เวินหนิงกลับมาที่ห้อง เธอรู้สึกหงุดหงิด
ผ่านไปครู่หนึ่ง ลู่อันหรานก็ยังไม่กลับมา
เวินหนิงรู้สึกว่าเธอไม่ควรจะปล่อยเขาไว้ที่นั่นคนเดียว เมื่อกี้เห็นสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างลู่จิ้นยวนกับเหอจื่ออัน ทำให้เธอรู้สึกจนปัญญา
เธอไม่สนใจที่จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เลยจริง ๆ อีกอย่างภาพเมื่อกี้ทำให้เธอคิดถึงเมื่อก่อน
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ ก็มีคนเคาะประตู เธอเปิดประตูก็เห็นเหอจื่ออันยืนอยู่ที่หน้าประตู
“ฉันก็พักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ ยังไงซะฉันต้องทำตามคำขอร้องของคุณป้า”
เหอจื่ออันเอ่ยปากก็ดึงไป๋หลินยวี่เข้ามา เวินหนิงเม้มปาก แต่ก็พูดอะไรไม่ได้
“ฉันเพิ่งมาถึงที่นี่ ไม่คุ้นเคยสถานที่ ฉันอยากจะออกไปทานข้าว จะขอให้เธอช่วยแนะนำร้านอาหารหน่อย?”
ถึงเวินหนิงจะซื่อบื้อขนาดไหน แต่ก็เข้าใจความหมายของเหอจื่ออัน
เธอเงียบอยู่ครู่หนึ่ง คิดไปคิดมา “จื่ออัน อันที่จริงนายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ งานของนายคงก็คงจะยุ่งมาก อย่าเสียเวลากับฉันที่นี่เลย”
รอยยิ้มของเหอจื่ออันแข็งทื่อ เขามองดูหน้าเวินหนิง ท่าทางจริงจัง “ตอนนี้ ถึงแม้เธอจะไม่ได้คบกับเขาแล้ว ก็ให้โอกาสฉันสักครั้งไม่ได้เหรอ?
ห้าปีมานี้ ตอนแรกเริ่มฉันตามหาเธออย่างบ้าคลั่ง เดนิสรอดชีวิตมาได้ ทำให้ฉันคิดว่าเธอก็สามารถรอดชีวิตได้ แต่ฉันตามหาหมดทุกที่ก็ไม่เจอร่องรอยของเธอ
ภายหลังฉันตายใจแล้ว ความคิดเดียวของฉันก็คือช่วยเธอแก้แค้นตระกูลลู่ แก้แค้นเย่หวานจิ้ง ให้เย่หวานจิ้งชดใช้ความตายของเธอ”
คำพูดของเหอจื่ออัน พูดอย่างเฉยชา นี่เป็นความลับที่เขาไม่เคยพูดกับเวินหนิงมาก่อน
เขาไม่ได้อยากจะขายความเวทนา เพียงแต่หวังว่าเธอจะไม่ปฏิเสธเขาแบบนี้ตลอดไป
“จื่ออัน ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ว่าที่ผ่านมานายใช้ชีวิตแบบนี้…”
เวินหนิงมองดูสีหน้าของเขา รู้สึกปวดใจขึ้นมาในทันที แต่ไม่ใช่เพราะความรักของชายหญิง แต่เพราะความละอายใจในฐานะเพื่อน
ถ้าหากเธอไม่ได้ความจำเสื่อม บางทีอาจจะไม่มีเรื่องมากมายขนาดนี้
เห็นความทุกข์ใจบนใบหน้าของเวินหนิง เหอจื่ออันก็รู้สึกละอายใจ คำพูดของเขาคือเรื่องจริง เพียงแต่เขาแก้แค้นตระกูลลู่ไม่ใช่เพียงเพราะเวินหนิง
และก็เพื่อตัวเขาเอง เพื่อคุณแม่ของเขาที่เสียชีวิตไป
แต่เขาอดกลั้นความคิดที่อยากจะอธิบาย “ฉันพูดพวกนี้ ไม่ใช่ว่าอยากให้เธอทุกข์ใจ ในเมื่อตอนนี้เธอกับลู่จิ้นยวนเลิกกันแล้ว งั้นก็อย่าปฏิเสธความเป็นห่วงของฉัน นอกเสียจากว่าเธอเกลียดฉันจริง ๆ เกลียดแม้กระทั่งเห็นหน้าฉันก็ไม่สบายใจ”
“จื่ออัน…”
แน่นอนว่าเวินหนิงไม่ได้เกลียดเขา เพียงแต่เธอไม่อยากรบกวนเวลาของเขา
เธอคิดว่า เหอจื่ออันควรค่ากับผู้หญิงที่ดีกว่านี้ ผู้หญิงที่เป็นที่หมายปองของเขา
“ฉันเพียงแค่ ไม่อยากให้นายเสียเวลา”
“เวลาเป็นของฉัน จะเสียหรือไม่เสียเวลา ในใจฉันรู้ดี”
เหอจื่ออันแน่วแน่มาก ในเมื่อเธอทำได้เพียงควบคุมตัวเองให้ดี แต่ไม่สามารถควบคุมสิ่งที่คนอื่นคิดได้
“ถ้าหากนายยืนยัน งั้นฉันก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ แต่ว่าบางทีฉันอาจจะไม่ยอมรับความรู้สึกของนายตลอดชีวิตของฉัน ขอโทษด้วยนะ”
เหอจื่ออันได้ยินคำพูดพวกนี้ ดวงตามืดมิด แต่ว่าเขาไม่ได้เคลื่อนสายตาไป “ฉันไม่สนใจ ฉันสามารถรอต่อไปได้”
“ผมคิดว่าไม่จำเป็น”
ลู่จิ้นยวนเดินจูงมือลู่อันหรานเข้ามา
เดิมทีลู่อันหรานยังคงโมโหนิดหน่อย บอกว่าเมื่อกี้คุณแม่ทำไมถึงกลับมาคนเดียว ไม่พาเขากลับมาด้วย
แต่ว่ารอนานแล้วเวินหนิงก็ยังไม่กลับมา เขาจึงรีบกลับมา
แต่เมื่อมาถึงที่นี่ ก็เห็นเหอจื่ออัน
ลู่จิ้นยวนได้ยินเพียงคำสารภาพรักพวกนั้นของเหอจื่ออันเมื่อครู่ ประมาณว่ารอตลอดไป เขาฟังแล้วไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
พูดคำพูดแบบนี้ตรงนี้ ทำเหมือนเขาตายแล้วเหรอ?
“คุณชายเหอก็อย่ายึดติดอยู่กับความรักที่ลึกซึ้งต่อคนที่ตนเองสร้างขึ้นจนถอนตัวออกมาไม่ได้ คนอื่นดูแล้วปวดฟัน”
ลู่จิ้นยวนปากร้ายขึ้นมา คนธรรมดาก็รับไม่ไหวจริง ๆ
เหอจื่ออันสีหน้าเปลี่ยน แต่กลับยิ้มขึ้น
มองดูลู่จิ้นยวนอย่างเหยียดหยาม “ดูเหมือนว่าผมจะทำยังไง ก็ไม่จำเป็นต้องให้คุณชายลู่มาชี้แนะ ดูแลตัวเองให้ดี ค่อนข้างสำคัญกว่า”
หลังจากที่เหอจื่ออันพูดคำพูดพวกนี้จบ เวินหนิงเอ่ยปากขึ้น “จื่ออัน นายจะออกไปทานข้าวไม่ใช่เหรอ?
รีบไปเถอะ”
เหอจื่ออันอดกลั้นความโมโหไว้ แต่เห็นสีหน้าลำบากใจของเวินหนิง เขาก็ไม่ได้ทำให้ลำบากใจอะไรอีก “ตกลง งั้นฉันไปก่อน อันหราน ฉันจะเอาของดีกลับมาฝากนายนะ”
ลู่อันหรานอยากจะพูดว่าตัวเองไม่อยากได้ เขาไม่ชอบของของผู้ชายเจตนาไม่ดีคนนี้หรอก
แต่ว่า เมื่อคิดได้ว่าเวินหนิงบอกให้เขารักษามารยาทกับผู้ชายคนนี้ เขาจึงอดกลั้นไว้
เหอจื่ออันเดินออกไป สีหน้าของลู่จิ้นยวนยังคงเคร่งขรึมมาก
เวินหนิงจะพาลู่อันหรานเข้าห้อง แต่ว่าถูกลู่จิ้นยวนเรียกเธอเเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
เวินหนิงเหลือบมองลู่จิ้นยวน เห็นท่าทางจริงจังมากของเขา เธอจึงพยักหน้า “ตกลง”
เธอหมุนตัวหันไปพูดกำชับกับลู่อันหราน “แม่ออกไปกับพ่อของหนูแป๊บนึงนะ ลูกรออยู่ตรงนี้ดี ๆ อย่าไปไหนมั่ว ๆ เข้าใจไหม?”
ลู่อันหรานพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง มองดูผู้ใหญ่สองคนเดินออกไป
ลู่อันหรานเดินอยู่ด้านหน้า ทั้งสองขึ้นไปบนดาดฟ้า ตรงนี้คือแท่นชมวิวขนาดใหญ่ ตอนนี้ไม่มีคน
“เหอจื่ออันมาที่นี่ก็เพื่อเธอสินะ เธอวางแผนว่าจะทำยังไง?”
ลู่จิ้นยวนไม่พูดไร้สาระ ไม่อ้อมค้อม
เวินหนิงเหลือบมองเขา ถึงแม้จะสามารถอธิบายได้ แต่เมื่อคิดได้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังเดทกับหยงซือเหม่ย จู่ ๆ เธอก็โมโหไม่อยากจะพูด
“เขาอยากจะมา นั่นเป็นเรื่องของเขา ฉันจะวางแผนทำอะไรได้?”
อารมณ์ที่ถูกลู่จิ้นยวนควบคุมไว้ได้ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทันใดนั้นก็เหลือทนเล็กน้อย
ไม่พูดไม่ได้ว่า เวินหนิงรู้จักเขาดีเป็นอย่างมาก…ทุกครั้งเธอสามารถหาจุดที่เขาไม่สบายใจมากที่สุดได้ แล้วย่ำลงไปอย่างแรง
“หรือว่าเธออยากจะหาพ่อเลี้ยงให้อันหรานเร็วขนาดนี้?”
“ลู่จิ้นยวน นายพูดมั่วอะไรหนะ?”
เวินหนิงถลึงตาโต รู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในอดีต เหมือนตอนที่เขาไม่เชื่อว่าลู่อันหรานคือลูกของตัวเอง
มองดูสีหน้าของลู่จิ้นยวน “ถ้าหากฉันกับเหอจื่ออันจะมีความสัมพันธ์อะไรกัน ก็คงมีไปตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้ว ไม่ถึงตาที่จะต้องให้นายมาชี้แนะการกระทำของฉัน”
ไม่ถึงตา ลู่จิ้นยวนสีหน้าเคร่งขรึม
“ดังนั้น ตอนนี้เธอเสียดายแล้ว ได้เห็นความรักล้ำลึกที่เขาเสแสร้งออกมา ก็อยากจะอยู่กับเขาแล้ว?”