ลู่อันหรานลืมตาขึ้น ท่าทางยังงัวเงียอยู่
จากนั้นก็เห็นคุณพ่อสุดขรึมนอนด้วยท่าทางที่ดูไม่ดีมากนัก
“ว้าว อะไรครับเนี่ย”
ลู่อันหรานประหลาดใจ “ไม่ได้ไม่ได้ ผมต้องถ่ายรูปไว้ ถ้าอีกหน่อยพ่อว่าผม ผมจะเอาออกมาให้เขาดู……” ลู่อันหรานคิดไอเดียจะที่ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์
พอเวินหนิงได้ยินก็ตัวเกร็ง ลู่จิ้นยวนก็ขมวดคิ้ว
เด็กคนนี้นี่ ปกติชอบแกล้งคนอื่นค่อยว่าไปอย่าง ตอนนี้ก็ไม่รู้จักเกรงใจพ่อตัวเองแล้ว?
ดูเหมือนการบ้านจะน้อยไป เขาเลยว่างขนาดนี้
ลู่จิ้นยวนก็เลยปล่อยมือ ขยี้ตาเหมือนเพิ่งตื่น
ลู่อันหรานรีบหยิบโทรศัพท์มา แต่ยังไม่ทันได้ถ่าย ลู่จิ้นยวนก็ลุกขึ้นนั่งแล้ว
เห็นเขาถือโทรศัพท์ไว้แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ลู่จิ้นยวนก็หัวเราะในลำคอ “เช้าขนาดนี้ไม่ไปอาบน้ำแต่งตัว ถือโทรศัพท์ไว้ทำไม?”
ลู่อันหรานถูกจับได้ เลยเกาหัวแก้เก้อ “ฮ่าฮ่า ผมเอาโทรศัพท์ออกมาเล่นไงครับ……”
“หื้อ? ใช่เหรอ?”
ลู่จิ้นยวนไม่ได้เปิดโปงเขา แต่กลับลุกออกจากเตียง หยิบโทรศัพท์ออกไปรับ
ลู่อันหรานค่อยถอนหายใจเสียงยาว ค่อยยังชั่ว เขาคิดว่าคุณพ่อโกรธแล้วจะลงโทษเขาซะอีก
ลู่จิ้นยวนเดินออกไป ดูหน้าจอโทรศัพท์ อันเฉินเป็นคนโทรมา
ผู้ชายขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไม ได้เบาะแสที่โรงพยาบาลแล้ว?”
อันเฉินได้ยินน้ำเสียงที่เข้มงวดของลู่จิ้นยวน ก็รู้สึกว่ามีลางสังหรณ์อะไรไม่ดีบางอย่าง คงไม่ขัดจังหวะอะไรของเขาหรอมั้ง “ตอนนี้ผมถึงโรงพยาบาลแล้วครับ แต่ว่าเป็นหมอคนไหน ยังต้องให้คุณหนูเวินชี้ตัวครับ”
อันเฉินเอ่ยพูดอย่างระมัดระวัง
เมื่อวานเวินหนิงกับเย่ซือเยวี่ยไม่ได้ถามชื่อหมอคนนั้น ถูกไล่ออกมาก่อน ตอนนี้อันเฉินก็เลยไม่รู้ว่าเป็นหมอคนไหน
ลู่จิ้นยวนเลิกคิ้ว เอ่ยปากพูด “นายก็ไปถามเย่ซือเยวี่ยสิ เมื่อวานเธอก็ไป”
ลู่จิ้นยวนพูดจบ ความหงุดหงิดที่เด็กน้อยสร้างไว้หายไปไม่น้อย
ใครให้เมื่อกี้อันเฉินโทรมาขัดจังหวะล่ะ?
ลู่จิ้นยวนรู้ว่าถ้าอันเฉินเจอเย่ซือเยวี่ยต้องปวดหัวแน่นอน เลยจงใจจะเพิ่มความยากของงานให้เขา
“บอส……ไม่นะครับ……” ปกติอันเฉินเจองานที่ยุ่งยากลำบากไม่เคยบ่น มีแต่เย่ซือเยวี่ยที่ทำให้เขาปวดหัว
ผู้หญิงคนนั้นออกไพ่ไม่ตามเกมส์ ถ้าไปหาเธอ ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า
“ฉันเชื่อความสามารถการทำงานของนาย”
ลู่จิ้นยวนได้ยินเสียงบ่นของอันเฉิน สุดท้ายถ้าอยากให้ตัวเองอารมณ์ดี คงต้องสร้างอยู่บนความทุกข์ของคนอื่น
ได้ยินลู่จิ้นยวนพูดแบบนี้ อันเฉินก็ทำอะไรไม่ได้ เลยต้องทำตามคำสั่ง
คิดไปคิดมา สุดท้ายก็โทรไปหาเย่ซือเยวี่ย คิดว่าจะถามเธอเรื่องสถานการณ์เมื่อวาน
เย่ซือเยวี่ยเพิ่งตื่น กำลังจะอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน จากนั้นก็ได้รับโทรศัพท์จากอันเฉิน
พอเห็นเบอร์นี้ เย่ซือเยวี่ยก็ขมวดคิ้ว รู้สึกงงมาก
เหอะเหอะ กี่วันก่อนอันเฉินยังพาผู้หญิงต่างชาติไปไหนมาไหนด้วยกัน ตอนนี้โทรมาหาตัวเองทำไม?
พอคิดแบบนี้ เย่ซือเยวี่ยก็ไม่อยากรับสาย
อันเฉินโทรไป แต่ไม่มีคนรับ เขาเลยเกาหัว
ถ้าเรื่องเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้ก็จะเริ่มยุ่งยาก……เขาโทรไปอีกครั้ง แต่เย่ซือเยวี่ยก็ไม่รับ
ทำอะไรไม่ได้ อันเฉินเลยสืบที่อยู่ของเธอ จากนั้นก็ขับรถไปหา
ยังไงนี่ก็เป็นภารกิจที่ลู่จิ้นยวนสั่งมา ต้องรีบจัดการให้เสร็จ
สุดท้ายอันเฉินเลยจำเป็นต้องขับรถไปหาเย่ซือเยวี่ย
ถึงแม้ฐานะของเย่ซือเยวี่ยค่อยข้างดี แต่ตอนที่อันเฉินขับรถไปจอด ก็ดึงดูดสายตาผู้คนไม่น้อย
เพราะปกติอันเฉินต้องรับผิดชอบรับส่งลูกค้าคนสำคัญของบริษัท รถที่เขาขับราคาเลยไม่เบา ถ้าอยู่กลางถนน ก็โดดเด่นมาก
อันเฉินอยู่ข้างล่างแล้วโทรไปหาเย่ซือเยวี่ย แต่เธอก็ยังไม่รับ
อันเฉินรู้สึกไม่สบอารมณ์ ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรเนี่ย…… เขาลงจากรถจะขึ้นไปหาที่บ้าน
ด้วยความบังเอิญ แม่ของเย่ซือเยวี่ยที่เพิ่งไปซื้อของที่ตลาดกลับมาพอดี เลยเห็นว่ามีรถหรูจอดอยู่
จากนั้นก็เห็นอันเฉินลงมาจากรถ จนต้องแอบมองไปหลายรอบ
ดูแล้วเป็นหนุ่มที่ดูดีมีความสามารถ ถ้าเย่ซือเยวี่ยแต่งงานกับคนแบบนี้ ท่านก็จะรู้สึกวางใจไม่น้อย
แม่เย่ซือเยวี่ยแค่คิดเล่นๆ ไม่ได้มองเขาอีก จากนั้นก็เดินขึ้นไป
พอกลับถึงบ้าน ก็เริ่มเล่าให้เย่ซือเยวี่ยฟัง “ซือเยวี่ย เมื่อกี้แม่เห็นว่ามีรถหรูจอดอยู่ เจ้าของรถก็หล่อ ถ้าแกหาแฟนแบบนั้นได้ แม่คงตายตาหลับแล้วล่ะ”
เย่ซือเยวี่ยหมดคำพูด ตั้งแต่เริ่มทำงาน คนในบ้านก็เอาแต่เร่งให้แต่งงาน ตอนนี้พัฒนามาถึงขั้นที่ว่าเห็นคนกลางถนน ก็ยังต้องมาบ่นให้ฟังอีก?
“แม่ เช้าขนาดนี้มาพูดอะไรตายไม่ตายกันคะ? เรื่องแบบนี้บังคับกันไม่ได้ ต้องอยู่ที่โชคชะตาสิคะ”
เย่ซือเยวี่ยตอบอย่างชำนาญ คำพูดพวกนี้เธอได้ยินจนชิน แต่ตอนนี้เธอฉลาดแล้ว ไม่ได้เถียงผู้ใหญ่ แค่พูดขอไปที
“วันๆก็เอาแต่พูดว่าโชคชะตา ไม่รู้ว่าโชคของแกจะมาถึงเมื่อไหร่”
ท่านส่ายหน้า ไม่พูดอะไรอีก
ทันใดนั้น ก็มีเสียงเคาะประตู
“ใครคะ”
ท่านวางน้ำเต้าหู้ในมือลง เดินไปเปิดประตู ไม่คิดเลยว่าคนที่อยู่ต่อหน้าท่านจะเป็นหนุ่มหล่อที่เจอเมื่อกี้
นี่เป็นโชคชะตาที่เย่ซือเยวี่ยพูดถึง?
ท่านยิ้มดีใจ “พ่อหนุ่ม รับเข้ามาสิ ที่บ้านไม่มีอะไรต้อนรับเลย จะมาทำไมไม่บอกล่วงหน้า?”
อันเฉินเห็นว่าคนตรงหน้ากระตือรือร้นมาก ก็เลยทำตัวไม่ถูก เหมือนเขาจะไม่ได้สนิทกับคนในครอบครัวเย่ซือเยวี่ยขนาดนั้น…… กะทันหันขนาดนี้ เลยรู้สึกอึดอัด
“ไม่ล่ะกันครับ ผมมาถามธุระเย่ซือเยวี่ยนิดหน่อย ไม่รบกวนดีกว่าครับ”
อันเฉินปฏิเสธอย่างมีมารยาท ยืนรอเย่ซือเยวี่ยอยู่ข้างนอก
“โอ๊ย เย่ซือเยวี่ยลูกรีบออกมาสิ มีคนมาหาเนี่ย!”