บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 502 ขอบคุณความยืดหยัดในตอนแรก

ลู่จิ้นยวนมองดูภาพอันอบอุ่นของสองแม่ลูก ความกังวลที่อยู่ภายในจิตใจก็เบาลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว

หลังจากนั้น ก็สืบหาข้อมูลให้มากขึ้นต่อไป

ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงถัดมา ในที่สุดลูกน้องของเขาก็โทรศัพท์เข้ามาหา บอกว่าได้ยืนยันกับคนที่น่าเชื่อถือแล้วว่าเอกสารชุดนั้นเป็นความจริง

ก็สามารถอธิบายได้ว่า กรุ๊ปเลือดของหยงซือเหม่ยนั้นไม่เข้ากันกับของไป๋หลินยวี่กับเวินฉีโม่………

ตามหามานาน กลับได้ผลลัพท์เช่นนี้เสียได้ แม้แต่ลู่จิ้นยวนเองก็รู้สึกยากที่จะเชื่อ

เวินหนิงอยู่ในห้อง เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ของลู่จิ้นยวนดังขึ้น จึงตัดสินใจเดินออกมา และทันทีที่เห็นสีหน้าของเขาก็ทราบได้โดยทันที

ลู่อันหรานเห็นปฏิกิริยาของเธอก็อดที่จะบีบมือของเธอแน่นไม่ได้

เวินหนิงฝืนยิ้มออกมา “ไม่มีอะไรหรอก อาจจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาก็ได้ ถ้าหากว่าไม่ได้จริงๆ พวกเราก็ไปหาผู้บริจาคไขกระดูกรายอื่นต่อกันเถอะ”

“ฉันเข้าใจ ฉันให้คนตามหาอย่างเต็มกำลังแล้ว สำหรับเรื่องของตระกูลหยงนั้น รอให้หลังจากผ่าตัดเสร็จค่อยดูอีกที”

เวินหนิงพยักหน้า เธอในตอนนี้เองก็รู้สึกเหนื่อยล้าเต็มทีแล้วเหมือนกัน ไม่มีใจจะไปคิดเรื่องของตระกูลหยงอีกต่อไปแล้ว

“ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ขอตัวไปพักก่อนสักหน่อยนะ”

เวินหนิงกลับเข้าห้องไป เธอไม่อยากจะแสดงอารมณ์ด้านลบต่อหน้าลู่อันหราน คิดแต่อยากที่จะอยู่สงบสติอารมณ์เพียงคนเดียวเท่านั้น

ตอนแรกลู่จิ้นยวนก็คิดที่อยู่ดูแลเธอต่อ แต่ว่าพอผ่านไปสักพักก็ได้รับโทรศัพท์จากบริษัท

บอกว่ามีเรื่องเล็กน้อยต้องการให้เขาเข้าไปจัดการ

“คุณพ่อ ไปทำธุระของพ่อให้เรียบดีกว่า ผมจะอยู่ดูแลแม่เอง”

ลู่อันหรานพูดออกมาเพราะเข้าใจสถานการณ์ดี

ลู่จิ้นยวนลูบหัวของเจ้าตัวน้อย “งั้นฝากด้วยนะ ถ้ามีเรื่องอะไร ก็ให้โทรหาพ่อด้วยล่ะ”

ลู่อันหรานพยักหน้าแล้วจึงเดินเข้าห้องไป

เวินหนิงในขณะนี้ได้สงบสติอารมณ์ลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว พยายามไม่ให้ตนเองคิดฟุ้งซ่านอะไรมากนัก

“อันหรานไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอก แม่ไม่เป็นอะไร”

“อื้ม ผมรู้ครับ”

ลู่อันหรานเองก็ไม่ได้รบกวนทำตัวดื้ออะไร อยู่ดูแลเวินหนิงไปอย่างเงียบๆ

แม่ลูกสองคนนอนอยู่บนเตียง ผ่านไปสักพักลู่อันหรานก็ผล็อยหลับไป

เวินหนิงมองดูใบหน้าที่ไร้เดียงสานั้น แล้วหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเขา

ผ่านพ้นเรื่องพวกนี้ไป สิ่งที่เธอควรคำนึงมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ จะต้องปกป้องอันหรานของเธอให้ดีที่สุด ไม่มีทาง ไม่มีทางที่จะให้ลูกของตนต้องพบเจอกับชะตากรรมเช่นเดียวกับเธอโดยเด็ดขาด

และตอนที่เวินหนิงมองดูลู่อันหรานที่กำลังหลับฝันนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ส่งเสียงแผดร้องออกมา

เวินหนิงกลัวว่าเสียงจะไปปลุกให้ลู่อันหรานตื่นจึงรีบเดินออกไป จากนั้นทันทีที่เหลือบไปมองหน้าจอ ดวงตาก็เบิกโพลงอย่างแทบไม่เชื่อในสายตา

โทรศัพท์สายนี้ เป็นเหอจื่ออันที่โทรมา

เขาติดต่อมาหาเธอแล้ว

เวินหนิงเองก็ไม่ได้พบหน้าเหอจื่ออันมานานมากแล้ว ดังนั้นจึงรีบกดรับสายในทันที

“ฮัลโหล? จื่ออันเหรอ”

“ใช่ ฉันเอง”

เหอจื่ออันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองที่ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยจากปลายสาย  เขาคิดว่าตัวเองจะลืมไปแล้วว่าเสียงของเวินหนิงเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้เมื่อได้ฟังแล้วเขาก็รู้ตัวว่า ตัวเขาไม่เคยลืมเลือนอะไรไปเลย แต่ก็เก็บมันไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ

เพียงแต่ แม้ว่าหัวใจจะตื่นเต้นถึงเพียงไหน เหอจื่ออันก็แสดงท่าทีสงบนิ่งเป็นอย่างมากออกมาแทน

เขาไม่อยากที่จะแสดงออกมาว่าตนสูญเสียความควบคุมไปมากแค่ไหน

“ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน

หลายปีมานี้ นายเป็นอย่างไรบ้าง”

เวินหนิงเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดว่าอย่างไรดี ในเมื่อคราวที่แล้วที่เจอเหอจื่ออัน เป็นเรื่องราวของเมื่อห้าปีก่อน เธอไม่รู้อะไรเลยสักอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขาในตอนนี้

“ตอนนี้ฉันอยู่ที่เจียงเฉิง พึ่งจะกลับมาเอง

หนิงหนิง เธอจะ ออกมาเจอหน้ากันหน่อยได้ไหม”

เหอจื่ออันกล่าวประโยคนี้จบก็หัวใจเต้นแรงขึ้นมาในทันที

แต่ไหนแต่ไรเขาไม่ใช่คนขี้ขลาดเช่นนี้ แต่ว่า ตอนนี้เขากลับรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

กลัวว่าเวินหนิงจะเอ่ยปฏิเสธเขา กลัวว่าเธอจะไม่อยากเจอหน้าเขา

“ได้อยู่แล้วสิ”

เวินหนิงเองก็คิดถึงเหอจื่ออันเช่นกัน ในเมื่อตอนแรกเกิดเรื่องกับเธอมากมายเสียขนาดนั้น ก็เป็นผู้ชายคนนี้ที่คอยช่วยเหลือ ช่วยเธอให้ก้าวพ้นความยากลำบาก ตอนนี้อยากจะเจอหน้ากัน แล้วทำไมถึงจะไม่ตอบตกลงล่ะ?

“ส่งที่อยู่บ้านของเธอมาสิ เดี๋ยวฉันออกไปหาเลย”

ทันใดนั้นเหอจื่ออันก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา มุ่งหน้าออกไปรับเวินหนิงในที่ที่เธออยู่ในตอนนี้เลยทันที

เวินหนิงคุยโทรศัพท์เสร็จ ก็มองลู่อันหรานที่กำลังนอนหลับฝันหวาน ในใจก็คำนวณว่าอีกเดี๋ยวเดียวเธอก็กลับมาแล้ว และอีกทั้งไม่อยากจะรบกวนปลุกเจ้าตัวน้อย จึงเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับออกไปข้างนอก และรอการติดต่อของเหอจื่ออัน

ผ่านไปไม่นานนัก เหอจื่ออันก็โทรศัพท์มาหาอีกที บอกว่ารออยู่ที่ชั้นล่างแล้ว

เวินหนิงจึงลงไปข้างล่าง หลังจากนั้นก็เห็นเหอจื่ออันที่ยืนอยู่หน้ารถสปอร์ต

เสื้อเชิ้ตของฝ่ายชายปลดกระดุมออกไม่กี่เม็ดอย่างเปิดเผย เผยให้เห็นกล้ามเนื้อเล็กน้อย การแต่งกายของเขาดูสบายๆ เป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ไม่เป็นทางการเลย กลับให้อารมณ์ที่ดูโดดเด่นอย่างมีเสน่ห์

เวินหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกดวงตาร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ได้แล่นผ่านขึ้นมาตรงหน้าทีละฉากๆ

“จื่ออัน”

เวินหนิงเปิดปากเอ่ยออกไปแล้วเดินเข้าไปหา

และก็เพราะไม่รู้ว่าจะพูดเอ่ยเปิดการสนทนาว่าอย่างไรดี จึงเอ่ยเรียกชื่อเขาไปอย่างเรียบง่าย

เหอจื่ออันจึงเงยหน้าขึ้นมามองผู้หญิงตรงหน้า

ยังคงเป็นดวงตาคู่เดิมที่ดูสะอาดสดใส เพียงแต่ว่ามีความมุ่งมั่นและเข้มแข็งปรากฏขึ้นมาด้วย ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จะมีความสับสนหมองหม่น จนทำให้คนรู้สึกสงสารจนอดที่จะเข้าไปปกป้องไม่ได้

“เธอ………ดูเปลี่ยนไปนะ”

เหอจื่ออันมองดูใบหน้าของเวินหนิงที่แทบจะเปลี่ยนไปทั้งหมด ในแววตาก็ปรากฏความเจ็บปวดใจขึ้นมา

ส่วนสาเหตุนั้น เดนนิสได้เล่าให้เขาฟังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ว่าเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าใบหน้าของเวินหนิงจะเปลี่ยนแปลงไปมากถึงเพียงนี้

ไม่ยากที่จะจินตนาการเลยว่า ตอนที่เริ่มทำศัลยกรรมผ่าตัดนั้น เธอได้ประสบกับความโหดร้ายมากขนาดไหน

“ใช่แล้ว แต่ว่า มันก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วน่ะ”

เวินหนิงในตอนนี้ ไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นเคืองอะไรเพราะด้วยสาเหตุนั้นอีกต่อไปตั้งนานแล้ว เธอรู้ดีว่าเหอจื่ออันเพียงแค่เป็นห่วงเธอ

“วางใจเถอะ มันไม่เจ็บมาตั้งนานแล้ว ช่วงเวลาที่ยากลำบากมากที่สุด มันได้ผ่านพ้นไปแล้ว”

“ขอโทษนะ”

เหอจื่ออันได้ยินที่เธอพูดแล้วก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาโดยพลัน

ในปีนั้น เขาและลู่จิ้นยวนส่งทีมออกค้นหาเป็นเวลานานแสนนาน แต่ก็หาไม่พบเลย

เขาก็ได้แบกเอาความโกรธแค้นที่มีต่อลู่จิ้นยวนแล้วจากเมืองเจียงเฉิงไป ได้จากไปทั้งอย่างนั้นเป็นเวลาห้าปีแล้ว

เขาไม่มีทางให้อภัยตระกูลลู่ได้ และยิ่งไม่มีทางให้อภัยตนเองได้เลย

ทุกวัน ล้วนแล้วแต่กล่าวโทษตนเอง ทำไมถึงได้ยอมให้เวินหนิงไปเสี่ยงอันตรายขนาดนั้นได้ ทำลายอนาคตของเธอไปจนหมดสิ้น

“นายพูดอะไรอยู่เนี่ย……..จื่ออัน นายไม่ได้ผิดอะไรเลยนะ ฉันขอบคุณนายมากกว่า”

เวินหนิงเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของเหอจื่ออัน ภายในใจก็รู้สึกไม่ดี

เหอจื่ออันทำดีกับเธอถึงขนาดนี้ กลับต้องมารู้สึกทรมานเพียงเพราะอุบัติเหตครั้งเดียวที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย นี่ทำให้เธอรู้สึกผิดกับเขามายิ่งขึ้นไปอีก

“ฉัน………”

เมื่อได้ยินเวินหนิงพูดดังว่า เหอจื่ออันก็เงยหน้าขึ้น มองดูแววตาที่ห่วงใยของเธอ ภายในใจก็กลับรู้สึกสับสนขึ้นมา

เวินหนิงยังไม่รู้ ถึงเรื่องราวที่เขาได้เคยทำลงไป……..

ถ้าหากว่าเธอรู้เข้า จะยังพูดอย่างนี้หรือเปล่านะ

ท้ายที่สุดแล้วเวินหนิงก็ไม่รู้ว่าเหอจื่ออันคิดอะไรอยู่ นึกว่าเขายังคงคิดถึงเหตุการณ์รถชนเมื่อห้าปีก่อนนั้น “นายพึ่งกลับมา ยังไม่มีคนเลี้ยงต้อนรับให้สินะ ฉันเลี้ยงข้าวนายเอง”

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset