ตำแหน่งที่ลู่จิ้นยวนจอดนั้นสวยงามและดูเท่มาก แค่ตรงตัวรถได้รับการกระแทกไปหน่อย ไม่ได้เสียหายอะไรมากมาย
เขารีบเปิดประตูรถลงมาทันที คิดอยากจะจับโจรคนนั้นให้ได้
เมื่อโจรคนขับรถมอเตอร์ไซค์เห็นเช่นนี้ รีบลงจากรถ ดึงขาออกวิ่งหลบหนีทันที
ดูเหมือนว่าเขาได้รับบาดเจ็บเฉพาะที่ผิวหนังเล็กน้อย ตอนนี้เขายังสามารถวิ่งได้ กระเป๋าที่แย้งไปได้ ถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างแน่น
หยงซือเหม่ยกลัวมากจนนั่งลงอยู่กับพื้น พอตั้งสติได้ ก็กรีดร้องว่า ” จับโจรค่ะ ใครจับเขาได้ ฉันจะให้เงินหนึ่งแสนบาท”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้คนจำนวนมากที่นั่งอยู่ข้างๆต่างพากันตื่นเต้นขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าทั้งตัวของหยงซือเหม่ยเต็มไปด้วยแบรนด์เนมดูเหมือนจะรวยมาก ทุกคนต่างพากันวิ่งไปตามโจร
ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว ในเมื่อมีคนไปไล่ตามโจรแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องวุ่นวายอีก
เดินเข้าไป ยื่นมือออกไป ” คุณไม่เป็นไรใช่ไหม ”
น้ำเสียงของชายหนุ่มยังคงเฉยชา บนใบหน้าไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ราวกับเรื่องเมื่อกี้ไม่ใช่เขาเป็นคนช่วยเธอไว้
หยงซือเหม่ยผงะ เงยหน้าขึ้น จ้องไปที่ดวงตาของลู่จิ้นยวน
หัวใจเต้นเร็วผิดปกติอย่างอธิบายไม่ถูก เธอยื่นมือออกไป ลู่จิ้นยวนดึงเธอขึ้นมา
หยงซือเหม่ยสัมผัสถึงอุณหภูมิในมือที่อบอุ่น ทำให้หน้าของเธอแดงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อลู่จิ้นยวนเห็นว่าเธอยืนขึ้นมาแล้ว ก็ปล่อยมือทันที
หยงซือเหม่ยอดเสียดายไม่ได้ และในขณะนี้ คนที่ฉกกระเป๋าของเธอไปเมื่อกี้ก็ถูกจับได้กลับมา
แม้ว่าโจรคนนี้จะวิ่งหนีเร็วมาก แต่ยังไงก็สู้คนแข็งแกร่งจำนวนมากไม่ได้ จึงถูกจับได้ส่งมาที่ตรงหน้าของหยงซือเหม่ย
หยงซือเหม่ยหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าใบหนึ่ง เขียนตัวเลขลงไปทันที แล้วมอบให้กับคนข้างทางที่จับโจรได้
” คุณผู้หญิงคนนี้ ไม่ทราบว่าจะส่งเขาไปให้ตำรวจเลยไหมครับ ”
เมื่อเห็นว่าเธอเป็นคนใจกว้างจริงๆ ทุกคนที่อยู่รอบข้างต่างพากันอิจฉา ถ้ารู้ก่อนหน้านี้น่าจะออกไปช่วยให้เร็วกว่านี้ บางทีอาจจะโชคดีเหมือนเขาก็ได้
” ไม่ต้อง ส่งให้ฉันก็พอ”
สายตาของหยงซือเหม่ยเยื่อเย็นมาก ส่งตัวไปให้ตำรวจ อย่างมากก็แค่เข้าคุกเท่านั้น คนประเภทนี้ มันน้อยเกินไป
ตอนเมื่อกี้เธอเกือบจะถูกลากเข้าไปอยู่ในล้อ เกือบจะทิ้งชีวิตไปกับล้อ บัญชีนี้จะปล่อยไปอย่างงี้ไม่ได้
“ คุณชายลู่ รบกวนคุณช่วยส่งฉันกลับบ้านตระกูลหยงหน่อยค่ะ ”
หยงซือเหม่ยขอให้คนช่วยมัดโจรเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็มองไปทางลู่จิ้นยวน
” คุณช่วยฉันไว้ ความคับแค้นใจระหว่างคุณกับฉันในอดีต ถือว่าเจ๊ากัน ฉันจะไปพูดกับท่านปู่เอง”
สีหน้าของลู่จิ้นยวนค่อยผ่อนคลายลงเล็กน้อย แล้วพยักหน้า
ลู่จิ้นยวนเป็นคนขับรถไปส่งหยงซือเหม่ยที่บ้านตระกูลหยง
“ ฉันขอตัวเข้าไปคุยกับท่านปู่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน คุณรออยู่ข้างนอกแป๊ปหนึ่งก่อน”
ระหว่างทางหยงซือเหม่ยเอาแต่จ้องมองลู่จิ้นยวนไปตลอดทางมอง
ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ เธอไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษกับผู้ชายคนนี้ แม้ว่าเขาจะหน้าตาดี มีความสามารถ ฐานะทางบ้านก็ถือว่าเป็นหนึ่งเป็นสองเลยทีเดียว เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะหลงเขาเพียงเพราะข้อดีไม่กี่ข้อ
แต่……
เมื่อความคิดนึกตอนที่ตัวเองเกือบจะถูกลากไปบนถนน ผู้ชายคนนี้ได้ช่วยเธอไว้ แถมรูปร่างหน้าตาของเขาดูเท่มาก เหมือนกับฮีโร่ในซีรีส์ทีวีที่พระเอกช่วยชีวิตนางเอกเลย หัวใจของหยงซือเหม่ยไหวหวั่นไม่น้อย
ที่เธอไม่ได้เร่งรีบที่จะแต่งงาน เพียงเพื่อรอผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกที่คู่ควรกับตัวเอง
และตอนนี้ … เธอพบว่าผู้ชายคนนั้นก็คือลู่จิ้นยวน
เมื่อลู่จิ้นยวนเห็นว่าหยงซือเหม่ยยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ดวงตายังคงจับจ้องมาที่เขา ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร จึงขมวดคิ้วขึ้นมา
“ คุณหนูหยง … ”
“อ่า ไม่มีอะไรค่ะ ”
หยงซือเหม่ยเก้อเขิน เลยทำเป็นไอ ในที่สุดก็เข้าไปสักที
ลู่จิ้นยวนยืนอยู่ข้างนอก เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นแค่เรื่องบังเอิญ ที่สำคัญหยงซือเหม่ยเป็นตัวละครที่สำคัญมาก หากต้องการรู้ถึงประวัติชีวิตของเวินหนิง เธอจะมีอันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้น เขาจึงเข้าไปช่วยเธอโดยไม่คิด.
แต่ดันได้อย่างอื่นเข้ามา
…
เมื่อหยงซือเหม่ยกลับมาถึงบ้าน นายท่านตระกูลหยงเห็นเธอกลับมา กำลังจะพูด แต่ก็เห็นว่าเสื้อผ้าของเธอที่ขาดไปหลายที่และทั้งตัวก็ดูไม่เรียบร้อยผมยุ่งไปหมด ดูโทรมมาก
ปกติหยงซือเหม่ยเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ภายนอกอย่างมาก เขารู้ทันทีว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ
” เป็นอะไรหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น”
หยงซือเหม่ยได้เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธออย่างละเอียด เมื่อได้ยินว่าเธอเกือบจะประสบอุบัติเหตุ สีหน้าของนายท่านตระกูลหยงโกรธมาก
” ปู่จะไม่มีทางปล่อยคนคนนั้นไปอย่างแน่นอน แต่เดียว เธอบอกว่าลู่จิ้นยวนเป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้เหรอ เป็นเรื่องจริงเหรอ ”
หยงซือเหม่ยพยักหน้า ท่าทางยังเขินอายเล็กน้อย
ความคิดของเธอแค่นี้ จะสามารถบังปิดสายตาของนายท่านตระกูลหยงได้อย่างไร ” ซือเหม่ย เธอมีความรู้สึกดีๆต่อเขาใช่ไหม ”
หยงซือเหม่ยก้มหน้าลงไม่พูดอะไร ซึ่งถือว่าเป็นการยอมรับ
“ เด็กคนนี้ … ”
นายท่านตระกูลหยงพยักหน้า “ ปู่ก็รู้สึกว่าคนคนนี้ไม่เลว ถ้าหากเธอชอบ งั้นก็ให้เขาตกลงแต่งงานกับตระกูลหยงเรา”
“ ไม่ค่ะ ท่านปู่ ฉันอยากให้เขาตกหลุมรักฉัน ถึงค่อยแต่งงาน”
หยงซือเหม่ยปฏิเสธข้อเสนอของนายท่านอย่างเด็ดขาด เธอโหยหาความรักมาตลอด เธอไม่อยากได้ความรักที่ถูกบังคับหรือวิธีการแต่งงานทางธุรกิจ
เมื่อเห็นท่าทีที่แน่วแน่ของเธอ นายท่านก็ไม่ได้พูดอะไร
เป็นเรื่องที่ดีอยู่เหมือนกัน ให้เวลาหนุ่มสาวทั้งสองคนไปพัฒนาความสัมพันธ์กันเอาเอง หลังจากแต่งงานกันจะได้ไม่ทะเลาะกันบ่อยๆ
“ถ้าอย่างนั้น ก็ไปเรียกเขาเข้ามาคุยกันหน่อย”
นายท่านเปิดปาก หยงซือเหม่ยออกไปอย่างตื่นเต้นและมีความสุข แล้วเรียกลู่จิ้นยวนเข้ามา
เป็นเพราะความรู้สึกที่หยงซือเหม่ยมีต่อเขา นายท่านจึงไม่ได้หาเรื่องของลู่จิ้นยวนอีก ในไม่ช้าก็ตกลงและดำเนินเรื่องให้ทันที
เรื่องที่ศาสตราจารย์หลี่จะไปเมืองเจียงเฉิง ก็ถูกจัดการในทันที
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลหยงไม่ได้ให้ตระกูลลู่ถอยกำไรที่จะได้จนมากเกินไป แต่กลับบอกว่าพวกเขาต้องการร่วมมือกันเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ
เรื่องทุกอย่างราบรื่นจนทำให้ลู่จิ้นยวรนั้นไม่อยากเชื่อ
” แต่ว่า ฉันมีเงื่อนไขข้อเดียว ”
นายท่านตระกูลหยงไม่ได้ลืมสิ่งทีหยงซือเหม่ยพูด
“ เงื่อนไขอะไร”
“ ในเมื่อคุณต้องการขยายธุรกิจในเมืองจิงเฉิง ตัวคุณเองจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ ปล่อยให้คนอื่น ๆ ไปทำ ฉันไม่ไว้วางใจ ”
สิ่งที่นายท่านตระกูลหยงคิดในใจก็คือถ้าลู่จิ้นยวนกลับไปเมืองเจียงเฉิงหลังจากเจรจาธุรกิจเสร็จแล้ว หลานสาวที่เป็นหัวแก้วหัวแหวนก็จะไม่มีโอกาสอะไรอีก
ดังนั้นจึงต้องสร้างโอกาสให้พวกเขาได้เจอหน้ากันให้มากขึ้น
“ โอเค … ผมตกลง”
ลู่จิ้นยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ปฏิเสธ
ไม่ว่ายังไง ส่วนแบ่งในการร่วมมือที่แก้ไขใหม่กับตระกูลหยงได้เพิ่มขึ้นมาก และการลงทุนของตระกูลลู่ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เขาจึงจำเป็นที่จะต้องอยู่ดูแลธุรกิจที่นี่อยู่แล้ว
เรื่องทั้งหมดก็ตกลงตามนั้น ลู่จิ้นยวนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อ เลยกล่าวลากับนายท่านตระกูลหยงทันที
หลังจากที่เขาไปไม่นาน หยงซือเหม่ยได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเดินออกมา ในช่วงเวลาสั้น ๆ เธอยังได้ทำการแต่งหน้าใหม่ เธอสวมชุดที่ดูมีเสน่ห์มาก ใครที่เห็นนั้นต้องหลงไหลอย่างแน่นอน
สุดท้ายเห็นว่าลู่จิ้นยวนกลับไปแล้ว หยงซือเหม่ยท้อแท้ใจมาก
เท่ากับเธอแต่งตัวสูญเปล่า
“ ฉันยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย ฉันจะไปหาเขาที่โรงแรมที่เขาพักอยู่ เพื่อขอเลี้ยงอาหารเขา ”
นายท่านตระกูลหยงขมวดคิ้ว คิดว่าท่าทีของเธอเร่งรีบเกินไป
แต่ก็ไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ จึงได้เรียกให้ซ่งรั่วอวิ้นไปด้วย ” เธอไปเป็นเพื่อนของหยงซือเหม่ยหน่อย ช่วยเตือนสติเธอหน่อย จะได้ไม่ทำอะไรผิดพลาด”