“ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายกับคุณเป็นรอบที่สอง ออกไป” ลู่จิ้นยวนเอ่ยพูดอย่างไม่สบอารมณ์
คนคนนั้นนิ่งไปครู่หนึ่ งสุดท้ายก็เดินออกไปโดยที่ไม่เอ่ยพูดอะไรอีก
……
เวินหลานกำลังรอข่าวอยู่ บนใบหน้าของเธอก็มีรอยยิ้มที่เป็นมิตรไม่มีท่าทางของดาราดังเลย สุดท้ายก็ได้รับความชื่นชอบจากทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น
เมื่อเห็นว่าทุกคคล้อมเธออยู่ รอยยิ้มบนใบหน้าก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม แค่เธอแกล้งทำเป็นเอ่ยพูดเกี่ยวกับเรื่องของเวินหนิงอย่างไม่ตั้งใจ คนพวกนี้ก็คงจะเชื่อแน่นอน
กำลังคิดถึงภาพเหตุการณ์ที่เวินหนิงโดนไล่ออกไปอย่างทุลักทุเลของอีกครั้ง ผู้จัดการก็เดินกลับมาแล้วมองไปที่เธอพร้อมเอ่ยยังอึดอัด “ขอโทษนะครับคุณหนูเวิน เพราะว่าผู้บริหารคิดว่าบริษัทไม่ต้องการพรีเซนเตอร์ เพราะฉะนั้นก็เลยล้มเลิกการร่วมงานครั้งนี้ ขอโทษนะครับ”
รอยยิ้มของเวินหลานหยุดชะงักแล้วเอ่ยอย่างเสียงดัง “อะไรนะ? ผู้จัดการหยาง คุณบอกว่าเรื่องนี้มั่นใจมากเลยไม่ใช่หรอ!”
ท่าทางที่ก้าวร้าวแล้วก็บีบบังคับของเวินหลานทำให้คนที่คิดว่าเธอเป็นนางฟ้าที่อ่อนโยนเมื่อกี้ผงะตกใจไป
จากนั้น เวินหลานก็รู้สึกตัวว่าตัวเองแสดงปฏิกิริยาเกินไปก็รีบปรับอารมณ์ “ขอโทษนะคะ ฉันใจร้อนไปหน่อย แต่ว่าเรื่องนี้ก็ตกลงกันได้แล้วถ้าปล่อยไปแบบนี้คงจะ……”
“ขอโทษนะครับ นี่เป็นการตัดสินใจของบริษัท ผมก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
เมื่อพูดจบคำนี้ ผู้คนที่ล้อมอยู่ข้างกายเวินหลานก็ค่อยๆสลายตัวไป ยังไงตอนนี้ก็เป็นเวลาทำงานแล้วพวกเขาก็ยุ่งมากด้วย
เวินหลังรู้สึกถึงความแตกต่างก่อนหลังนี้ก็ทำให้รู้สึกหงุดหงิด แต่ก็ไม่กล้าจะแสดงสีหน้าออกมา กลัวจะเสียภาพลักษณ์ของตัวเอง ก็จำใจทนไว้ รอจนออกไปจากประตูบริษัทตระกูลลู่แล้วขึ้นรถ เธอค่อยโยนปาสิ่งของใกล้มือทุกอย่างทิ้ง
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง? เจ็บใจชะมัด ต้องเป็นเพราะเวินหนิงคอยบงการอยู่ลับหลังแน่ๆ”
เพราะหงุดหงิด สีหน้าของเวินหลานก็ดูไม่ดีมากนัก ไม่มีท่าทางผู้ดีเหมือนวันปกติทั่วไป จนทำให้รู้สึกตกใจ
“โอ๊ย หนูอย่าโมโหเลย ดูสิเมคอัพเละหมดแล้ว” จางหย่าหลินเห็นท่าทางที่หงุดหงิดของลูกสาวตัวเองก็เลยเอ่ยปลอบใจ
“ลู่จิ้นยวนเป็นบ้าไปแล้วหรอ? เขาไม่เกลียดที่เวินหนิงทำให้เขานอนสลบมาสามปี? หรือว่า……”
“หรือว่าเขารู้อะไรบางอย่าง?”
ความคิดนี้ทำให้ทั้งสองแม่ลูกตกใจ
ถ้าลู่จิ้นยวนรู้ว่าคนที่ชนเขาไม่ใช่เวินหนิงแต่เป็นเวินหลาน ผลลัพธ์ที่รอคอยเธออยู่ก็คงจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวแน่ๆ
“แม่ทำยังไงดี ถ้าเวินหนิงเป่าหูลู่จิ้นยวนแล้วหนู……” เวินหลานมองไปที่จางหย่าหลินอย่างร้อนรนใจ
“ไม่หรอก ถึงเวินหนิงจะพูดเรื่องนั้นก็ไม่มีใครเชื่อ ตอนนั้นมันยอมรับในชั้นศาลแล้ว มันมีหลักฐานอะไรให้เชื่อใจว่าตัวเองโปร่งใส?”
ทั้งสองแม่ลูกพูดปลอบใจกันไปไม่กี่คำ เวินหลานก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาเวินหนิง แต่ก็พบว่าตัวเองถูกบล็อกเข้าบัญชีดำแล้ว
“นังสารเลวนั่น ดูสิว่ามันได้ใจแค่ไหน”
เวินหลานเปลี่ยนเบอร์แล้วโทรไปอีกครั้ง เวินหนิงรับด้วยน้ำเสียงดูไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง
เมื่อกี้เพิ่งโดนปฏิเสธแล้วเจอกับลู่จิ้นยวนอีก ก็ทำให้อารมณ์เธอไม่ดีจนถึงขั้นสุด พอรับโทรศัพท์ก็เป็นเวินหลานที่โทรมาอีก
“เธอจะเอายังไงกันแน่? ไม่จบหรอ?” เวินหนิงขี้เกียจที่จะเสแสร้งเลยเอ่ยถามอย่างหงุดหงิด
“ฉันต่างหากที่ต้องถามแกเวินหนิง แกใช้มารยาอะไรถึงทำให้ลู่จิ้นยวนหลงหัวปักหัวปัมจนเขาปฏิเสธฉันเป็นพรีเซนเตอร์ของบริษัท?”
“ปฏิเสธเธอเป็นพรีเซนเตอร์?” เวินหนิงสงสัย แต่ว่าเวินหลานไม่มีทางเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นแน่นอน เพราะฉะนั้น……
ลู่จิ้นยวนช่วยเธองั้นหรอ?
ความรู้สึกบางอย่างเอ่อล้นออกมาจากในใจ ทำให้อารมณ์เวินหนิงที่ไม่ดีเมื่อกี้ดีขึ้นมาไม่น้อย
“ขอโทษนะคะ บอสจะทำยังไงก็เป็นเรื่องของเขา ฉันไม่มีอำนาจขนาดนั้น แล้วเธอจะรู้ได้ยังไงว่าอาจจะเป็นเพราะความสามารถของเธอไม่ได้ก็เลยทำให้คนอื่นรังเกียจ?”
เวินหนิงเอ่ยอย่างได้ใจ จากนั้นก็ตัดสายโทรศัพท์
เวินหลานที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์ก็โกรธจนหายใจไม่ออก จากนั้นเวินหนิงก็ตกอยู่ในภวังของตัวเอง
ลู่จิ้นยวนช่วยเธอ เวินหนิงรู้สึกเหมือนฝันเลย นี่เป็นแค่ความบังเอิญหรือว่า……
พอคิดไปคิดมา เวินหนิงก็อดไม่ได้ที่จะลังเล ผ่านไปสักครู่ ลู่จิ้นยวนก็ออกมาจากห้องทำงาน “ตอนบ่ายผมจะออกไปคุยงาน เธอเข้าไปทำความสะอาดห้องทำงานด้วย”
เวินหนิงยืนขึ้น “รับทราบค่ะ”
เมื่อเห็นลู่จิ้นยวนว่าไม่ได้เอ่ยพูดอะไรกับเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “คือ นายเป็นคนให้บริษัทปฏิเสธเวินหลานใช่มั้ย?”
ฝีเท้าของลู่จิ้นยวนหยุดลง สีหน้าแฝงไปด้วยความเอื้อมละอา
คำพูดเมื่อกี้เธอพูดออกมาอย่างกระทันหัน รอเขารู้สึกตัวค่อยรู้ว่าตัวเองตัดสินใจอะไรแบบนี้ที่ไม่เหมือนกับสิ่งที่เขาจะทำเพื่อเวินหนิง
“เธออย่าหลงตัวเอง ปฏิเสธ ก็แค่ผมไม่ชอบให้ภาพลักษณ์ของบริษัทผูกมัดกับดาราก็แค่นั้น”
เสียงเรียบนิ่งของลู่จิ้นยวนลอยเข้ามาในหู เวินหนิงรู้สึกผิดหวัง แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าความผิดหวังนี้เพราะอะไร
“ไม่ว่าจะยังไง ขอบคุณนายมาก”
เวินหนิงพูดขอบคุณจบ ก็หยิบอุปกรณ์เข้าไปทำความสะอาด ลู่จิ้นยวนมองไปที่แผ่นหลังของเธอแล้วเงียบไปสักพัก จากนั้นค่อยเดินไปพร้อมอันเฉิน
แต่ตอนที่อันเฉินเดินผ่านเวินหนิงก็จ้องมองไปที่เธอด้วย
คนอื่นไม่รู้ แต่เขารู้ดี เมื่อกี้ที่บอสปฏิเสธเวินหลานก็ทำเพื่อเวินหนิงชัดๆ
หรือว่าผู้หญิงคนนี้ บอสจริงจังงั้นเหรอ? จนถึงขั้นมีผลกระทบกับการตัดสินใจของเขาแล้ว?