พอเวินหลานระบายอารมณ์ในรถเสร็จแล้วก็ค่อยเห็นว่าลู่จิ้นยวนเดินออกมาจากบริษัท
เธอคิดไปคิดมาแล้วเดินไปแกล้งทำเป็นเดินผ่านแล้วเอ่ยอย่างอย่างประหลาดใจ “คุณชายลู่?”
ลู่จิ้นยวนถูกคนดักทางไว้ กำลังรู้สึกหงุดหงิดพอดี พอเจอเวินหลานก็ยิ่งไม่สบอารมณ์เข้าไปอีก “มีเรื่องอะไรครับ?”
“คุณชายลู่ ได้ข่าวว่าพี่สาวฉันทำงานอยู่ที่คุณ ไม่รู้ว่าเธอทำดีหรือเปล่า ถ้างั้น ให้ฉันหางานใหม่ให้เธอเถอะ ครอบครัวเดียวกันก็ต้องสนิทสนมกันสิ ไม่งั้นฉันก็เป็นห่วงว่าเธอจะมีชีวิตไม่ดี”
น้ำเสียงของเวินหลานอ่อนโยนแล้วแฝงไปด้วยความกังวล ใบหน้าที่สวยสง่าพร้อมกับสีหน้าที่ดูเป็นห่วงก็ทำให้สะดุดตามาก
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เธอ ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไร แต่กลับรู้สึกแปลกใจมาก
ถ้าเวินหลานเป็นห่วงเวินหนิงจริงก็ควรจะหางานให้เธอตั้งนานแล้ว เขาจำได้ว่างานครั้งก่อนก็เป็นไป๋อี้อันหาให้
ลู่จิ้นยวนไม่ชอบคนที่เก่งแต่ปากอยู่แล้ว
“ถ้าคุณมีความคิดแบบนี้จริง คุณก็ไปพูดกับเธอ ไม่จำเป็นต้องมาหาผม”
ลู่จิ้นยวนเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง ก็ไม่มองหน้าเวินหลานอีกเลยพร้อมกับกำลังจะเดินจากไป
เวินหลานเห็นว่าเขาไม่สนใจตัวเองก็เลยรู้สึกไม่พอใจแล้วตามไปด้วย “คุณชายลู่เป็นเพราะที่พี่สาวฉันขับรถชนคุณก็เลยให้เธออยู่ข้างกาย แล้วอยากจะแก้แค้นเธอ? ถึงแม้เธอจะผิด แต่ก็ได้รับโทษแล้ว ฉันไม่อยากเห็นเธอลำบากอีก”
ไม่อยากเหรอ……
ลู่จิ้นยวนฉลาดแค่ไหนจะฟังไม่ออกได้ยังไงว่าต่อหน้าเวินหลานก็พูดทำเป็นเป็นห่วง แต่ความจริงก็ย้ำเตือนเขาอีกครั้งว่าเวินหนิงเป็นคนทำให้เขานอนสลบมาสามปี คำพูดของเธอกำลังจะกระตุกต่อมอารมณ์ของเขาชัดๆ
ฝีเท้าของเขาหยุดลงแล้วมองไปที่เวินหลานที่อยู่ข้างหลัง ผู้หญิงคนนี้แต่งหน้าได้ดูสวย ท่าทางก็ดูเป็นผู้ดี ทั้งๆที่เป็นวิวที่สวยงามแต่กลับทำให้เขารู้สึกถึงความเสแสร้งที่น่ารังเกียจ
เวินหลานรู้สึกถึงสายตาที่ผู้ชายคนนั้นมองมาที่ตัวเอง เหมือนบ่อน้ำลึกที่ลึกลับมาก แล้วให้คนมองรู้สึกว่าจะจมลงไป
เธอเขินหน้าแดงอย่างไม่รู้ตัว
“คุณชายลู่……” เวินหลานก็เลยเอ่ยเสียงอ่อนโยนแล้วทำท่าทางเหมือนเด็กผู้หญิงขี้อายพร้อมก้มหน้าลงไป
“ผมรู้สึกว่า สิ่งที่ผมได้ยินมาเหมือนจะไม่เป็นความจริง อย่างเช่น……คุณหนูรองตระกูลเวินที่จิตใจอ่อนโยน แต่กลับไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่เธอแสดงออกมาให้เห็น”
ลู่จิ้นยวนมองไปที่สีหน้าของเวินหลาน แล้วริมฝีปากก็มีความไม่แยแส จากนั้นก็เดินอ้อมเธอไปพร้อมเดินตรงไปที่รถที่จอดอยู่ไม่ไกลมาก
ทีแรกเวินหลานคิดว่าที่ลู่จิ้นยวนมองมาที่เธอเพราะรู้สึกสนใจเธอ แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำพูดแบบนั้นจนร่างกายสั่นไป จากนั้นก็ทำหน้าบึ้งแล้วกลับไปบนรถ
“ไอ้บ้าลู่จิ้นยวน กล้าทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง!”
เวินหลานเคยชินกับการที่โดนผู้ชายโอบอุ้มไว้ในอุ้มมือ ลู่จิ้นยวนเป็นคนแรกที่มองข้ามเธอแล้วไม่แยแสด้วย
“คุณแม่ เหมือนว่าเขาจะเริ่มสงสัยหนูแล้วทำยังไงดี หนูจะโดนแฉไม่ได้ ยัยนั่นจะอยู่ข้างกายลู่จิ้นยวนอีก ไม่ได้ หนูมีลางสังหรณ์มันต้องทำให้แผนหนูล่มแน่นอน”
เวินหลานยิ่งคิดก็ยิ่งใจร้อนจนจะร้องไห้ออกมา เมื่อจางหย่าหลินเห็นลูกสาวตัวเองเป็นแบบนั้นเลยเอ่ย “ไว้ใจเถอะ แม่ยอมทำทุกอย่างก็ไม่ยอมให้มันมาทำลายหนู มันเป็นได้แค่ก้อนหินที่ให้เราเหยียบ”
……
เมื่อกลับถึงบ้านเวิน จางหย่าหลินก็เอ่ยพูดเรื่องที่เวินหลานไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์อย่างน่าสงสาร ทุกคำพูดก็โยงไปถึงเวินหนิง
เวินหนิงกำลังทำงานอยู่ที่บริษัท ตอนนี้อารมณ์เธอค่อนข้างดี เวินหลานไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ เธอคิดในใจว่าช่วงเวลานี้เธอก็คงไม่กล้ามาให้เห็นอีก
แต่เวลานี้เวินฉีโม่ก็โทรมาหา
“มีเรื่องอะไรคะ?” เวินหนิงเอ่ยด้วยเสียงเรียบนิ่ง แค่คิดก็รู้ ที่เวินฉีโม่โทรมาไม่ใช่จะมาถามเรื่องเธอ คงจะมาเพราะเรื่องเวินหลาน
“เวินหนิง ทำไมเธอถึงนิสัยเสียแล้วทำแบบนี้กับน้องสาว เธอคิดว่าแค่ได้ขึ้นไปบนเตียงลู่จิ้นยวนก็เป็นคนของเขาแล้วหรอ? ก็เป็นแค่ของเล่นแค่นั้น”
เวินหนิงยิ้มอย่างเยือกเย็น ถึงจะรู้ว่าเวินฉีโม่ไม่พูดอะไรที่น่าฟังแน่นอน แต่พ่อคนหนึ่งกลับพูดกับลูกสาวตัวเองแบบนี้ คงจะเป็นเรื่องที่แปลกมาก
“ใช่แล้วยังไงคะ? ถ้าแน่จริงก็ไปหาลู่จิ้นยวนแล้วให้เขาเปลี่ยนการตัดสินใจใหม่ ไม่ใช่มาระบายอารมณ์กับหนู ระวังร่างกายตัวเองด้วยนะคะ”
“แกไปพูดให้ลู่จิ้นยวนเปลี่ยนการตัดสินใจเดี๋ยวนี้ ให้เวินหลานเป็นพรีเซนเตอร์!” เวินฉีโม่ตะคอกด้วยความโมโห
“หนูเป็นแค่ของเล่นไม่ใช่หรอคะ? จะมีปัญญาให้ลู่จิ้นยวนเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจได้ยังไง? แล้วอีกอย่าง ที่เขาไม่ให้เวินหลานเป็นพรีเซนเตอร์ก็เพราะว่าภาพลักษณ์ของเธอไม่เหมาะกับบริษัท”
“หนูว่า มีเวลามาตะคอกใส่หนู พวกคุณก็ควรจะไปรักษาภาพลักษณ์ของเวินหลานไว้ อย่าให้คนอื่นรู้ความน่ารังเกียจภายใต้ใบหน้าใบนั้นของเธอ”
พูดจบ เวินหนิงก็ยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วตัดสายทันที
เวินฉีโม่โมโหจนอยากจะด่า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ลูกสาวที่เป็นหุ่นเชิดคนนี้กลับควบคุมยากมากกว่าเดิม
……
หลังจากที่เลิกงานแล้วกลับไปถึงบ้าน ลู่จิ้นยวนยังไม่กลับมา นานๆทีเวินหนิงจะอารมณ์ดี ดูเหมือนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ตบหน้าเวินหลานตั้งแต่ที่ออกมาจากคุก
ถึงแม้จะเป็นเพราะลู่จิ้นยวน แต่ยังไงก็ทำให้เวินหลานเจ็บเหมือนกัน
คิดไปคิดมา เวินหนิงกำลังจะไปผ่อนคลายอาบน้ำ โทรศัพท์ก็สั่นอีกครั้ง
บนนั้นเป็นรูปภาพหนึ่งรูป ในรูปมีผู้หญิงที่ซูบโทรมนอนอยู่บนเตียงแล้วบนตัวก็มีสายเยอะแยะเต็มไปหมด มีแค่สายดวงตาคู่นั้นที่ยังลืมอยู่ ในสายตาของท่านมีความรู้สึกที่ดื้อดึงกับความไม่ยอมแพ้
มือของเวินหนิงสั่นไปจนเกือบจะทำให้โทรศัพท์ตก ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาซีดขาวจนน่ากลัว แต่นั่นเป็นคุณแม่ของเธอ
เมื่อสามปีก่อนคุณแม่เข้าห้องไอซียู แล้วเธอก็เข้าคุก จากนั้นเธอก็ไม่เคยเจอคุณแม่อีกเลย
เวินหนิงถามหาคุณแม่กับตระกูลเวินแล้วหลายครั้ง แต่พวกเขาก็ใช้ข้ออ้างที่ว่าท่านสบายดี ไม่จำเป็นต้องให้เวินหนิงดูแล กลัวว่าเธอจะไปสร้างความวุ่นวายแล้วปฏิเสธเธอ
เวินหนิงก็ไม่มีปัญญาที่จะตามหาคนทั่วโลก ก็เลยจำใจต้องรอฟังข่าว
“คุณหมายความว่ายังไง? คุณอยากจะทำอะไร?” เมื่อเวินหนิงสงบสติอารมณ์ได้ก็รีบโทรหาจางหย่าหลิน
ผู้หญิงคนนั้นไม่ทำอะไรที่ไม่มีผลประโยชน์แน่นอน เธอต้องคิดอะไรไม่ดีแน่
“ฉันคิดว่าแกไม่สนใจแม่ของแกแล้วสะอีก อาทิตย์นี้กลับมาที่บ้านเวิน ถ้าไม่มา แกก็คงรู้ว่าจะเป็นยังไง”