“คราวนี้พ่อไม่โทษผมแล้ว? ”
ลู่อันหรานยังจำได้ว่าในอดีตตัวเองเคยทำเรื่องพิเรนทร์โดยไม่มีกฎเกณฑ์ สุดท้ายก็โดนลู่จิ้นยวนดุ
“สถานการณ์เฉพาะ วิเคราะห์โดยเฉพาะ ในตอนนี้ต้องการพลังของลูก”
ลู่จิ้นยวนพูดจบ ก็ตบบ่าลู่อันหรานอย่างเคร่งขรึม ราวกับมอบหมายทุกอย่างให้กับเขา
“ผมยังต้องไปเรียน ไม่มีเวลา”
ลู่อันหรานอยากหาข้ออ้างไม่เข้าชั้นเรียน
ลู่จิ้นยวนจะไม่เข้าใจได้อย่างไร แต่คิดสักพัก เรื่องโรงเรียนพวกนั้น ลู่อันหรานเคยเรียนมาตั้งนานแล้ว “สองสามวันนี้ไม่ต้องไป ไม่เป็นไร”
“งั้น ก็ได้ฮะ ถึงผมจะไม่เต็มใจ แต่จะช่วยพ่อสักครั้ง”
ลู่อันหรานพยักหน้า ทำหน้าภาคภูมิใจ
……
เมื่อคืนเวินหนิงนอนที่โรงพยาบาล ตอนนี้เธอไม่มีอะไรอื่นๆ ทำ อยู่กับไป๋หลินยวี่ให้มากๆ ดีกว่า
หลังจากตื่นขึ้นมา เวินหนิงอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็ไปเยี่ยมไป๋หลินยวี่
ไม่คิดว่า เธอจะตื่นเช้ากว่าตนอีก
“แม่ ทำไมแม่ไม่นอนเยอะๆ หน่อยล่ะคะ? ”
“แม่อายุเยอะแล้ว จะนอนเยอะๆ ได้ที่ไหน เมื่อคืนลูกบอกว่าเหอจื่ออันจะมาใช่ไหม? เขาจะมาเมื่อไร? ”
ไป๋หลินยวี่ไม่ได้ลืมสิ่งที่เวินหนิงพูดเมื่อวาน พอพูดแบบนี้ เวินหนิงก็กระอักกระอ่วนเล็กน้อย
เมื่อคืนเธอนอนเร็วมาก ก็เลยไม่ได้โทร “เดี๋ยวฉันถามก่อนนะ”
ไป๋หลินยวี่เห็นว่าเป็นแบบนี้ก็ส่ายหน้า เจ้าเด็กคนนี้ ไม่รู้สักนิดเลยเหรอว่าตัวเองต้องสู้ให้มากหน่อย?
ยังต้องให้หญิงชราอย่างเธอกังวลอีก
เวินหนิงโทรหาเหอจื่ออันทันที
เหอจื่ออันตอนแรกกำลังหลับ ได้ยินเสียงเรียกเข้า ตอนแรกรู้สึกรำคาญมาก แต่เมื่อเห็นเบอร์เวินหนิงโทรมา เขาก็ตื่นทันที นักขึ้นมารับสาย
“ฮัลโหล เวินหนิง มีอะไรเหรอ? ”
เวินหนิงได้ยินเสียงเหอจื่ออัน เหมือนแหบพร่าเล็กน้อย และไม่รู้ว่าเธอปลุกเขาให้ตื่นหรือเปล่า จึงเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษนะคะ ฉันปลุกคุณหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร”
เหอจื่ออันตื่นขึ้นมาทันที เดินเข้าไปในห้องน้ำส่องกระจก “ที่คุณโทรมา มีเรื่องให้ฉันช่วยใช่ไหม? ”
“จริงๆ แล้วคือแม่ฉันได้ยินว่าคุณกลับมาแล้ว เลยอยากเจอคุณ”
ได้ยินประโยคนี้ เหอจื่ออันก็ไม่ลังเลสักนิด ตอบตกลงทันที “งั้นเหรอ? พอดีเลย ฉันก็ว่าจะไปเยี่ยมท่านป้าสักหน่อย ตอนนี้พวกคุณอยู่ที่ไหน? ”
เวินหนิงบอกที่อยู่โรงพยาบาลไป เหอจื่ออันเมื่อได้ยินว่าโรงพยาบาล
“คือ……คือแม่ฉันป่วยค่ะ”
เวินหนิงก็ไม่ได้อยากปิดบังเหอจื่ออัน
ได้ยินประโยคนี้ เหอจื่ออันก็ขมวดคิ้ว เป็นเวลานานมากที่อยู่ต่างประเทศไม่ได้ติดต่อในประเทศ ไม่คิดว่าไม่รู้แม้กระทั่งเรื่องนี้ ไม่ควรเป็นแบบนี้จริงๆ
“เดี๋ยวฉันไป”
เหอจื่ออันอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันอย่างรวดเร็ว แล้วรีบขับรถไปสถานที่ที่เวินหนิงอยู่
ได้รับคำตอบจากเขา เวินหนิงก็บอกไป๋หลินยวี่เรื่องที่เดี๋ยวเขาจะมา ไป๋หลินยวี่ก็หยักหน้า ! สองแม่ลูกทานอาหารอย่างเรียบง่าย รอเหอจื่ออันมา
……
ไม่นานนัก รถเหอจื่ออันก็มาจอดประตูทางเข้าโรงพยาบาล
ตามเลขห้องผู้ป่วย เขาขึ้นมาข้างบน จากนั้นก็ตามหาอย่างรวดเร็ว
เวินหนิงกำลังออกมาส่งอุปกรณ์ทานอาหารพอดี ทั้งสองก็พบกัน
“เร็วจัง? ”
เวินหนิงไม่คิดว่าเพิ่งวางโทรศัพท์เหอจื่ออันไปไม่ถึงสิบห้านาทีก็มาถึงแล้ว ประหลาดใจนิดหน่อย
“ได้ยินว่าท่านป้าป่วย ฉันก็ต้องรีบมาให้เร็วที่สุดอยู่แล้ว”
ได้ยินว่าเขากังวลเกี่ยวกับไป๋หลินยวี่ขนาดนี้ เวินหนิงก็รู้สึกซาบซึ้งมาก และไป๋หลินยวี่ก็ได้ยินเสียงมีคนคุยกันข้างนอก “ใครมา จื่ออันใช่ไหม? ”
“ท่านป้า ผมเองครับ”
เหอจื่ออันรีบตอบ
“เข้ามาเร็วๆ ”
ไป๋หลินยวี่ก็อยากเจอเหอจื่ออันเช่นกัน รีบเรียกเขาเข้าไป
“เธออยู่ข้างใน พวกคุณคุยกันไปก่อน ฉันเอาของไปส่งก่อนนะ”
เวินหนิงบอกสักหน่อย ก่อนจะเดินออกไป
เหอจื่ออันเข้ามาในห้องผู้ป่วย เห็นไป๋หลินยวี่ เธอดูแก่ขึ้นกว่าในความทรงจำของตน มีผมหงอกเพิ่มขึ้นไม่น้อย บางทีอาจจะเพราะป่วย เลยผอมลงไปมาก และดูซีดเซียวมาก
แต่เห็นท่าทางเธอ ร่าเริงไม่เลว มันก็ทำให้เหอจื่ออันวางใจบ้าง
“ทำไมคนที่ผมส่งมาไม่ได้บอกเรื่องนี่กับผม? ”
เหอจื่ออันหงุดหงิดเล็กน้อย ถ้าเขารู้ตั้งนานแล้ว ก็จะต้องกลับมาเร็วกว่านี้แน่ๆ
ไม่แน่ว่า อาจจะไม่สายเกินไปที่จะได้เจอกับเวินหนิง
“ฉันไม่ให้เขาไปหาคุณน่ะ”
ไป๋หลินยวี่จริงๆ แล้วเป็นคนบอกคนคนนั้น แต่เหมือนมีบางอย่างผิดพลาด
ตอนนี้ไป๋หลินยวี่ไม่อยากติดตามเรื่องพวกนั้น ก็เลยปัดมันทิ้งไป
“แล้วตอนนี้ สุขภาพป้าเป็นยังไงบ้างครับ? ”
เหอจื่ออันถามอย่างเป็นห่วง
“จะว่าดีก็ไม่ดี จะว่าแย่ก็ไม่แย่ ตอนนี้ต้องใช้ยาพิเศษในการบำรุงรักษา คงยังไม่ตาย แค่ต่อไปนี้จะเป็นยังไง ก็ไม่แน่นอน”
ไป๋หลินยวี่ส่ายหน้า เธอผ่านอะไรมามากมาย สำหรับความเป็นความตาย ก็มองมันในแง่ลบมาก ไม่กลัววันนั้นที่จะมาถึง
แต่สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นห่วงลูกสาวตัวเอง
ถ้ายังไม่เห็นเวินหนิงมีความสุข เธอก็ตายตาไม่หลับ
“จะเป็นแบบนี้ได้ยังไงครับ แล้วมีวิธีอะไรไหม? ”
ได้ยินความเป็นห่วงของเหอจื่ออัน ไป๋หลินยวี่ก็ยิ้ม “ที่ฉันเรียกคุณมา ไม่ได้มาคุยเรื่องอาการป่วยหรอก ฉันแค่อยากถามคุณ ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงกับหนิงหนิงของฉัน”
ไป๋หลินยวี่พูดอย่างตรงไปตรงมา ตรงจนทำให้เหอจื่ออันตกตะลึง
แต่ไม่นานเขาก็ตอบ “ผมรู้สึกกับเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลงครับ”
ได้ยินประโยคนี้ ไป๋หลินยวี่ก็พยักหน้า ผ่านเรื่องต่างๆ มา เธอคิดว่าเหอจื่ออันเป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้อย่างมาก ไม่ทิ้งเวินหนิงไปในช่วงที่เธอลำบากมากที่สุด
ถึงแม้ไม่ได้มีภูมิหลังครอบครัวที่แข็งแกร่งแบบลู่จิ้นยวน แต่สามารถพึ่งตัวเองสร้างอาชีพในปัจจุบันได้ก็ไม่ธรรมดาแล้ว ผู้ชายแบบนี้พึ่งพาได้ เธอยินยอมฝากลูกสาวให้กับเขา
“ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้อีกนานแค่ไหน เลยเรียกคุณมา ฉันหวังว่าคุณจะดูแลหนิงหนิงได้ คนคนนั้นที่ปกป้องเธอ ให้เธอใช้ชีวิตอย่างไร้ความกังวลไปตลอดชีวิต”
เหอจื่ออันได้ยินดังนี้ ก็รีบพูดขึ้นทันที “ผ-ผมจะต้องไม่ทำให้คุณผิดหวังครับ”
เหอจื่ออันตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ไม่เคยลืมเวินหนิงเลย หลายปีที่ไม่กลับมา ก็ยังคิดว่าจะล้างแค้นกับเธออย่างไร ตอนนี้ไป๋หลินยวี่ขอแบบนี้ เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?
“งั้นก็ดี ฉันเชื่อใจคุณนะ แต่เรื่องนี้ต้องให้หนิงหนิงเห็นด้วย แค่ต้องพึ่งความพยายามของคุณ แต่ฉันก็จะช่วยคุณเต็มที่!”
ไป๋หลินยวี่พูดอย่างพอใจ ทั้งสองคุยกันอีกสักพักหนึ่ง เวินหนิงก็ผลักประตูกลับมา พวกเขาก็เงียบเสียง
“พวกคุณกำลังคุยอะไรกันคะ? ทำไมพอฉันกลับมาแล้วไม่พูด”
เวินหนิงรู้สึกมีบางอย่างแปลกๆ ไม่รู้ว่าสองคนนี้มีอะไรปิดบังตนอยู่หรือเปล่า
ไป๋หลินยวี่ไม่อยากให้เธอคิดมาก ก็ถามเหอจื่ออัน “คุณกินข้าวเช้ามาหรือยัง? เหมือนเมื่อกี้คุณเพิ่งตื่นเลย”
เหอจื่ออันส่ายหน้า ไป๋หลินยวี่เหลือบมองเวินหนิง “หนิงหนิง ทำไมทำแบบนี้ล่ะลูก จื่ออันเขากลับมาเยี่ยมแม่ตั้งไกล ลูกปล่อยให้เขาหิวเหรอ? ”