เวินหนิงตะโกนเรียกไปนานมากจนรู้สึกคอแหบ จนเอ่ยพูดไม่ออกแล้วค่อยนั่งกลับไป
เป็นเพราะหนาว แม้แต่พูดเสียงเธอก็ยังสั่น แล้วอีกอย่าง ไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้าก็ทำให้เธอที่รู้สึกความดันต่ำอยู่แล้วก็ทุกข์ทรมานไปกว่าเดิม
ความมึนมัวเกิดขึ้นในหัว เวินหนิงก็หยิกขาตัวเองแล้วพยายามรักษาสติเอาไว้
เธอจะตายที่นี่หรือเปล่า?
เวินหนิงอดไม่ได้ที่จะคิด ในใจก็รู้สึกเจ็บใจมากแล้วก็โมโห แต่ว่า ใครจะช่วยเธอได้ล่ะ?
ในสมองก็มีเงาของลู่จิ้นยวนโผล่มา แต่เธอก็รีบส่ายหัว
ผู้ชายคนนี้จะมาช่วยเธอได้ยังไง? เวินหนิงนึกถึงคำสั่งของเขาวันนี้ก็รู้สึกอึดอัดในใจ
ในขณะที่กำลังคิดมาก ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นจากนอกประตู
……
ลู่จิ้นยวนยืนอยู่หน้าบ้านตระกูลเวิน
ทีแรกเขาคิดว่าเวินหนิงหนีไป หรือว่าแอบไปหาเห่อจื่นอัน แต่เมื่อกี้เช็คที่อยู่ของเธอแต่กลับอยู่ที่นี่
อยู่ที่บ้านเวินจริงด้วย
แต่สีหน้าของผู้ชายคนนี้ไม่ได้อ่อนโยนเลยแต่กลับเข้มงวดมากกว่าเดิม
……
ผ่านไปสักพักประตูก็เปิด พอเห็นเขา คนตระกูลเวินก็รู้สึกเป็นเกียรติมากแล้วรีบเชิญตัวเข้าไปข้างใน ไม่กล้าทำให้แขกคนสำคัญนี้ไม่พอใจ
“ไม่ต้อง ผมมาหาเวินหนิง” ลู่จิ้นยวนไม่รู้สึกสนใจคนตระกูลเวินเลยแล้วไม่อยากเปลืองน้ำลายมากด้วยเลยเอ่ยไปตามตรง
“เวินหนิง……เธอไม่อยู่” จางหย่าหลินคิดไปคิดมาแล้วโกหกอย่างหน้าด้าน
“ใช่ค่ะคุณชายลู่ พี่สาวเธอไปแล้ว คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ” เฉินหลานก็รีบเอ่ย
เมื่อกี้เวินหนิงพูดว่าจะไปขอร้องลู่จิ้นยวนให้มาทำลายตระกูลเวิน ทีแรกก็ยังปลอบใจตัวเองว่าเธอก็แค่พูดอวดไปเท่านั้น แต่ตอนนี้เห็นลู่จิ้นยวนมาหาถึงที่ พวกเขาก็ไม่กล้าวางใจเลย
ถ้า ถ้าลู่จิ้นยวนหลงอย่างหัวปักหัวปัมแล้วลงมือกับตระกูลเวินจะทำยังไง?
เพราะฉะนั้น ต้องหาวิธีที่กำจัดเวินหนิงอย่างเงียบๆ
ลู่จิ้นยวนมองไปที่สองแม่ลูกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
ในเมืองเจียงเฉิง จางหย่าหลินเป็นผู้ดีที่มีชื่อเสียง แล้วเวินหลานก็เป็นนางฟ้าอ่อนโยนในสายตาคนอื่น แต่จากที่เขามองมา พวกเธอสองคนเสแสร้งมาก น่าตลกมาก
“ผมเช็คจีพีเอสแล้วว่าเธออยู่ที่นี่ หรือว่า พวกคุณกำลังสงสัยผม?”
ลู่จิ้นยวนเปิดโปงความโกหกของทั้งสอง จนแม่ลูกทั้งสองดูหน้าแตกไป จากนั้นเวินฉีโม่ก็เดินออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“คืออย่างนี้ครับ เวินหนิงเธอเป็นเด็กไม่รู้เรื่องมาก่อเรื่องในบ้าน ผมก็แค่อยากจะอบรมสั่งสอนเธอ ผมคิดว่า คุณชายลู่คงไม่ยุ่งเรื่องครอบครัวคนอื่นใช่ไหมครับ?”
เรื่องครอบครัว?
สีหน้าของลู่จิ้นยวนไม่แยแส เวินหนิงแต่งงานกับเขาแล้ว ตอนนี้เป็นคนของตระกูลลู่
เขาจะยอมรับหรือไม่กับคนนอกไม่สำคัญ แต่คนตระกูลลู่ ไม่มีทางให้คนนอกมาสั่งสอนแน่นอน
“หรอครับ? ถ้าอย่างนี้คุณก็ส่งตัวเธอมาให้ผม ผมช่วยคุณสั่งสอน รับรองว่าให้คุณพอใจแน่นอน”
เวลานี้ไม่มีใครยอมใคร ทั้งคนตระกูลเวินแล้วลู่จิ้นยวนก็ตึงเครียดอยู่อย่างนั้น
เวลานี้ก็มีเสียงของเวินหนิงลอยมา “ลู่จิ้นยวน ใช่นายหรือเปล่า ฉันอยู่ที่นี่ นายพาฉันออกไปด้วย ขอร้อง!”
ห้องเก็บของที่เวินหนิงอยู่มีหน้าต่างบานเล็ก เมื่อกี้เธอรู้สึกว่ามีเสียงรถมาจอด พอเห็นว่าเป็นรถของลู่จิ้นยวนจอดอยู่นอกประตู แล้วได้ยินเสียงคนพูดคุยกันข้างล่างด้วย
พวกเขาพูดว่า จะคิดวิธีกำจัดเธอออกไปอย่างเงียบๆ เพื่อตัดปัญหาในภายหลัง
พอได้ยินคำพูดพวกนี้ เวินหนิงก็อยู่นิ่งต่อไม่ได้
เธอยังไม่ได้แก้แค้น แล้วคุณแม่ก็ก็กำลังรอเธออยู่ เธอจะตายที่นี่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นเธอเลยจำเป็นต้องเปิดหน้าต่างแล้วยื่นตัวออกไปตะโกนเรียก
ลู่จิ้นยวนเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเงาที่น่าสงสารอยู่ที่หน้าต่างบานเล็กนั้น เวินหนิงโบกมือแล้วตะโกนเสียงดัง เสียงของเธอแหบมาก แต่ก็ทำตัวเหมือนไม่รู้สึกทรมานแล้วพยายามดึงดูดความสนใจของเขา
“นี่เป็นวิธีที่ตระกูลเวินอบรมสั่งสอนหรอ?” ลู่จิ้นยวนมองเห็นร่างกายที่จะตกลงมาของเวินหนิง ดูเหมือนว่าถ้ามีลมพัดมาผู้หญิงคนนั้นก็จะถูกพัดลงมาด้วย
เขาผลักทุกคนที่ขวางหน้าออกแล้วเดินตรงไปที่ห้องที่เวินหนิงอยู่
เวินหนิงถูกขังไว้ในห้องเก็บของตรงมุม เมื่อลู่จิ้นยวนเดินตามเสียงไปก็เห็นคนรับใช้ลับๆล่อๆแอบอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นเขา ก็ทำท่าทางจะมาห้าม
“ไสหัวไป!” สายตาลู่จิ้นยวนที่ดุเดือดแฝงไปด้วยความแค้น เมื่อเห็นว่าประตูถูกล็อกเลยเอ่ย “เปิดประตูเดี๋ยวนี้”
“ไม่ได้ครับ ไม่มีคำสั่งของเจ้านายเปิดไม่ได้”
ลู่จิ้นยวนมองไปที่พวกเขาอย่างเยือกเย็น สายตาแบบนั้นทำให้คนอื่นไม่กล้าสบตาด้วย
“เวินหนิง เธอลงมาจากหน้าต่างก่อน ผมจะถีบประตูแล้วปล่อยเธอออกมา”
พูดจบ ก็ยกขาขึ้นกระทืบไปที่แม่กุญแจหน้าประตู
ประตูถูกถีบออกแล้วมีฝุ่นลอยออกมา เวินหนิงเห็นว่าประตูเปิดออก แล้วลู่จิ้นยวนอยู่ตรงหน้า ความกังวลในใจก็รู้สึกโล่งทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าถูกคนปกป้องหลังจากที่ออกมาจากคุก
ถึงแม้ คนตรงหน้าจะเหมือนฝัน แต่เธอก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ห่างหายไปนาน
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เวินหนิงที่ทุลักทุเลอยู่บนพื้น เขาค่อยรู้ว่าเสื้อผ้าบนตัวเธอเปียกหมด พอยื่นมือไปแตะร่างกายเธอ อุณหภูมิในร่างกายก็เย็นจนทำให้หายใจไม่ออก
“คุณชายลู่ นี่……”
หลักจากที่คนตระกูลเวินถูกผลักออก ก็ตามขึ้นมาค่อยรู้ว่าลู่จิ้นยวนเจอตัวเวินหนิงแล้ว สีหน้าก็เดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีดสลับกันไป
จะทำยังไงในบ้านก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเรื่องแบบนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็คงดูไม่ดี คนอื่นก็จะหาว่าพวกเขาทารุณลูกสาว
“นี่ เป็นแค่ความเข้าใจผิด เพราะเธอเถียงผู้ใหญ่เราก็เลย……”
จางหย่าหลินเอ่ย แต่กลับตกใจกับสายตาของลู่จิ้นยวนจนไม่กล้าพูด ในสายตาของผู้ชายคนนั้นไม่มีความรู้สึกอะไรเลยแต่กลับทำให้เธอรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล
ลู่จิ้นยวนถอดเสื้อสูทบนตัวแล้วคลุมให้เวินหนิง “ในเมืองเจียงเฉิง ทุกคนก็เอาแต่เอ่ยชมตระกูลเวิน แต่กลับขังลูกสาวที่ตัวเปียกปอนไว้ในห้องเก็บของในฤดูหนาวแบบนี้ ถ้าผมไม่มา พวกคุณก็จะให้เธอหนาวตายอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”
มองเห็นริมฝีปากม่วงของเวินหนิง ลู่จิ้นยวนก็อดไม่ได้ที่จะคิด ตระกูลเวิน จะดูเพอร์เฟคเหมือนกับที่พวกเขาสร้างภาพไว้งั้นหรอ?
เวินหนิง เป็นผู้หญิงที่จิตใจอำมหิตแล้วสมควรจะได้รับโทษงั้นหรอ?
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยความเชื่อมั่นที่ตัวเองเคยเชื่อมาตลอด
ลู่จิ้นยวนก็ไม่แยแสที่จะสนใจคนที่เสแสร้งพวกนี้ อุ้มตัวเวินหนิงที่หนาวสั่นอยู่บนพื้นขึ้น น้ำหนักที่เบาของผู้หญิงคนนี้ ทำให้เขาขมวดคิ้ว
ผู้หญิงในอ้อมกอดตัวเบาเหมือนกับกระดาษ ไม่รู้ว่าปกติเธอได้กินข้าวดีๆหรือเปล่า
“คุณชายลู่ นี่แค่เข้าใจผิด เราดูแลเธอได้” เมื่อเห็นลู่จิ้นยวนจะพาตัวเวินหนิงไป แล้วยังใช้ท่าทางที่ปกป้องขนาดนี้ เวินฉีโม่ก็รู้สึกร้อนรนใจ
เขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีกับคำพูดที่เวินหนิงพูดออกมา เหมือนทั้งหมดกำลังจะเป็นจริง