มันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่มันจะเข้ากันไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
ในดวงตาของเวินหนิงเต็มไปด้วยความงุนงง ตกตะลึง สมองว่างเปล่า ได้แต่พึมพำ ” มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ากันไม่ได้ มันเป็นไปได้อย่างไร”
หมอรู้ดีว่าสถานการณ์ที่เข้ากันไม่ได้อย่างสิ้นเชิงนี่ จะเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขใด ดังนั้นคุณหมอจึงลังเลสักพักก่อนที่จะพูด
” หากคุณเวินต้องการ ทางเราสามารถออกใบรับรองญาติของคุณกับผู้ป่วยตามผลการตรวจวัดนี้เพื่อดูสาเหตุ”
ใบรับรองญาติ
ความสงสัยที่ฝังเข้าไปในสมองของเวินหนิงเมื่อครู่ ถูกจุดขึ้นทันทีด้วยคำพูดของคุณหมอ และมันก็ระเบิดออกมาพร้อมกับความคิดของเธอ
ด้วยสัญชาตญาณเธอจับมือของลู่จิ้นยวนไว้ มองไปที่คุณหมอ ” ใบรับรองญาติเหรอ
หมาย หมายความว่ายังไง ”
คุณหมอยักไหล่ ” ใบรับรองญาติ ก็คือการตรวจสอบว่าทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติโดยตรงหรือไม่ ระดับการจับคู่ระหว่างคุณกับผู้ป่วยไม่ตรงกัน ตามความสัมพันธ์แม่ลูกระหว่างคุณกับผู้ป่วย นี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้น ฉันคิดว่า … ”
คุณหมอยังไม่ทันพูดจบ เวินหนิงไม่อยากฟังต่ออีก เธอไม่ค่อยโมโหต่อหน้าสาธารณะแบบนี้ ” ทำไมต้องทดสอบความเป็นเครือญาติอะไรแบบนั้นด้วย คนที่นอนอยู่ในห้องผ่าตัดคือแม่ของฉัน”
“ เรื่องนี้ ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าฉัน จะมีอะไรผิดพลาดได้อย่างไรกัน
ถ้าหากจะมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น ก็คงจะเป็นอุปกรณ์เครื่องอ่านของพวกคุณที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน ”
” ใช่ ต้องใช่แน่ๆ หรือเป็นเครื่องตรวจวัดการจับคู่ของพวกคุณไม่แม่นยำ ถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
เธอกุมมือของลู่จิ้นยวนไว้แน่นและมองเขาอย่างมีความหวัง ” คุณคิดว่ายังไง ฉันพูดถูกไหม
เครื่องตรวจวัดมีปัญหา ก็เป็นเรื่องปกติใช่หรือไม่ ”
ลู่จิ้นยวนพยักหน้า แล้วรีบปลอบโยนเธอตามความคิดของเธอ เขาสามารถเข้าใจความรู้สึกของเวินหนิง เป็นแม่ลูกกันมานานขนาดนี้ ทันใดนั้นความสัมพันธ์นี้ก็ถูกตั้งคำถาม ไม่มีใครยอมรับได้ในทันที
แต่ลู่จิ้นยวนรู้ความมาตรฐานของโรงพยาบาลนี้เป็นอย่างดี โดยทั่วไปคล้ายกับการตรวจวัดประเภทนี้ จะไม่ทดสอบเพียงแค่ครั้งเดียว อย่างน้อยจะต้องสามครั้งเป็นพื้นฐาน ผลลัพธ์จะต้องเหมือนกันทั้งสามครั้ง ถึงจะได้ให้คำตอบ
ส่วนปัญหาเรื่องอุปกรณ์เครื่องตรวจวัด ดูตามผลทั้ง 3 ครั้งแล้ว เห็นได้ชัดว่าปกติ
ดังนั้น ลู่จิ้นยวนจึงรู้อยู่แกใจและรู้ชัดเจน ว่าไป๋หลินยวี่กับเวินหนิง อาจไม่ใช่แม่ลูกกันจริงๆ
“ คุณชายลู่ค่ะ … ” หมอมองไปที่ลู่จิ้นยวน ต้องเข้าใจนะคะ ว่าคนไข้ยังรอผลอยู่ในห้องผ่าตัด
ลู่จิ้นยวนพูดทันที ” ไม่สามารถทำการปลูกถ่ายเซลล์ได้ ให้ทำตามวิธีการรักษาแบบอนุรักษ์นิยมตามแผนสำรองของคุณได้เลย”
คุณหมอพยักหน้าอย่างช่วยอะไรไม่ได้ ” โอเคค่ะ ยังจะทำไหมคะ ”
เขามองไปที่เวินหนิงอย่างใช้ความคิด
“ทำมาชุดหนึ่ง”
ลู่จิ้นยวนพูดเบา ๆ
หลังจากที่พูดจบ เขาก็พาเวินหนิงไปที่ห้องรับรอง
อารมณ์ของเวินหนิงไม่ค่อยมั่นคงซะเท่าไร หลังจากรอจนเธอสงบอารมณ์และตั้งสติได้ เธอพึ่งจะจำอาการป่วยของคุณแม่ได้ สีหน้ารีบเปลี่ยนไปทันที ไม่ต้องกังวล การผ่าตัดของคุณแม่ของคุณเสร็จสิ้นแล้ว แม้ว่าจะไม่มีการปลูกถ่ายเซลล์ แต่โรงพยาบาลก็มีแผนการรักษาแบบอนุรักษ์นิยม ณ ตอนนี้คุณแม่ของคุณก็ไม่น่าจะมีอะไร ”
“ตอนนี้เธออยู่ในห้องผู้ป่วยปลอดเชื้อแล้ว พวกเราไปดูกันเถอะ”
เวินหนิงพยักหน้าทันที
ในห้องผู้ป่วยปลอดเชื้อไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่ใช่แพทย์เข้าไป ทั้งสองคนจึงต้องอยู่ข้างนอกและมองสถานการณ์ภายในผ่านหน้าต่างกระจกใสเท่านั้น
ไป๋หลินยวี่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เมื่อเวินหนิงเห็นก็ปิดปากของเธอทันที น้ำตาไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้
คุณแม่ในเวลานี้ ซึ้งต่างกับความทรงจำของเธออย่างสิ้นเชิง เธอแทบจะจำผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ ผู้หญิงที่ไม่มีแม้แต่ความโกธร ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ นอนอยู่อย่างสงบ
ผมที่เคยเงาดกดำ ตอนนี้หายไปหมดแล้ว ตรงหน้าผากก็โล้นๆ หัวสวมหมวกผ้าฝ้ายสีขาวๆ มีท่อเสียบที่คอจมูกและแขน
ใบหน้าที่สวยงาม ตอนนี้ก็ดูขาวซีดเล็กลงไปอย่างมาก ทำให้หัวใจของเวินหนิงนั้นเจ็บปวดอย่างมาก
คุณแม่ของเธอ กลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง.
ลู่จิ้นยวนกอดเธอแล้วปลอบโยนเธออย่างนุ่มนวล เมื่ออารมณ์ของเวินหนิงเริ่มคงที่เล็กน้อย เขาลังเลอยู่แป๊ปหนึ่งแล้วอ้าปากพูด
” เวินหนิง ความจริงไม่ว่าพวกคุณจะเป็นแม่ลูกกันจริงๆหรือไม่ก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ที่พวกคุณอยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีนั้นไม่สามารถปลอมแปลงได้ ดังนั้น ที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องไปสนใจมันมากนัก ”
เวินหนิงตกตะลึง จ้องมองเขาด้วยความงุนงง และมุมริมฝีปากของเธอสั่นระริก ” คุณ คุณหมายความว่าอะไร”
” ผลตรวจสอบความเป็นญาติออกมาแล้ว”
ลู่จิ้นยวนพูดออกมาอย่างแผ่วเบา ๆ
เวินหนิงตกตะลึงอีกครั้ง เธอลดสายตาลงแล้วมองไปที่ไป๋หลินยวี่อย่างช้าๆอีกครั้ง ร่างทั้งร่างแข็งทื่อยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ
ลู่จิ้นยวนรู้ว่าเธอเข้าใจความหมายของเขา ผลตรวจสอบออกมาแล้ว เธอกับไป๋หลินยวี่ไม่มีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เวินหนิงถึงได้ค่อยๆขยับตัวขึ้นมา
“ลู่จิ้นยวน พวกเรากลับกันเถอะ พรุ่งนี้ยังมีแฟชั่นโชว์ไม่ใช่เหรอ ยังต้องกลับไปเตรียมตัวด้วย”
เสียงของเธอสงบมาก หลังจากพูดจบอย่างสงบ กำลังจะเดินจากไปก็ถูกลู่จิ้นยวนดึงไว้
เขาขมวดคิ้วแน่น: “เวินหนิง
อย่าทำแบบนี้ เมื่อกี้ผมพูดแล้วไง ไม่ว่าพวกคุณจะมีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกันหรือเปล่า
แต่เวลาที่อยู่ด้วยกันมามันไม่สามารถทำปลอมกันได้ หรือว่าพวกคุณไม่มีความสัมพันธ์แม่ลูกกัน คุณก็จะไม่ยอมรับเธอเป็นแม่เหรอ ”
“ไม่มีวัน”
เวินหนิงจ้องมองเขา ทันใดนั้นก็ก้มหัวลงอีกครั้ง ” ฉันไม่ได้คิดมาก และฉันเข้าใจความหมายของคุณ ฉันอยากจะกลับไปพักผ่อนแป๊ปหนึ่งได้ไหม ”
ลู่จิ้นยวนทำอะไรไม่ถูก แต่ก็พาเธอกลับไป
หลังจากกลับไปถึงที่คฤหาสน์ เวินหนิงได้ขังตัวเองไว้ในห้องตัวเอง จนกระทั่งตกเย็น
หลังจากออกมาทานอาหารเย็นเสร็จ เวินหนิงก็เริ่มคุยกับลู่จิ้นยวนเรื่องงานแฟชั่นโชว์ในวันพรุ่งนี้ และระบุข้อเสนอแนะของเธอทีละรายการ
คนที่ไม่รู้ คงคิดว่าเธอขังตัวเองทั้งช่วงบ่าย เพราะเธอกำลังคิดเรื่องงานแฟชั่นโชว์ แต่ลู่จิ้นยวนรู้ว่ามันไม่ใช่
เขาไม่รู้ว่าเวินหนิงคิดยังไง แต่เมื่อเห็นว่าสถานะเธอตอนนี้ดีขึ้นเยอะมาก ไม่เหมือนตอนที่เธออยู่ในโรงพยาบาล ก็เลยไม่อยากจะไปพูดถึงไป๋หลินยวี่อีก ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า บางทีเวินหนิงอาจจะคิดได้แล้วก็ได้
เวินหนิงคิดได้แล้วจริงๆ เรื่องที่เธอกับไป๋หลินยวี่ไม่มีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน ในตอนแรกทำให้เธอไม่สามารถยอมรับได้
แต่จะทำอะไรได้
อย่างที่ลู่จิ้นยวนพูด ถ้าไม่ใช่แม่ลูกกัน ความสัมพันธ์นี้ก็จะขาดไปเหรอ
แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอควรพยายามทำให้ตัวเองไม่ไปคิดมากกับมันอีก
แม้ว่างานแฟชั่นโชว์ในลักษณะนี้ จะไม่เหมือนกับการแข่งขันที่ต้องชิงแชมป์ แต่ก็มีการเปรียบเทียบเหมือนกัน ระหว่างแต่ละประเทศแต่ละตระกูลหรือระหว่างบริษัทก็เช่นกัน
งานนี้จะถูกจัดขึ้นทุก ๆ สามถึงห้าปี ครั้งล่าสุดที่จัดไปถึงวันนี้ก็ห้าปีแล้ว
แฟชั่นโชว์ BL ถูกจัดขึ้นที่ห้องโถง BL ห้องโถงใหญ่มาก ด้านหลังห้องโถงเป็นสถานที่โล่งๆ ตอนนี้รอบด้านถูกจัดด้วยโต๊ะเวทีเสร็จเรียบร้อย ท้องฟ้าเริ่มค่อยๆมืดลงแสงไฟรอบ ๆ ห้องโถงจึงส่องสว่างขึ้น
ด้านนอกห้องโถงมีพรมแดงยาวๆทั้งสองข้างถูกจัดวางด้วยแสงสีไฟขนาดใหญ่ สถานที่ค่อนข้างจะคึกคักมีชีวตชีวา เพราะเต็มไปด้วยสื่อต่างประเทศและผู้คนมากมายที่เข้าชม
ลู่จิ้นยวนสวมชุดสูทสีเทาเงิน รูปร่างสูงหน้าตาเข้มๆดูหล่อเหลามาก ผู้ชายชาวตะวันออกที่สามารถมีรูปร่างหน้าตาอย่างเขา ก็เพียงพอที่จะทำให้ฝูงคนกรีดร้องและโห่ร้องแล้ว