บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 532 ต้องจงใจแน่!

ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว เมื่อเห็นหยงซือเหม่ยทำหน้าเหมือนไม่สนใจอะไร เขาจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชากว่าเดิม

“น้ำใจของคุณ ถือว่าผมรับไว้แล้ว แต่วันนี้ผมไม่ว่าง คุณไปเองแล้วกัน”

พูดเสร็จเขาก็ลงจากรถและล็อกรถทันที

หยงซือเหม่ยนิ่งอึ้งไป เนื่องจากเธอเกิดในตระกูลที่ร่ำรวย เคยชินแต่การที่ผู้ชายคอยตามใจ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เธอถูกปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า

“นี่ฉันตั้งใจมาเลี้ยงข้าวขอบคุณโดยเฉพาะเลยนะ คุณทำแบบนี้ไม่คิดว่ามันจะมากไปหน่อยเหรอ?”

ตอนนี้ลู่จิ้นยวนไม่มีอารมณ์จะพูดคุยอะไรกับเธอทั้งนั้น: “ต้องขอโทษด้วย วันนี้ผมไม่มีเวลาจริงๆ คุณตามสะบายแล้วกัน”

พูดจบลู่จิ้นยวนก็เดินจากไป

หยงซือเหม่ยไม่ยอมเลิกลาง่ายๆ เธอยังพยายามจะเดินตามไป ซ่งรั่วอวิ้นเห็นเข้าจึงรีบห้ามเธอไว้

“ซือเหม่ย วันนี้เขาไม่มีเวลาก็ช่างเถอะ ไว้วันหลังดีกว่า”

“ซ่งรั่วอวิ้นมายืนดูอยู่ได้ เห็นฉันโดนปฏิเสธมันซะใจมากใช่มั้ย?”

ซ่งรั่วอวิ้นอยู่ดีๆก็โดนโมโหใส่อย่างไม่มีเหตุผล: “เปล่านะ ฉันแค่เห็นว่าตอนนี้พวกคุณยังไม่ได้สนิทกันมาก ถ้าไปตามตอแยแบบนั้นมันอาจดูไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่”

หยงซือเหม่ยฟังแล้วมันก็มีเหตุผล แต่เธอแค่ไม่อยากยอมรับ: “เธอมันทำเป็นรู้ดี…….”

พูดเสร็จก็สะบัดมือซ่งรั่วอวิ้นออกแล้วเดินไปขึ้นรถทันที

ซ่งรั่วอวิ้นโดนว่าแบบนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจนัก แต่ก็ยังคงเดินตามไปที่รถ

หยงซือเหม่ยที่นั่งอยู่ข้างคนขับพูดขึ้น: “ไปสืบมาหน่อยว่าผู้หญิงที่มากับลู่จิ้นยวนมีความสัมพันธ์กับเขายังไง แล้วก็คนที่ชื่ออันหรานคือใคร?”

น้ำเสียงของเธอเหมือนกำลังสั่งงานพนักงานในใต้บังคับบังชาตัวเอง

ซ่งรั่วอวิ้นยิ้มขื่น: “ค่ะ”

ถึงแม้ว่านายท่านจะอุปการะเลี้ยงดูเธออย่างดี จนคนภายนอกต่างพากันอิจฉา

แต่ที่จริงแล้วเธอก็ยังไม่ใช่คนบ้านตระกูลหยงอยู่ดี นอกจากนายท่านแล้วคนอื่นๆในบ้านตระกูลหยงมีแต่อยากไล่เธอออกจากตระกูลให้พ้นๆ แม้แต่หยงซือเหม่ยที่เคยดีกับเธอราวกับเป็นพี่น้องกันจริงๆยังเกลียดเธอมากขึ้นทุกวัน

ตอนนี้เธอทำได้เพียงพยายามยอมหยงซือเหม่ยเพื่อตัดปัญหา

“ฉันเตือนเธอไว้ก่อนเลยนะ อย่าแม้แต่จะคิดอะไรกับเขา ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”

พอถึงบ้านหยงซือเหม่ยก็พูดทิ้งท้ายกับเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าบ้านโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

หลังจากหยงซือไปแล้ว ลู่จิ้นยวนก็รีบไปตามหาเวินหนิง แต่เธอกลับล็อกประตูจากด้านในห้อง ไม่แม้แต่จะสนใจเขา

สุดท้ายเขาจึงทำได้เพียงโทรฯหาอันหรานเพื่อถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ลู่อันหรานกำลังทำการบ้านอยู่ เฉิ่นหรูเย่ว์ที่ยกผลไม้เข้ามาถามขึ้น: “อันหรานทำการบ้านเหนื่อยมั้ย?”

จะพักกินผลไม้หน่อยมั้ย?

“ไม่ต้อง ไม่เหนื่อย”

ลู่อันหรานตอบกลับอย่างประหยัดถ้อยคำ

เฉิ่นหรูเย่ว์ดูออกว่าเขาไม่ค่อยอยากพูดคุยกับเธอเท่าไหร่ จึงเอาผลไม้วางไว้: “อันหรานมีอะไรที่ทำไม่ได้ถามฉันได้นะ ฉันจะช่วยดูให้”

ลู่อันหรานรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าเบื่อมาก

แล้วก็ยังคอยแอบถามข่าวคราวของพ่อกับแม่เขาอีก เธอคิดอะไรอยู่ใครจะดูไม่ออก

แต่เพราะเย่หวานจิ้งต้องการให้เธออยู่ ลู่อันหรานก็เลยไล่เธอไปไม่ได้ เขาจึงทำได้เพียงต่อต้านเธอแบบนี้

“การบ้านผมไม่ได้ยากเย็นอะไร คุณไม่ต้องกังวล คุณออกไปก่อนดีกว่า”

“เอางี้ฉันช่วยตรวจให้ก่อนดีกว่าว่ามีข้อไหนผิดมั้ย ฉันจำได้ว่าเดี๋ยวนี้ทางโรงเรียนต้องการผู้ปกครองคอยช่วยตรวจการบ้านให้ด้วยนี่ใช่มั้ย?”

เฉิ่นหรูเยว์โดนลู่อันหรานปฏิเสธอยู่หลายครั้ง ถึงจะมีความอดทนแค่ไหนก็ดูจะฝืนยิ้มต่อไปได้ยาก

ที่ผ่านมาเธอก็เจอเด็กมาไม่น้อย โดยส่วนใหญ่แล้วพอเด็กๆเห็นเธอสวยและอ่อนโยนก็จะเชื่อฟังเธอ แต่ลู่อันหรานกลับยากกว่าที่คิด

เธอกะจะตีสนิทแล้วแอบถามถึงความชอบของลู่จิ้นยวน แต่ลู่อันหรานกับทำเป็นฟังไม่เข้าใจ อย่าได้หวังว่าจะตีสนิทเขาได้ แค่ทำให้เขายอมพูดกับเธอยังยากเลย

“แต่คุณไม่ใช่ผู้ปกครองของผม ผมมีพ่อมีแม่ แล้วก็ยังมีคุณย่ากับคุณปู่ไท่อีก ยังไงก็คงไม่ต้องให้คนนอกอย่างคุณมาเป็นกังวลแทนหรอก”

คำว่าคนนอกสองคำทำเอาเฉิ่นหรูเย่ว์ไม่พอใจอย่างกมาก เธอกัดฟันไว้แน่น แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เสียงโทรศัพท์ของลู่อันหรานก็ดังขึ้น

พอเห็นว่าเป็นลู่จิ้นยวนโทรฯมา ลู่อันหรานก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้ววิ่งไปตรงระเบียงทันที

“พ่อ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องโทรฯหาผมเหรอ?”

ลู่อันหรานยังติดใจเรื่องที่ไม่ได้ไปเมืองจิงเฉิงอยู่เลย

ลู่จิ้นยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย ทำไมเขารู้สึกว่าพอเขาไม่อยู่บ้านหน่อย ไอ้ตัวแสบดูจะไม่เกรงใจเขาเท่าไหร่นะ?

ถึงกับกล้าพูดกับเขาแบบนี้?

“อันหราน ตอนนี้มีใครอยู่ใกล้ๆ?”

ลู่จิ้นยวนอยากถามถึงเรื่องที่เวินหนิงพูด เขาอยากรู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่

“พ่อเพิ่งรู้เหรอ?”

“ไม่รู้คุณย่าเป็นอะไร ถึงได้หาเด็กนักศึกษาสาวมาคนหนึ่ง คอยดูแลอาหารการกินและการบ้านให้ผม แล้วยังให้นอนกับผมด้วย……”

แค่คิดว่าต้องนอนกับผู้หญิงแปลกหน้าลู่อันหรานก็รู้สึไม่สบายตัวขึ้นมาทันที

“อะไรนะ?”

ลู่จิ้นยวนเพิ่งจะเข้าใจสิ่งที่เวินหนิงพูด

ด้วยว่าเวินหนิงค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับลู่อันหรานมาก การให้ผู้หญิงที่ไม่รู้ที่มาที่ไปเข้ามาอยู่ใกล้ชิดอันหรานแบบนี้ เธอก็คงจะทำใจได้ยาก

“มีเรื่องแบบนี้ ทำไมไม่รีบบอก”

“ผมอยากบอก แต่หาโอกาสไม่ได้ คุณย่าก็ไม่ให้บอกด้วย”

ลู่อันหรานทำสีหน้าไร้เดียงสา: “ยังไง ที่พ่อโทรฯมานี่เพราะแม่โกรธแล้วไม่รู้จะทำไงใช่มั้ย?”

“เห็นมั้ย เวลาแบบนี้ไม่มีผมไม่ได้เลย”

ตอนแรกลู่จิ้นยวนก็ไม่อยากสนใจอะไรมาก แต่พอคิดดูดีมันก็เป็นเรื่องจริง

คิดไปคิดมาจึงถามขึ้น: “แล้วลูกอยากมามั้ย?”

ลู่อันหรานกำลังรอประโยคนี้เลย: “เหอะๆ พ่อรับปากผมก่อนสิว่าจะไม่ให้ผมไปตามเก็บวิชาที่ตกหล่น ถ้าพ่อรับปากผมก็ไป”

ลู่จิ้นยวนไม่รู้จะตอบอะไร ไอ้ตัวแสบทำเป็นต่อรองเงื่อนไขกับเขา

“ก็ได้ แต่วิชาที่ลูกเรียนพ่อจะเป็นคนสอบเอง ถ้ามีวิชาไหนตกละก้อ อย่างหวังว่าพ่อจะให้ผ่านไปง่ายๆ”

ลู่อันหรานวางสายอย่างอารมณ์ดี

ลู่จิ้นยวนจึงรีบสั่งให้คนไปรับอันหรานและส่งเขามาหา

ทีนี้ ลู่อันหรานก็ไม่ต้องแอบหนีออกไปแล้ว เขาเริ่มเก็บกระเป๋าอย่างเปิดเผยอยู่ในห้อง

อืม…โดรนเอาไปด้วย กล้องถ่ายรูปเอาไปด้วย แล้วก็เครื่องเล่นเกมต่างๆก็ยัดลงไปในกระเป๋าด้วย

เฉิ่นหรูเย่ว์เห็นเขากำลังเก็บกระเป๋า จึงอดไม่ได้ที่ถามขึ้น: “อันหราน นี่เธอกำลังทำอะไร?”

“ผมก็จะไปหาพ่อกับแม่ไง! เออใช่แล้ว ก็คุณบอกว่าการบ้านต้องมีผู้ปกครองตรวจให้ก่อน ผมก็เตรียมไปด้วยนะ เดี๋ยวให้แม่ช่วยดูให้ จะได้ไม่ต้องรบกวนคุณป้าไง”

ประโยนนี้เกือบทำให้เฉิ่นหรูเย่ว์โกรธจนเลือดพุ่ง

ไอ้เด็กแสบ ต้องจงใจทำแบบนี้แน่

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset