นอกจากเหตุผลนี้ ลู่จิ้นยวนไม่สามารถคิดถึงความเป็นไปได้อื่น ๆ ในขณะนี้
ท่าทางของเวินหนิง เธอเปลี่ยนไปหลังจากที่กลับมาจากห้องน้ำ เขาไม่สงสัยไม่ได้ เวินหนิงได้พบกับใครบางคนหรือเปล่า หรือว่าได้ยินอะไรมา
เธอก้มหน้า ผ่านไปสักพักจึงพูดขึ้นช้า ๆ “ฉันเคยได้ยินมา คุณหนูกงคนนั้นพักอยู่ที่คฤหาสน์ของพวกนาย และเป็นที่ชื่นชอบของคุณนายเย่เหรอ”
เป็นไปอย่างที่ลู่จิ้นยวนคิด เขาไม่รู้ว่ากงมั่วก็มาเข้าร่วมงานประมูลด้วย คิดว่าเธอได้ยินใครพูดอะไรมา
“เวินหนิง ฉันไม่ได้บอกเธอไว้เหรอ ว่าคุณแม่ของฉันทำอะไรพูดอะไร เธอไม่จำเป็นต้องสนใจ เธอคือคนที่ฉันลู่จิ้นยวนแน่นอนแล้ว ใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้”
เวินหนิงอดยิ้มไม่ได้ “ใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้?
ไม่ใช่ว่าไม่เคยเปลี่ยนจริง ๆ สักหน่อย”
นี่ถือว่าเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่
สีหน้าของลู่จิ้นยวนอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไป เขาขมวดคิ้ว เขานวดหน้าผากอย่างเหนื่อยล้า ตอนนี้เวินหนิงเป็นเหมือนกับเม่น ไม่ว่าเขาจะพูดยังไงก็ไม่มีประโยชน์อะไร เขารู้สึกเหนื่อยจริง ๆ
เห็นท่าทางของเขาแบบนี้ เวินหนิงก็ไม่ได้พูดอะไร ทั้งสองเงียบไปชั่วขณะ
วันถัดไป
เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ ลู่จิ้นยวนเข้าร่วมงานพร้อมกับสาวสวยแปลกหน้า สนิทสนมกันเป็นอย่างมากในงาน ยิ่งไปกว่านั้นประธานบริษัทตระกูลลู่ได้ยอมรับต่อหน้าสาธารณะชนว่ากำลังตามจีบสาวสวยคนนี้อยู่ และรายงานอื่น ๆ อีกมากมาย
เวินหนิงเข้ามาในบริษัท เป็นอีกครั้งที่ถูกพนักงานส่วนใหญ่จ้องตามอง
เธอเม้มปาก เมื่อคิดได้ถึงข่าวที่ได้เห็นในโทรศัพท์เมื่อเช้า เดินเข้ามาโดยไม่เหล่มอง ทำเป็นมองไม่เห็น
คฤหาสน์ตระกูลลู่
“คุณย่าครับ คุณย่าครับ คุณแม่ออกข่าวแล้ว”
ลู่อันหรานนั่งดื่มนมอยู่บนโต๊ะอาหาร มีนมติดเป็นหนวดที่มีวงกลมรอบมุมปาก น่ารักเป็นอย่างมาก เขาเหลือบไปเห็นพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ ทันใดนั้นหยิบมันขึ้นมาและร้องตะโกน เหมือนว่ากลัวบางคนจะไม่ได้ยิน
กงมั่วหยุดชะงัก อดไม่ได้ที่จะมองไปทางหนังสือพิมพ์ แน่นอนว่าได้เห็นภาพของลู่จิ้นยวนกับเวินหนิงยืนข้างกันอย่างสนิทสนม
แต่นี่ไม่ใช่จุดสำคัญที่สุด เธอมองลู่อันหราน อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก “อันหราน เมื่อครู่หนู…พูดอะไรนะ?”
ลู่อันหรานเบ้ปาก ส่งเสียงในลำคอใส่เธอ ไม่ได้สนใจเธอ แล้วก็กระโดดลงจากเก้าอี้ วิ่งไปหาเย่หวานจิ้ง “คุณย่า คุณย่าดูสิครับ แม่ของผมออกข่าวแล้ว”
เย่หวานจิ้งหน้าเสียเป็นอย่างมาก ได้ยินคำพูดของหลานชาย ในใจรู้สึกอึดอัด
“คุณแม่อะไร อันหราน ย่าไม่ได้บอกหลานไว้เหรอ ว่าหลานย่างเรียกมั่ว ๆ”
“หึ ผมไม่ได้เรียกมั่ว ๆ เธอคือคุณแม่ของผม” จากนั้นก็ถลึงตาใส่กงมั่ว แล้ววิ่งขึ้นไปชั้นบน
ผู้หญิงสองคนบนโต๊ะอาหาร ถูกเขาทำแบบนี้ ทำให้หมดความอยากอาหารไปโดยสิ้นเชิง
กงมั่วตกใจ เธอรู้สึกว่าเรื่องราวเกิดการควบคุมของตนเองอีกครั้ง
เมื่อวานในห้องน้ำที่งานประมูล เธอตั้งใจพูดคำเหล่านั้นต่อผู้หญิงคนนั้น เห็นท่าทางของเธอถูกโจมตีจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ผู้หญิงที่ไร้ประโยชน์แบบนี้ ในฐานะศัตรู เธอแทบไม่ได้วางอยู่สายตา สิ้นเปลืองความคิดของตัวเอง
แต่เธอคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นที่ลู่จิ้นยวนยอมรับ และอันหรานเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแม่ เทียบกับสิ่งที่เด็กบ้าคนนั้นทำกับตนเอง กงมั่วจะอดทนได้ยังไง?
เห็นได้ชัดว่านายท่านลูู่ไม่ค่อยหวังให้เธอแต่งงานเข้าตระกูลลู่ หรือว่าตาแก่นั่นพอใจผู้หญิงที่ชื่อเวินหนิงนั้น?
ถ้าหากเป็นแบบนี้ ด้านนี้ที่สนับสนุนเธอก็มีเพียงแต่เย่หวานจิ้งคนเดียว จู่ ๆ กงมั่วรู้สึกว่าการมีอยู่ของเวินหนิง มันอันตรายเกินไปสำหรับเธอ
ไม่ได้ เธอจำเป็นต้องคิดหาวิธี
วันเวลาผ่านไป อากาศของเมืองตี้ตูยิ่งอยู่ยิ่งหนาวแล้ว ตระกูลลู่จะจัดงานมงคลใหญ่โตขึ้นในไม่ช้า เวลาคือวันศุกร์นี้
เพราะว่านายท่านลู่จะจัดงานฉลองวันเกิดครบ 80 ปี บวกกับเดือนเกิดของอันหรานห่างกับนายท่านลู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นโดยปกติทุกปีทั้งคนแก่ทั้งเด็กก็จัดงานพร้อมกัน
ครั้งนี้ก็เช่นกัน เนื่องในวันเกิดนายท่านลู่ ตระกูลลู่เชิญแขกมาร่วมสังสรรค์ งานเลี้ยงจัดขึ้นที่คฤหาสน์ตระกูลลู่
ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องให้ลู่จิ้นยวนออกหน้า ลู่อันหรานเอ่ยปากขอ เวินหนิงก็หมดหนทางปฏิเสธ งานวันเกิดของลูกชาย ในฐานะที่เขาเป็นแม่ จะขาดได้ที่ไหน
เป็นผลให้เวินหนิงเข้าร่วมงานด้วย
หลังจากที่รู้เรื่องนี้ อารมณ์ของเย่หวานจิ้งรุนแรงมาก ลู่อันหรานก็โมโห ตอบกลับอย่างโมโหด้วยเสียงน้ำนม “งานเลี้ยงวันเกิดของผมผมจะะเชิญใครก็ได้ ในเมื่อคุณย่าไม่อยากจัดงานเกิดให้ผมดี ๆ งั้นก็ไม่ต้องเข้าร่วมแล้ว”
นายท่านลู่เห็นเหลนชายถูกรังแกไม่ได้ จึงพูดคล้อยตามอยู่ข้าง ๆ
หลานชายเธอยังสั่งสอนได้หน่อย แต่นายท่านลู่อาวุโสเกินไป มีอำนาจมากเกินไป เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เย่หวานจริงโมโหแค่ไหนก็ไม่กล้าพูดอะไร
ฐานะของบริษัทตระกูลลู่ในเมืองตี้ตู งานฉลองวันเกิดแปดสิบปีของนายท่านลู่ แขกจำนวนมากมารวมตัวกัน บรรยากาสคึกคักเป็นอย่างมาก ตระกูลและบริษัทต่าง ๆ ที่ติดอันดับต้น ๆ ให้เกียรติเป็นอย่างมากในการมาร่วมงาน
กงมั่วยืนอยู่ที่หน้าต่างชั้นสอง มองเห็นงานเลี้ยงด้านล่าง ดวงตาแวววาว เธอหมุนตัวกลับอย่างสง่างาม แล้วส่องกระจกมองตนเอง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกอย่างสมบูรณ์แบบ จากนั้นก็ลงไปข้างล่างด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ
เย่หวานจิ้งพากงมั่วเดินเข้าไปทักทายคนคุ้นเคยด้วยรอยยิ้ม เกือบแทบจะทุกคนก็ได้ถามถึงกงมั่ว เย่หวานจิ้งจึงแนะนำเธอในนามของนายท่านลู่ออกไป
มีชื่อเสียงของนายท่านลู่ ผู้คนก็ให้ความสำคัญต่อกงมั่วมากขึ้น และมีบางคนที่ความรู้สึกไว ดูการแนะนำของเย่หวานจิ้งออก
คุณนายลู่คนนี้ เห็นได้ชัดว่าแนะนำคุณหนูกงคนนี้ในฐานะลูกสะใภ้ยังไงยังงั้น
ในเมื่อนายท่านลู่ก็อายุมากแล้ว บรรยากาศที่เสียงดังแบบนี้ไม่เหมาะจะอยู่ในงานนานเกิน เขาปรากฏตัวขึ้น รับของขวัญแล้วก็เข้าไปพักผ่อน
ลู่อันหรานเห็นงานเลี้ยงวันเกิดของตัวเอง จุดสำคัญในงานกลายเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนั้น จึงไม่ดีใจในทันที เขาอารมณ์เสีย คนอื่นก็อย่าได้สุขสบาย
หนุ่มน้อยกรอกตามองบน เขาสวมชุดสูทอย่างหล่อ เดินเข้าไปในกลุ่มผู้คน
“โอ้ ดาวดวงน้อยของพวกเรามาแล้ว”
“คุณชายน้อยลู่ยิ่งอยู่ยิ่งน่ารักนะ”
“น่ารักอะไร นี่คือหล่อชัด ๆ หึหึ…”
เมื่อเขาปรากฏตัว ทันใดนั้นความสนใจของทุกคนก็ย้ายออกจากกงมั่ว ในเมื่อสถานะของผู้หญิงคนนั้นในภายหลังพวกเขาก็แค่คาดเดาเท่านั้นแหละ
แต่ลู่อันหรานคุณชายน้องผู้สูงส่งคนนี้ สถานะนั้นเป็นของจริง ใครไม่รู้ว่าคนของตระกูลลู่ รักใคร่เหลนคนนี้ขนาดไหน
ถ้าหากไม่มีอะไรขัดข้อง บริษัทตระกูลลู่ที่ใหญ่โต ต่อไปก็เป็นของหนุ่มน้อยคนนี้ ดังนั้นถึงแม้อายุยังน้อย ควรเอาใจก็ต้องเอาใจไว้ก่อน
“คุณย่าครับ คุณทวดเรียกคุณย่าครับ”
เย่หวานจิ้งตะลึง “คุณทวดของหลานเรียกย่าเหรอ?
ตกลง งั้นย่าไปก่อนนะ”
เย่หวานจิ้งไม่ได้อยู่ข้างกาย เมื่อแขกเผชิญหน้าต่อกงมัวและลู่อันหราน ก็โล่งใจในทันที ตำพูดที่มีพิธีรีตองก็น้อยลง