออกมาอย่างหงุดหงิด “จิ้นยวน แกหมายความว่ายังไง เพื่อผู้หญิงคนนั้นแกจะลงมือกับอาสะใภ้แกหรอ?”
เวินหนิงที่อยู่ห่างไม่มาก จะไปก็ไม่ได้ จะอยู่ต่อก็ไม่ได้ รู้สึกอึดอัดมาก เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเบะปาก
อะไรเรียกว่า’ผู้หญิงคนนั้น’ เธอต่ำต้อยกว่าใครงั้นหรอ สมควรที่จะโดนตบตั้งแต่เช้าแบบนี้หรอ?
ลู่จิ้นยวนได้ยินก็ยิ้มอ่อน แต่สายตาก็ไม่มีความนุ่มนวลเลย “ไม่ว่าจะยังไงในบ้านตระกูลลู่ ก็ไม่ใช่หน้าที่คุณอากับอาสะใภ้จะมาลงมือสั่งสอนคนอื่น ถึงเธอจะผิด ก็ผมเท่านั้นที่จะลงโทษเธอได้”
“แก! นี่แกโตแล้วก็ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่อย่างพวกเราแล้วใช่ไหม?”
ลู่หมิงฮั่นรู้สึกขายหน้า ก็ชี้หน้าลู่จิ้นยวนอย่างนั้น ในขณะที่สถานการณ์กำลังวุ่นวาย ชั้นบนก็มีเสียงไม้เท้าของเถ้าแก่ดังขึ้น “ตั้งแต่เช้าพวกแกกำลังทำอะไรกัน?”
ช่วงนี้อากาศเดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อน เถ้าแก่ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวก็เลยไม่ได้เปิดเผยหน้า
เมื่อลู่จิ้นยวนเห็นท่านก็ปล่อยมือ จากนั้นก็นำผ้าเช็ดมือมาเช็ดทุกซอกทุกมุมที่แตะต้องโดน
ท่าทางที่ไม่ตั้งใจแบบนี้กลับทำให้โจวไป๋เยว่หงุดหงิด “คุณลุงคุณดูสิคะ หนูก็แค่อยากจะสั่งสอนเด็กที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แต่เขากลับบีบมือหนูจนแดง ตอนนี้ยังเจ็บอยู่เลย ยังไงเขาก็ควรเรียกหนูว่าอาสะใภ้ ไม่เคารพผู้ใหญ่แบบนี้เหรอคะ?”
เวินหนิงถูกโยงเข้ามาอย่างอ้อมๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดกับโจวไป๋เยว่ด้วย ท่าทางของเถ้าแก่ก็ค่อนข้างจะเข้มงวด มองไปที่เธอแล้วค่อยเอ่ย “ฉันว่าพวกแกคิดว่าฉันแก่จนไม่รู้เรื่องแล้วสินะ”