“ลูก……” คุณผู้หญิงหวังขมวดคิ้ว
ถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าทั้งสองสามีภรรยายังไม่เห็นความผิดปกติระหว่างสองพี่น้องก็แปลกสิ สีหน้าของพวกเขากระวนกระวายมาก
น้องสาวมองไปที่พ่อแม่ตัวเองแล้วกัดฟันพูด “คำพูดที่เหมือนกัน หนูก็อยากจะพูดกับคุณพ่อคุณแม่ด้วย”
“ตั้งแต่เด็กจนโต เราสองพี่น้องหน้าตาเหมือนกันก็ช่างเถอะ แต่ยังต้องกินด้วยกันนอนด้วยกัน ใช้อะไรเหมือนกันใส่อะไรเหมือนกัน ทุกวันที่ตื่นมาแล้วเห็นฝ่ายตรงข้ามก็เหมือนส่องกระจก คุณพ่อคุณแม่คิดว่าความรู้สึกแบบนี้ดีหรอคะ?”
“ทั่วโลกมีเด็กเยอะขนาดนั้น แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นหนึ่งเดียวในโลก แต่พวกเราไม่ใช่ ถึงจะมีหน้าตาที่เหมือนกัน แต่ทำไมคุณพ่อคุณแม่ต้องให้เราแต่งตัวเหมือนกันด้วย”
“ทั้ๆงที่พวกคุณพ่อคุณแม่มีลูกสาวสองคน แต่กลับต้องทำให้เป็นคนคนเดียวกัน คุณพ่อคุณแม่คิดว่าแบบนี้สนุกหรอคะ? พวกเราเป็นคน ไม่ใช่ของเล่นของคุณพ่อคุณแม่”
ทั้งสองสามีภรรยาอึ้งตกใจกับคำพูดของน้องสาว
น้องสาวพูดจบก็หันไปทางพี่สาว “เธอเป็นใบ้หรอ หรือว่าเธอไม่คิดแบบนี้? ทำไมเธอไม่พูดล่ะ เอาแต่ทำตัวแบบนี้ ฉันเกลียดท่าทางของเธอแบบนี้ที่สุด โดยเฉพาะเธอยังมีหน้าตาเหมือนฉันด้วย ฉันขัดตามาก”
พี่สาวไม่รู้จะทำยังไงแล้วเงยหน้ามองพ่อแม่ของตัวเอง ลังเลแล้วเอ่ยเสียงเบา “คุณพ่อคุณแม่คะ อย่าโทษน้องสาวเลยค่ะ ถึงแม้พวกเราจะเป็นฝาแฝด แต่นิสัยความชอบก็ไม่เหมือนกันตั้งแต่เด็ก ต่อไปคุณพ่อคุณแม่อย่าให้พวกเราอยู่ด้วยกันเลยค่ะ”
เวินหนิงมองเห็นภาพเหตุการณ์แบบนี้ ก็แอบถอนหายใจ นี่เป็นเรื่องในครอบครัว คนอื่นไม่ควรยุ่ง ใครก็พูดอะไรไม่ได้
ทั้งสองสามีภรรยารู้สึกตกใจมาก ลูกสาวสองคนที่เลี้ยงมาตั้งสิบแปดปี แต่วันนี้เพิ่งรู้ว่าตัวเองไม่เข้าใจลูกสาวเลย
แต่ไม่ว่ายังไง ที่นี่ก็ไม่ใช่ในบ้าน ทั้งสองสามีภรรยาหันมองไปทางลู่จิ้นยวน “คุณลู่ ขอโทษนะครับที่สร้างปัญหาให้คุณ”
“เราเลือกชุดของดีไซเนอร์โม่คนนี้ครับ เดี๋ยวถ้าตัดชุดเสร็จแล้วเราจะให้คนมารับ ถ้าไม่มีอะไรเราขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณนะครับ”
ลู่จิ้นยวนก็ไม่ยืดยื้ออยู่แล้ว
ถ้าเทียบกับเวินหนิงที่เอาแต่ถอนหายใจ แต่หูยวี่ไม่สนใจครอบครัวตรงหน้าเลยว่าเป็นยังไง สิ่งที่เธอสนใจคือ ตัวเองแพ้การแข่งขัน
ลู่จิ้นยวนยังไม่ลืมการกระทำของหูยวี่เมื่อกี้ หันมองไปที่เธออย่างเยือกเย็น “ทีแรกผมแค่อยากจะถอนคุณออกจากตำแหน่ง ยังให้คุณอยู่ในแผนกเอต่อ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่จำเป็นแล้ว”
“ตั้งแต่วินาทีเป็นต้นไป คุณไม่ใช่คนของสำนักงานใหญ่อีก คำสั่งย้ายพรุ่งนี้จะส่งไปถึงมือคุณ คุณทำตัวเองให้ดีเถอะ”
ถ้าพูดตรงๆ ก็คือไล่หูยวี่ออกจากสำนักงานใหญ่ แล้วไล่ไปสาขาย่อย?
หูยวี่มองไปที่ลู่จิ้นยวนอย่างไม่เชื่อ คิดไม่ถึงเลยว่าผลลัพธ์ที่รอคอยตัวเองจะเป็นแบบนี้ จนทำให้สติเธอกระเจิงทันที
“บอสทำไมคะ? เป็นเพราะว่าฉันแพ้การแข่งขัน คุณก็เลยทำแบบนี้กับฉันหรอคะ? นี่ไม่ยุติธรรม คุณก็เห็นแล้วงานที่เวินหนิงดีไซน์เทียบกับของฉันไม่ได้ ทั้งๆที่ทั้งคู่สามีภรรยาเลือกงานของฉัน” นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องความสามารถของฉัน ถึงคุณจะถอนฉันออกจากตำแหน่ง แต่ทำไมต้องไล่ฉันออกจากสำนักงานใหญ่ด้วยคะ?”
“ทำไม? ก็เพราะการกระทำที่คุณทำกับลูกค้าไง ถ้าเมื่อกี้ผมไม่อยู่ที่นี่ด้วย คุณยังอยากจะข่มขู่ลูกค้าอีกงั้นหรอ?”
สีหน้าลู่จิ้นยวนเยือกเย็นมาก “ผมพูดตั้งนานแล้ว ในเมื่อคุณยืนยันที่จะจัดการแข่งขันนี้ ก็ต้องชดใช้กับผลลัพธ์ที่จะตามมาพอผลลัพธ์มาแล้ว ไม่ว่ากระบวนการจะเป็นยังไง คุณแพ้ก็คือแพ้”
“คุณต้องยอมรับผลกระทบที่การแข่งขันนี้นำพามาให้ แข่งขันจบแล้วก็ไม่สนใจตำแหน่งของตัวเอง ไม่สนใจชื่อเสียงของบริษัท แล้วตื้อถามลูกค้าแบบนั้น ไม่มีจรรยาบรรณเลย ในเมื่อไม่อยากแพ้ ก็ไม่ต้องไม่เจียมตัวที่อยากจะแข่งขัน ในเมื่อแข่งแล้ว ยังยอมรับผลการแข่งขันไม่ได้อีก ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสำนักงานใหญ่อีก”
“จำเป็นต้องให้ผมพูดให้ชัดเจนกว่านี้ไหมครับ”
ลู่จิ้นยวนพูดจบก็ลุกขึ้น “ผมว่าไม่จำเป็นต้องรอถึงพรุ่งนี้ ตอนนี้คุณเก็บของของคุณ แล้วไปรายงานตัวที่เมืองยู๋ได้เลย”
เมืองยู๋ ห่างจากเมืองตี้ตูมาก แต่กลับใกล้กับเมืองเจียงเฉิง กับผลลัพธ์แบบนี้ของหูยวี่ เวินหนิงก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน
เธอไม่รู้จะพูดอะไร เธอไม่ใช่คนโง่ ลู่จิ้นยวนตัดสินใจแบบนี้อาจจะไร้น้ำใจเกินไป แต่ด้วยตำแหน่งของเขา เหตุผลที่ให้ก็สมเหตุสมผล
ถึงแม้จะเป็นตัวเอง ก็ไม่มีทางไปเถียงเขาต่อหน้าคนอื่น แน่นอน เธอก็ไม่คิดที่จะออกหน้าแทนหูยวี่ด้วย
“และแน่นอน ถ้าคุณรู้สึกว่าไปที่เมืองยู๋แล้วลดความสามารถของคุณ รู้สึกไม่พอใจ ก็สามารถไปที่อื่นได้ คุณเลือกเองเลย”
ลู่จิ้นยวนพูดจบ ก็พาตัวเวินหนิงเดินออกไป ทิ้งหูยวี่ให้อยู่คนเดียวกับที่ โมโหจนอยากจะเป็นบ้า
ห้องทำงาน
“เวินหนิง ยินดีด้วย” ลู่จิ้นยวนมองไปที่เธอ อดไม่ได้จนต้องยื่นมือดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด
เวินหนิงไม่ได้ดิ้นหนี แต่กลับส่ายหัว “ไม่มีอะไรน่ายินดีหรอก เป็นเพราะโชคทั้งนั้น งานที่ฉันดีไซน์ก็เทียบกับหูยวี่ไม่ได้จริงๆ”
“เธอห้ามคิดเองเออเองแบบนี้ หูยวี่อยู่ในวงการนี้มาตั้งกี่ปี แต่เธอเพิ่งกี่ปีเอง เธอจบจากมหาลัยดังแล้วมีอาจารย์ชื่อดังด้วย แล้วดูตอนนี้สิ แม้แต่งงานง่ายๆแค่นี้ก็ยังทำไม่สำเร็จ เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในสำนักงานใหญ่อีก”
“เธอดีมาก ฉันเชื่อถ้าให้เวลาที่มากพอกับเธอ เธอต้องอยู่ในวงการออกแบบได้ดีแน่นอน” ลู่จิ้นยวนมองไปที่เธอด้วยสีหน้าจริงจัง
เวินหนิงเม้มปาก เงียบไปสักพักค่อยเอ่ย “ขอบใจนะ”
“ไม่ต้องเกรงใจกับฉันขนาดนี้ก็ได้ มันไม่จำเป็นระหว่างเรารู้ไหม”
“ใช่สิ ในเมื่อเธอชนะการแข่งขัน คนทั้งบริษัทก็คงจะรู้ผลลัพธ์นี้ ฉันอยากจะถามว่า……อยากจะไปที่แผนกเอหรือเปล่า?” ลู่จิ้นยวนเอ่ย
เวินหนิงมองไปที่เขาอย่างประหลาดใจ “แผนกเอ?”
“ใช่ ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้สนใจเรื่องที่จะได้เป็นหัวหน้าหรือเปล่า เธอแค่อยากจะทำงานด้านงานออกแบบ ตำแหน่งผู้อำนวยการอาจจะเป็นตัวถ่วงให้เธอด้วยซ้ำ”
“ดีไซเนอร์ในแผนกเอเจาะจงเรื่องเสื้อผ้าอยู่แล้ว ยังมีด้านอื่นด้วย ทุกคนเป็นคนที่เก่งมาก ถ้าเธอเข้าไปต้องเรียนรู้อะไรได้เยอะแน่นอน”
เวินหนิงไม่รู้จะพูดอะไร เธอคิดไม่ถึงเลยว่าความคิดของตัวเอง ลู่จิ้นยวนจะมองออก ความจริงเธอไม่อยากอยู่ในตำแหน่งนี้อยู่แล้ว เขาก็เข้าใจ
ดูเหมือนว่า ผ่านมาห้าปีแล้วเจอกัน ไม่ว่าตัวเองจะตัดสินใจยังไง เขาก็สนับสนุนตัวเองตลอด ถึงแม้จะมีคนต่อต้านก็ตาม
“นายดีกับฉันขนาดนี้ ฉันกลัวว่าฉัน จะคืนให้ไม่ได้” เธอเอ่ยเสียงเบา นอกจากจะตื่นตันใจแล้ว ยังรู้สึกถึงแรงกดดันด้วย ก็เลยทำให้เธอเริ่มคิดมาก
ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว “งั้นฉันก็ต้องดีกับเธอให้มากกว่านี้ ฉันจะดีกับเธอกว่าคนอื่นๆ นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรทำ แล้วฉันก็อยากทำด้วย”