ยวี๋เฟยหมิงนั้นแรงเยอะมาก เวินหนิงไม่สามารถดึงมือกลับมาจากเขาได้ เมื่อได้ฟังเขาพูดแบบนี้“ ถ้าอย่างนั้นคุณก็เรียกเลย คิดว่าฉันจะกลัวเหรอ”
ยวี๋เฟยหมิงมองเธอด้วยสายตาอย่างเย็นชา โทรศัพย์เรียกหาคนมา ว่าตึกชั้นวีไอพีด้านในมีคนอะไรก็ไม่รู้ปะปนเข้ามา ให้พวกเขามาจัดการหน่อย
เวินหนิงรออย่างไม่มีสีหน้าใดๆ ไม่นาน คุณหมอที่เพิ่งมาดูอาการของเวินหนิงก็เดินเข้ามา หยุดฝีเท้าลง “มีอะไรเหรอ”
“โรงพยาบาลของพวกคุณดูแลควบคุมงานการอย่างไง คนแบบนี้ยังสามารถปล่อยให้ขึ้นมาตึกชั้นวีไอพีได้ ถ้าหากมีของหายขึ้นมา หรือมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา พวกคุณใครจะเป็นคนรับผิดชอบ”
คุณหมอมองยวี๋เฟยหมิงอย่างหมดคำพูด กับคำพูดที่ฟังแล้วเป็นเรื่องเป็นราว “ขอโทษครับคุณผู้ชาย คุณผู้หญิงท่านนี้เป็นคนไข้ของฉันเอง เธอพักอยู่ในห้องผู้ป่วยวีไอพีที่ไม่ไกลจะที่นี้ ไม่ใช่ใครอะไรที่ไหน”
ยวี๋เฟยหมิงสีหน้าหยุดนิ่งไป คาดคิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นเช่นนี้ เขามองไปยังทิศทางที่คุณหมอชี้ไป ห้องผู้ป่วยห้องนั้นกว้างขวางและหรูหรากว่าห้องที่เขาจองไว้ให้กับท่านปู่ด้วยซ้ำ ราคาสูงกว่าเกือบจะเป็นเท่าตัวอีกด้วย
เวินหนิงพักอยู่ที่นั่นจริงหรือ เธอจะมีปัญญาที่ไหนจะมาพักห้องแบบนั้น
“ได้ยินชัดเจนหรือยัง ช่วยปล่อยมือของคุณออกด้วย” เวินหนิงพูดอย่างเชยชา แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีใจที่จะใช้ลู่จิ้นยวนเพื่อโอ้อวด แต่เมื่อเจอคนแบบนี้ที่หน้าด้านไร้ยางอายอย่างนี้ เธอก็ไม่ถือสาที่จะปล่อยให้เขาเสียหน้าบ้าง
ยวี๋เฟยหมิงปล่อยมือช้าๆอย่างกับหมดแรง เห็นได้ค่อนข้างชัดเจนว่ามันยากที่จะยอมรับความจริงนี้ได้
เขาคิดมาตลอดว่า เมื่อเวินหนิงไปจะเขาแล้วจะต้องร้องไห้เสียใจ อย่าที่จะทำใจได้ และยิ่งกว่านั้นคงต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากสุดๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอมีชีวิตที่ดีขึ้นมากขนาดนี้ ในใจของยวี๋เฟยหมิงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอย่างมาก
“ เวินหนิง เธอจะพักอยู่ที่นี่ได้ยังไง … สรุปคุณคือ … ”
“คุณหมอคะ สามารถให้ รปภ. มาเฝ้าที่หน้าประตูสักพักหนึ่งได้ไหมคะ ดูสุภาพบุรุษท่านนี้อารมณ์ข้องข้างฉุนเฉียวเล็กน้อย ฉันเกรงว่าเขาจะทำเรื่องรุนแรงอะไรขึ้นมา อาจจะทำร้ายฉันด้วย”
“ได้ ฉันจะจัดหาคนมาให้ สบายใจได้ ทางโรงพยาบาลของเราหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยของคนไข้ทุกคน”
เวินหนิงพยักหน้า หลังจากนั้น ก็เดินออกจากที่นี่
ยวี๋เฟยหมิงมองตามพื้นหลังของเธอ ทันใดนั้นก็รู้สึกอย่างกับว่าไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน
…
ลู่จิ้นยวนเดินออกจากห้องประชุม อันเฉินเดินไปข้างหน้า “ที่โรงพยาบาล ดูเหมือนว่าคุณหนูเวินจะเจอปัญหาเล็กน้อย ดูเหมือนว่ายังมีการจ้าง รปภ ด้วย”
ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว สองสามวันนี้เขามั่วแต่ยุ่งอยู่กับงานบริษัท ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับที่โรงพยาบาลมากนัก
ยังมีคนกล้าสร้างปัญหาในเขตของเขาอีกเหรอ
“รู้ล่ะ” สายตาของลู่จิ้นยวนดูเบลอๆอย่างใช้ความคิด สองสามวันที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยไปเยี่ยมเวินหนิงแม้แต่ครั้งเดียว และเธอก็สามารถทำได้ข้อหนึ่งคือไม่มารบกวนเขาเลย และไม่เคยสร้างปัญหาให้เขาเลย
ครั้งนี้เจอปัญหา ถ้าไม่ใช่เพราะอันเฉินเป็นคนบอก บางทีเขาอาจจะไม่รู้เลยก็ได้
แม้ว่า การกระทำนี้จะเป็นหน้าที่ของเวินหนิงก็ตาม แต่ความรู้สึกในใจของลู่จิ้นยวนนั้น กับไม่ได้รู้สึกดีขึ้นกับเรื่องพวกนี้เลย
…
หลังจากที่เวินหนิงกลับถึงห้องผู้ป่วยก็ทานยา ไม่นานนักก็มีอาการง่วงนอนขึ้นมา ก็เลยล็อคประตูแล้วนอน
สองสามวันนี้เธอก็ไม่มีอะไรต้องทำ ก็เลยใช้ชีวิตอย่างกับหนอนกินเสร็จนอนแล้วนอนตื่นก็กิน แต่ว่าวันนี้เธอรู้สึกเหนื่อยมากเป็นพิเศษ นอนจนถึงฟ้ามืด ลืมตาขึ้นมาอีกที พึ่งจะรู้ว่าท้องฟ้านั้นมืดแล้ว
ค่อยๆเดินผ่านความมืดไปเปิดไฟ แต่ดวงไฟกับไม่สว่าง ในห้องที่เต็มไปด้วยความมืด ทำให้เวินหนิงรู้สึกกลัวเล็กน้อย มันทำให้เธอนึกถึงภาพตอนที่อยู่ในเรือนจำแล้วทำความผิด จะถูกเอาไปขังไว้ในห้องมืดที่ไม่ได้เห็นแสงเห็นตะวัน
“ มี……มีใครอยู่ไหม ไฟดับเหรอ” เวินหนิงกุมโทรศัพท์ไว้แน่น เดินไปที่ประตูอย่างระมัดระวัง แต่เงาที่แอบๆซ้อนที่หน้าประตูทำให้เธอตกใจมาก
“ใคร”
“ยังจะมีใครอีก เปิดประตูเดียวนี้” คนที่พูดคือยวี๋เฟยหมิง
ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่พบเจอกับเวินหนิง หลังจากที่โดนเธอเยาะเย้ย เขารู้สึกโกธรแค้นในใจมาก โดยเฉพาะ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมายืนอยู่ที่ประตู ไม่ยอมให้ใครผ่าน โดยเฉพาะเวลาที่เขาเดินผ่าน ไฟความชั่วร้ายในใจของเขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น .
เวินหนิงมีหน้าอะไรถึงมารังเกียจเขาแบบนี้ ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยถูกจำคุก
เพียงแค่เขาดึงสวิตช์ไฟในห้องของเวินหนิงลง แล้วให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปซ่อมวงจรไฟ เพื่ออยากดูว่าเวินหนิงจะตอบสนองอย่างไร
“ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เมื่อเวินหนิงได้ยินเสียงเป็นของยวี๋เฟยหมิง ถอยหลังไปสองก้าวคว้าแจกันบนโต๊ะมาถือไว้ในมือ
“ ทำไมฉันจะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้ เปิดประตู ฉันมีเรื่องจะต้องคุยกับเธอ เธออย่าลืมนะว่าเราเป็นอะไรกัน”
จะเป็นอะไรกัน ก็แค่อดีตคู่หมั้นของเธอ ปัจจุบันเป็นของเวินหลาน ผู้ชายคนนี้มีหน้าอะไรยังมาพูดถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา
ในขนาดที่ทั้งสองยืนตัวแข็งอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้ชายถามขึ้นมาจากที่ไกลอย่างเย็นชาราวแม่เหล็กสั้น ๆ ว่า “พวกคุณ มีความสัมพันธ์อะไรกัน”
ยวี๋เฟยหมิงขมวดคิ้ว น้ำเสียงของผู้ชายคนนี้อย่างกับคลื่นทะเล พร้อมกับความเย่อหยิ่ง ทำให้เขาพอใจอย่างมาก
“ฉันเป็นคู่หมั้นของเธอ เป็นเรื่องธรรมดาที่อยากจะเข้าไปข้างในห้อง คุณอย่ามายุ่ง”
เมื่อได้ยินคำว่าคู่หมั้น บรรยากาศรอบตัวของลู่จิ้นยวนดูเหมือนเยย็นดิ่งลงขึ้นมา
พูดต่อหน้าเขาว่าเขาเป็นคู่หมั้นของเวินหนิง น่าจะบอกว่าเขาไร้เรียงสาหรือว่า … น่าตลก
“ไม่ใช่ ฉันกับเขาไม่มีความสัมพันธ์อพไรกับเขา”
ยวี๋เฟยหมิงฟังเสียงไม่ออกว่าใครมา แต่เวินหนิงทำไมจะจำเสียงของลู่จิ้นยวนไม่ได้
ดังนั้น ทันทีที่เธอได้ยินคำพูดที่หน้าด้านไร้ยางอายของเขา เธอก็รีบเปล่งเสียงของเธอทันที พูดอธิบายขึ้นอย่างเสียงดัง
แม้ว่า เธอเองก็ไม่รู้ว่าเธอจะรู้สึกผิดเพราะอะไร
“ในเมื่อเธอพูดแบบนี้แล้ว ขอความกรุณาคุณออกไปจากที่นี่ ออกไป ลู่จิ้นยวนกล่าวอย่างเย็นชา
“คนที่ควรหลีกไปคือนายถึงจะถูก ฉันกับเธอได้หมั้นหมายกันแล้ว นายเก่งมาจะไหน ยังกล้ามาสั่งสอนฉัน”
ยวี๋เฟยหมิงปกตินั้นคุ้นเคยกับการอยู่เหนือคนอื่น ครั้งนี้เขากับได้เจอชายคนหนึ่งในความมืด ไม่ว่าจะด้านไหนก็สึกเหนือกว่าเขาและยังมีท่าทีมาสั่งสอนเขา จนอารมณ์หงุดหงิด จนพูดไม่เป็นประโยค
ลู่จิ้นยวนไม่โกรธแต่กลับหัวเราะ กำลังจากอ้าปากพูด ประตูที่ล็อคไว้แน่นก็ถูกเปิดออก เวินหนิงเดินออกมา ใช้แรงทั้งหมดผลักยวี๋เฟยหมิงออกไปอย่างแรง “แล้วแก่คิดว่าแก่เป็นใคร ในเมื่อหมั้นกับเวินหลานไปแล้ว ก็อย่ามาเป็นเสนียดแถวนี้”
หลังจากพูดจบ เวินหนิงก็ตรงเข้าไปคว้าจับมือของลู่จิ้นยวนไว้ ดึงเขาเข้าไปในห้อง เสียงปิดประตูดังปังตามด้วยเสียงล็อกประตู
ยวี๋เฟยหมิงน่ารำคาญจริงๆ ถ้ายังคงเถียงกันแบบนี้ กลัวว่ามันจะไม่มีที่สิ้นสุด
เวินหนิงดึงมือลู่จิ้นยวนเข้ามาถูกในห้อง พึ่งจากสังเกตว่าการกระทำของเธอมากเกินไปหน่อย ตอนนี้เธอยังคงจับมือของผู้ชายไว้ เหมือนกับคู่รักที่หวานแหววเขาจับมือกัน
ที่แปลกคือ นิสัยที่เกลียดการถูกสัมผัสของลู่จิ้นยวน กับไม่ได้สะบัดมือเธอออกทันที
“ขอโทษค่ะ ฉันรู้สึกว่าเขาน่ารำคาญมาก คุณไปเถียงกับเขาแล้ววุ่นวายใจเปล่าๆ ก็เลย … ”
คำพูดยังไม่ทันพูดจบ เสียงโมโหโวยวายของยวี๋เฟยหมิงก็ดังมาจากข้างนอก“ เวินหนิง เธฮช่างไร้ยางอายจริงๆชายใดก็สามารถเข้าไปในห้องของเธอได้ เธอรีบออกมาเดียวนี้เลยนะ”
คำพูดที่หยาบคายนั้น ทำให้ลู่จิ้นหยวนอดขมวดคิ้วไม่ได้
สายตาของเวินหนิงเย็นชาลง ยวี๋เฟยหมิงคนนี้เตลิดจนขึ้นหัวแล้ว เขาคิดว่าเธอจะไม่สามารถทำอะไรเขาไม่ได้จริงๆเหรอ
ก็เลยกดโทรหาเวินหลานไปทันที
เวินหลานกำลังถ่ายหนังขนาดที่หยุดพัก เห็นสายโทรเข้ามาของเวินหนิง มีรอยยิ้มเยาะเย้ยที่มุมริมฝีปากของเธอรับสาย “นึกถึงฉันขึ้นมาได้ยังไง มีเรื่องอะไรเปล่า”
“ฉันอยากให้เธอฟังเสียงของคู่หมั้นคนดีของเธอดู เผื่อว่าเธอจะคิดถึงเขา” เวินหนิงก็ไม่มีความเกรงใจใดๆ เปิดเสียงลำโพง ยวี๋เฟยหมิงที่อ้างเป็นคู่หมั้นของเธอ คำพูดที่ทั้งดูถูกด่าสาปแช่ง ทั้งหมดถูกถ่ายทอดส่งผ่านไปทางโทรศัพย์ให้อีกฝั่ง