เวินหนิงถูกอุ้มขึ้นรถ อุณหภูมิร่างกายของลู่จิ้นยวนก็ลอยมา รู้สึกไม่อุ่นมาก แต่ก็ทำให้หลงไหลจนไม่อยากตื่นมา
แต่ว่า เพียงชั่วพริบตาเดียว เธอก็รู้สึกตัวแล้วจับเสื้อของผู้ชายคนนั้นไว้ “ปล่อยฉันลงมาเถอะ ฉันเดินเองได้”
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เวินหนิง สีหน้าของเธอซีดขาวเหมือนกระดาษ เป็นเพราะหนาวด้วยจนทำให้ริมฝีปากเธอซีดจนม่วงเหมือนกัน มีแต่ดวงตาคู่นั้นที่ยังเป็นประกาย
ผู้หญิงคนนี้จะโอดเก่งทำไม? สภาพเธอตอนนี้ยังเดินได้เหรอ?
ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้วเข้มแล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เธอจะอะไรนักหนา?”
เขาไม่ได้อ่อนโยนกับผู้หญิงแบบนี้บ่อยๆ ไม่คิดเลยว่าเวินหนิงเหมือนไม่รู้สึกแคร์อะไรเลย
“ฉัน……บนตัวฉันมีกลิ่น” เวินหนิงเอ่ยอย่างขายหน้า น้ำที่จางหย่าหลินสาดใส่เธอเป็นน้ำสกปรก ยังมีกลิ่นอีก คนรักสะอาดอย่างลู่จิ้นยวนจะทนได้ยังไง?
อีกอย่าง เสื้อผ้าของเขาสั่งตัดโดยเฉพาะ ถ้าทำให้สกปรกมีกลิ่น เธอก็ไม่มีปัญญาชดใช้
สีหน้าของลู่จิ้นยวนที่ไม่ดีมากนักก็แย่ไปกว่าเดิม เวินหนิงเตรียมใจที่จะถูกโยนลงมาแล้ว แต่ผู้ชายที่อุ้มเธออยู่กลับเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น แล้วโยนตัวเธอเข้าไปในรถ
“พวกเขาสาดน้ำสกปรกใส่เธอ?”
ถึงลู่จิ้นยวนจะเป็นคนที่ผ่านอะไรมากเยอะ แต่ก็ไม่เคยเจอคนสาดน้ำสกปรกใส่ลูกสาวตัวเองในฤดูหนาวแบบนี้
พวกเขาเป็นครอบครัวหรือว่าศัตรูกันแน่?
เวินหนิงไม่เอ่ยพูดอะไร มุมปากก็ยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง เรื่องแบบนี้คนนอกคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เธอชินแล้ว
เรื่องแบบนี้ ถึงเธอจะพูด คนอื่นก็ไม่เชื่อ หรือว่าแค่ตอบเธอ ถ้าเธอไม่ผิดคนอื่นจะทำแบบนี้กับเธอได้ยังไง?
นานวันเข้า เวินหนิงก็ไม่อยากจะพูดอะไรอีก
ลู่จิ้นยวนมองผู้หญิงผ่านกระจกหลัง เธอกำลังยิ้มก็จริง แต่รอยยิ้มที่สิ้นหวังนั่นกลับทำให้คนมองรู้สึกหายใจไม่ออก เหมือนหัวใจของเขาหยุดเต้นไป
“ครั้งหน้า อย่าออกไปคนเดียวอีก” ลู่จิ้นยวนละสายตาจากเธอแล้วมองทาง
เขารู้สึกเป็นครั้งแรกว่าเขาไม่เคยทำความรู้จักเวินหนิงเลย เขาทำเหมือนเธอไม่ควรค่าพอที่จะต้องสนใจ
หรือว่า สิ่งที่เขาเห็นไม่ได้ง่ายเหมือนที่คิด
……
รถแล่นไปอย่างเรียบนิ่ง แล้วเปิดลมอุ่นจนเวินหนิงรู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายเริ่มกลับมา
พออุ่น เธอก็รู้สึกตากระตุกแล้วรู้สึกง่วง เธอพยายามพยุงสติเอาไว้ แต่ก็แพ้ให้กับความง่วงแล้วเอนตัวหลับไป
ลู่จิ้นยวนแล่นรถมาจอดที่โรงพยาบาล
เขาไม่แน่ใจว่าเวินหนิงจะไม่สบายหรือเปล่า ก็เลยส่งตัวเธอมาโรงพยาบาล
เวินหนิงไม่รู้สึกตัวเลยว่ารถจอดแล้ว เธอหลับลึกมาก ลู่จิ้นยวนมองสำรวจผู้หญิงที่นอนหลับอยู่ ร่างบางของเธอขดอยู่หลังรถแล้วกอดเสื้อสูทของเขาไว้แน่น ท่าทางน่าสงสารมาก
ก็ว่าทำไมลู่จิ้นยวนถึงรู้สึกเป็นห่วง ไม่ได้ปลุกเธอตื่นแต่กลับอุ้มเธอออกมาจากรถอย่างอ่อนโยนแล้วเดินเข้าไปในโรงพยาบาล
……
เวินหนิงรู้สึกว่าตัวเองฝันไปนานมาก ปกติเธอจะฝันร้ายอยู่แล้ว แต่ฝันนี้ ไม่มีความหลอกลวง ความเจ็บปวดเหมือนแต่ก่อน
เธอฝันว่ามีคนยื่นมือมาดึงตัวเองออกจากที่มืด ตอนที่เห็นใบหน้าของคนคนนั้น เธอกลับตื่นมา
คนในฝัน……เป็นลู่จิ้นยวน?
เวินหนิงลุกขึ้นนั่งค่อยรู้ว่าอยู่ที่โรงพยาบาล ผนังห้องสีขาวที่ไม่มีรอยด่างทำให้รู้สึกเยือกเย็นมาก
พอพยายามจะลงจากบนเตียง เวินหนิงค่อยสังเกตเห็นสายน้ำเกลือคนมือตัวเอง ลู่จิ้นยวนส่งเธอมาโรงพยาบาล?
เธอนึกได้เหมือนว่าเธอหลับบนรถ แล้ว ลู่จิ้นยวนพาเธอมาบนเตียงได้ยังไง อุ้มเธอเหมือนตอนที่อยู่บ้านเวินเหรอ?
นึกถึงแผ่นอกที่กว้างแล้วกลิ่นน้ำหอมบนตัวของผู้ชายคนนั้น เวินหนิงก็รู้สึกหน้าแดงอย่างไม่รู้ตัว
จากนั้นเธอก็รีบส่ายหัว เธอกำลังคิดบ้าอะไรเนี่ย……
คนอย่างลู่จิ้นยวน จะชอบเธอได้ยังไง เขาต้องเกลียดเธอสิ
ขณะกำลังคิด ประตูก็เปิดออกแล้วลู่จิ้นยวนก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าเธอตื่นแล้วคิ้วที่ขมวดเข้มค่อยคลายออก “ตื่นแล้วเหรอ? รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
ตอนที่ลู่จิ้นยวนเพิ่งพาเวินหนิงมาที่โรงพยาบาล ไข้เธอขึ้นสูงมากจนต้องแอดมิทเข้าโรงพยาบาลแล้วให้ยาลดไข้กับเธอ
“ร่างกายของคนไข้ไม่แข็งแรงอยู่แล้ว แล้วยังมีไข้อีก ยังดีที่มาส่งเร็วไม่งั้น……ไม่แน่อาจจะเป็นอะไรหรือเปล่า”
เมื่อนึกถึงคำพูดของคุณหมอ แล้วนึกถึงน้ำหนักที่เบาเหมือนกระดาษของเวินหนิง ผู้ชายเลยเอ่ยเสียงต่ำ “ไข้เธอขึ้นสูง แล้วหมอก็บอกว่าร่างกายไม่แข็งแรง ให้เธอดูอาการไปก่อน หายดีแล้วค่อยออกจากโรงพยาบาล”
“แล้ว งานของฉัน……” เมื่อเวินหนิงได้ยินว่าต้องนอนโรงพยาบาล ก็นึกถึงงานที่เถ้าแก่มอบหมายให้เธอ
เธอไม่อยากให้เถ้าแก่โมโหเพราะไข้แค่นี้ของเธอ
“ตระกูลลู่ทารุณเธอเหรอ ไม่สบายยังจะให้ทำงานอีก?” ลู่จิ้นยวนมองไปที่เธอ “กี่วันนี้เธอพักผ่อนที่นี่ก่อน อย่าไปเป็นลมที่บริษัท ถ้าคนอื่นรู้จะหาว่าบริษัทลู่ทารุณพนักงาน”
เวินหนิงเลยพยักหน้า “รู้แล้ว”
ผ่านไปสักพัก ลู่จิ้นยวนก็ให้คนมาส่งอาหารมื้อเย็น
เวินหนิงเห็นอาหารมาส่งเยอะมาก ไม่เหมือนกับแค่ให้เธอคนเดียวเลยมองไปที่ลู่จิ้นยวน “นี่……จะมีใครมาอีกหรอ?”
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เธอ “หมอบอกว่าเธอขาดสารอาหาร เพราะฉะนั้น ของพวกนี้เป็นของเธอ กินเยอะหน่อย เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าผมไม่ให้เธอกินข้าว”
ถึงคำพูดจะไม่น่าฟังมาก แต่เวินหนิงก็รู้สึกอบอุ่นในใจ ก้มลงมองอาหารเต็มโต๊ะนี้ ในสายตาเธอกลับแฝงด้วยความขมขื่น “ขอบใจ……”
ถึงเสียงเวินหนิงจะเบามาก แต่ก็ลอยเข้าหูลู่จิ้นยวน มุมปากของผู้ชายคนนั้นขยับขึ้น จากนั้นพอรู้ตัวก็เก็บรอยยิ้มนั้นแล้วลุกขึ้น “เธออยู่ที่นี่แหละ ผมมีธุระที่ต้องทำ”
เวินหนิงพยักหน้า มองไปที่ลู่จิ้นยวนที่อารมณ์ไม่ดีกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร เธอชินกับอารมณ์แปรปรวนของผู้ชายคนนี้แล้ว
ในเมื่อตอนนี้เขาจะให้เธอรักษาตัวดีๆ งั้นเธอก็จะกินข้าว เพราะร่างกายเป็นเงิน เธอจะไม่สบายอีกไม่ได้
ลู่จิ้นยวนเดินออกมาจากโรงพยาบาล อันเฉินก็ส่งข้อมูลที่เขาให้ไปเช็คมาให้
ข้อมูลบนนั้น เป็นข้อมูลเกี่ยวกับเวินหนิง ผู้ชายเปิดดูด้วยนิ้วมือเรียวยาวจากนั้นก็ขมวดคิ้วเข้ม