เอกสารฉบับนี้มีข้อมูลทุกอย่างของเวินหนิงตั้งแต่เด็กจนโต สิ่งที่ทำให้ลู่จิ้นยวนประหลาดใจคือ ผลการเรียนตอนมัธยมเธอดีมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น เธอก็คงจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีได้ แล้วมีผลการเรียนที่ดี อย่างน้อยก็คงไม่เป็นเหมือนตอนนี้……
แต่ พอนึกถึงอุบัติเหตุครั้งนั้น คิ้วของผู้ชายคนนี้ก็ขมวดเข้มแล้วรู้สึกหงุดหงิดในใจจนต้องปลดเน็กไทออก
ลู่จิ้นยวนคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนใจบุญเหมือนพระเจ้า แต่เมื่อกี้เขากลับรู้สึกสงสารเวินหนิง
เวินหนิงชนแล้วหนี ที่เข้าคุกก็เป็นสิ่งที่เธอควรจะได้รับ ทำไมคนที่ถูกชนอย่างเขาต้องสงสารเธอด้วย?
ไม่เหมือนกับเขาเลย
พอคิดไป ลู่จิ้นยวนก็ไม่มีอารมณ์ที่จะเปิดดูต่อแล้วโยนเอกสารไปให้อันเฉินที่อยู่ข้างๆ “เอาไปทำลาย อีกอย่าง อย่าให้คนอื่นรู้ว่าผมให้สืบเรื่องนี้”
อันเฉินพยักหน้าพร้อมคิดในใจ เวินหนิงโชคร้ายมาก ถ้าบอสเปิดดูต่อก็อาจจะเห็นว่าแม่ของเธอนอนติดเตียงอยู่โรงพยาบาล อาจจะมีอารมณ์ช่วยเหลือเธอก็ได้
แต่ยังไงเขาก็แค่ผู้ช่วยในการงาน อันเฉินไม่ได้เอ่ยอะไรอีกแล้วเก็บเอกสาร
……
กี่วันที่ผ่านมา เวินหนิงก็นอนอยู่ที่โรงพยาบาล
อาจจะเป็นเพราะลู่จิ้นยวนเป็นคนมาส่งเธอเอง ทางโรงพยาบาลก็เลยดูแลเธอเป็นพิเศษแล้วตรวจร่างกายต่างๆอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วตรวจเจออาการต่างๆที่เวินหนิงไม่เคยรู้มาก่อน
“คุณหนูเวิน ทำไมอายุน้อยขนาดนี้แต่กลับมีโรคมีอาการเยอะแยะ ถ้ายังไม่รักษาร่างกายดีๆอีกหน่อยคงลำบากแน่”
ฟังคำพูดของคุณหมอ เวินหนิงก็รู้สึกเอือมระอา โรคต่างๆที่เธอมีก็มาจากตอนที่อยู่ในคุก กินไม่อิ่มนอนไม่อุ่น แล้วยังโดนรังแกอีก แม้แต่ฤดูหนาวก็ยังให้ออกไปเช็ดพื้น ถึงร่างกายจะแข็งแรงแค่ไหนก็ทนไม่ไหวหรอก
นี่คงเป็นครั้งแรกที่มีคนเป็นห่วงร่างกายเธอ ถึงจะรู้ว่าเป็นหน้าที่ของคุณหมอ แต่เวินหนิงก็ยิ้มแล้วขอบคุณ
เวินหนิงถือยาออกมาจากห้องตรวจ กำลังจะกลับห้องพักฟื้นตัวเอง ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินคุยโทรศัพท์อย่างเร่งรีบแล้วชนเวินหนิง
ผู้ชายคนนั่นร่างใหญ่อยู่แล้ว พอชนเวินหนิงเธอก็พยุงตัวไม่อยู่แล้วล้มลงไปกับพื้น จนสะโพกกระแทกกับพื้นแล้วรู้สึกเจ็บ
ผู้ชายคนนี้ ทำไมไม่ระวังขนาดนี้……
เวินหนิงเจ็บจนกัดฟันแน่น ผู้ชายคนนั้นค่อยรู้ว่าเดินชนคนอื่น “ขอโทษนะครับ เมื่อกี้ไม่ได้มองทาง ผมช่วยดึง……ไม่สิ เธอคือ……เวินหนิง?”
ยังพูดไม่จบ มือของผู้ชายคนนั้นก็ค้างอยู่กลางอากาศ พอเวินหนิงเงยหน้าขึ้นค่อยรู้ว่าคนที่ไม่ดูตาม้าตาเรือเป็นยวี๋เฟยหมิง
สายตาของเวินหนิงมีความหงุดหงิด เรื่องครั้งก่อนที่หน้าประตูบ้านเวิน ก็ทำให้เธอรู้ท่าแท้ของผู้ชายคนนี้
เพราะฉะนั้น เวินหนิงก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือที่แสแสร้งของเขา ทนความเจ็บไว้แล้วค่อยๆลุกขึ้นมา
ยวี๋เฟยหมิงเป็นเคราะห์ร้ายของเธอ เจอเขา เวินหนิงไม่เคยเจอเรื่องดีเลย
ถึงในใจจะโมโห เวินหนิงก็หันหลังเดินไปโดยที่ไม่มองผู้ชายคนนั้นเลย
ยวี๋เฟยหมิงที่ถูกมองข้ามก็รู้สึกไม่พอใจ เมื่อก่อนพอเวินหนิงเห็นเขาก็จะเข้ามาตลอด ตอนนี้กลับไม่สนใจเขา?
“หยุดเดี๋ยวนี้เวินหนิง เธออยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ยวี๋เฟยหมิงเดินมาดักเธอไว้แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
เวินหนิงเห็นรอยยิ้มที่แสแสร้งของเขา ในใจก็หงุดหงิดมากกว่าเดิม
เขาบอกให้เธออยู่ไกลๆจากเขาไม่ใช่เหรอ เธอก็ทำตามที่เขาขอไม่สนใจเขา แต่เขากลับตามมาอีก
นี่กำลังยั่วอารมณ์งั้นเหรอ?
“อยู่โรงพยาบาลจะทำอะไรอีก ก็มาหาหมอไง” เวินหนิงมองไปที่เขา “ถ้าไม่มีอะไรก็หลีกทางด้วย อย่ามายืมขวางทางที่นี่”
เวินหนิงรังเกียจที่เขาขวางทาง? ยวี๋เฟยหมิงมองผู้หญิงที่ใส่ชุดคนป่วย
เมื่อเทียบกับครั้งก่อนเธอดูดีกว่าไม่น้อย สีหน้าไม่ได้ซีดขาว ใบหน้าที่สวยนี้ แตกต่างกับความสวยอย่างผู้ดีของเวินหลาน แต่ความสวยของเวินหนิงเยือกเย็นเหมือนดอกลิลลี่
“หาหมอ นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอควรมา รู้ไหมว่าที่นี่ที่ไหน? ห้องพักวีไอพี เธอมีปัญญาจ่ายเหรอ?”
เวินหนิงอยากจะหัวเราะกับท่าทางสูงส่งของยวี๋เฟยหมิง เธอรู้สึกว่าแต่ก่อนตัวเองคงตาบอดเลยเอาแต่เรียกคนที่น่ารังเกียจแบบนี้ว่าพี่ชาย ยังเคยคิดว่าเป็นคนดี ที่แท้ก็แค่คนเลว
“ขอโทษนะคะ นี่เกี่ยวอะไรกับคุณ หลีกทางด้วยค่ะ” เวินหนิงเอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
อย่างน้อย ยวี๋เฟยหมิงก็มองสีหน้าของเวินหนิงไม่ออก เธอเรียบนิ่งจนเหมือนว่าไม่เคยแคร์เขาอย่างนั้น
ท่าทางแบบนี้ทำให้ยวี๋เฟยหมิงรู้สึกไม่สบอารมณ์มาก
“อย่าแสแสร้งเลย บอกมาเถอะ เธอได้ข่าวว่าปู่ผมป่วยก็เลยอยากจะมาทำตัวน่าสงสารที่นี่แล้วขอร้องท่านให้ผมแต่งงานด้วย หรือว่า……อยากจะแสแสร้งว่าป่วยมาเรียกร้องความสนใจจากผม?”
เวินหนิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เป็นคนที่จินตนาการล่ำเลิศแล้วยังหลงตัวเองอีก แต่ว่า ยวี๋เฟยหมิงกลับเห็นสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเป็นความร้อนตัวที่ถูกแฉ
“คงเป็นแบบนี้สินะ เธอหน้าด้านมาก เพื่อผม เธอคงเสียแรงไปไม่น้อยเลยสิ”
“แต่ว่า ถึงเธอจะทำแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงผมก็ไม่มีทางชอบผู้หญิงที่เคยติดคุก เธอล้มเลิกความคิดแล้วรีบไปจากที่นี่เถอะ”
ครั้งนี้เวินหนิงทนไม่ไหวแล้วเลยยิ้มอย่างเยือกเย็น “ยวี๋เฟยหมิง ทำไมแต่ก่อนฉันไม่เคยรู้ว่านายหน้าด้านขนาดนี้ ฉันจะมาแกล้งป่วยที่นี่เพื่อนาย?”
“นายกับเวินหลานเป็นคู่รักที่น่าเกลียดที่สมกันจริงๆ อยู่ด้วยกันก็ดี เพราะฉะนั้น คำพูดที่นายพูดเมื่อกี้ฉันคืนให้ ฉัน เวินหนิงไม่แคร์ผู้ชายที่สกปรกอย่างนาย ถึงผู้ชายทั้งโลกจะตายไป ฉันก็ไม่มีทางคิดเกินเลยกับนายแน่นอน ได้ยินหรือยัง?”
พูดจบ เวินหนิงกำลังจะเดินอ้อมยวี๋เฟยหมิง แต่ผู้ชายที่ถูกเธอเสียดสีจนหน้าชาไปก็ดึงแขนเธอไว้
ยังไงยวี๋เฟยหมิงก็เป็นคุณชาย ถูกคนตระกูลยวี๋โอบอุ้มอยู่ในมือ ไม่เคยโดนใครมาทำให้เสียหน้าแบบนี้เลย
โดยเฉพาะ คนที่พูดเป็นเวินหนิงที่เขาดูถูก ความรู้สึกเสียศักดิ์ศรีก็พุ่งขึ้นไปอีก
“เวินหนิง พูดดีๆกับเธอไม่ชอบ ได้ ในเมื่อเธอพูดอย่างนี้ ผมก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าอีก จะได้เรียกยามมาไล่เธอออกไปเดี๋ยวนี้!”