เหอจื่ออันที่ยืนอยู่ตรงข้ามเขาก็มีความรู้สึกเดียวกัน
เมื่อได้เห็นลู่จิ้นยวน เขาจะนึกถึงผู้ชายที่ไร้ความสามารถและกลับนำพาความหายนะมาให้คุณแม่ของเขาคนนั้น ผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่เป็นพ่อของเขาทางกายภาพ นอกจากปล่อยให้เขาเกิดมาและฆ่าแม่ของเขา ก็ไม่เคยทำเรื่องถูกต้องอะไรแม้แต่นิดเดียว
เป็นเพราะความรังเกียจเขา แม้กระทั่งนามสกุลของเขาเหอจื่ออันก็ไม่ยินยอมที่จะใช้ แต่กลับใช้นามสกุลของคุณแม่
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณแม่ของลู่จิ้นยวน ผู้หญิงที่จิตใจเหี้ยวโหดที่ทำร้ายคุณแม่ของเขาคนนั้น
ชายคนนี้เป็นจุดรวมความเกลียดของเขาทั้งหมด
“งั้นให้คุณชายเหอดูแลอันหรานคนเดียว คนเป็นพ่ออย่างผม ก็ไม่ไว้วางใจ”
ลู่จิ้นยวนจะไม่มีทางยอมแพ้ จะพูดยังไง เขาถึงจะเป็นพ่อของเด็ก เป็นคนที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุดโดยสายเลือด
เหอจื่ออันถือว่าเป็นใคร?
ทั้งสองมองตากัน จากนั้นก็เคลื่อนสายตาออก
ลู่อันหรานที่ถูกบีบอยู่ระหว่างทั้งสอง จู่ ๆ ก็ถอนหายใจในใจ
“ผมอยากจะกินไอศกรีม ผมจะกินมันฝรั่งทอด ผมจะกินแฮมเบอร์เกอร์”
เห็นลู่จิ้นยวนพูดว่าจะกินอะไร ทั้งสองคนก็ไม่ได้ถลึงตาใส่กันอีก แล้วปล่อยมือเหอจื่ออัน “ตกลง ฉันพานายไป ไม่ไกลจากตรงนี้เหมือนจะมีแมคโดนัลด์อยู่”
ลู่อันหรานมองดูลู่จิ้นยวน
ลู่จิ้นยวนก็เอ่ยปากพูด “งั้นฉันไปด้วย”
เหอจื่ออันก็ไม่ได้สนใจเขา แล้วดึงลู่อันหรานเดินไป
…
เวินหนิงมาตามที่อยู่ที่ซ่งรั่วอวิ้นให้ไว้กับเธอ เมื่อมาถึง ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนรอเธออยู่ข้างนอกตามลำพัง
“คุณคือคุณหนูเวิน เวินหนิงใช่ไหมคะ?”
ซ่งรั่วอวิ้นแวบเดียวก็จำเวินหนิงได้ เมื่อเห็นผู้หญิงตรงหน้า มีความรู้สึกที่ดีต่อเธออย่างอธิบายไม่ถูก
ถึงแม้การแต่งหน้าและการสวมใส่เสื้อผ้าของเธอจะธรรมดามาก แต่ทั้งหมดเข้ากันได้อย่างกลมกลืนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ไม่มีความน่ารำคาญแม้แต่น้อย ทำให้ผู้คนเห็นแล้วรู้สึกสบาย
“ใช่ค่ะ”
ในตอนที่ซ่งรั่วอวิ้นประเมินเวินหนิง เวินหนิงก็กำลังมองเธอ
แตกต่างกับสไตล์แบบนั้นของหยงซือเหม่ย เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ถ่อมตัวไม่น้อย บนตัวไม่มีเสื้อผ้าแบรนด์เนมหรืออะไรที่โอ้อวดเกินจริง ดูเหมือนไม่ยากที่จะเข้ากัน จึงทำให้เวินหนิงโล่งใจ
“คุณรอนานแค่ไหนแล้วคะ?”
“ไม่นานเท่าไหร่ พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
ซ่งรั่วอวิ้นนำทางเวินหนิงเข้าไปในร้านอาหาร ทั้งสองนั่งลง
“แนะนำตัวเองอีกครั้งนะคะ ฉันชื่อซ่งรั่วอวิ้น”
เวินหนิงพยักหน้า แต่ในใจกลับอดสงสัยไม่ได้ ทำไมเธอบอกว่าตัวเองเป็นคนของตระกูลหยง แต่กลับนามสกุลไม่เหมือนกัน
“คุณเป็นกังวลว่าฉันจะเป็นคนที่ไม่รู้จักที่มาที่ไปเหรอคะ?” “ฉันนามสกุลซ่ง เพราะฉันเป็นเด็กกำพร้าที่ครอบครัวหยงรับอุปการะมา”
เวินหนิงมองดูนามบัตร เป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทหยงกรุ๊ปจริง ๆ
“ขอประทานโทษค่ะ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นค่ะ”
เวินหนิงขอโทษ ซ่งรั่วอวิ้นส่ายหน้า บริกรเสิร์ฟกาแฟให้ทั้งสองคน
“คุณหนูซ่งมาหาฉัน มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”
เวินหนิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อดื่มน้ำชายามบ่ายกับเธอ จึงถามอย่างไม่อ้อมค้อม
“ในเมื่อคุณเวินหนิงถามแล้ว งั้นฉันก็ไม่พูดอ้อมค้อมนะคะ ตอนนี้คุณหนูเวินกับคุณชายลู่มีความสัมพันธ์อะไรกันคะ?
ในอนาคตคุณวางแผนจะคืนดีกันไหมคะ?”
เมื่อเวินหนิงได้ฟัง ก็ยักคิ้ว ไม่พูดไม่ได้ว่าคำถามนี้ไม่มีความเกรงใจจริง ๆ
“ฉันสามารถตอบคำถามของคุณได้ แต่ว่าฉันก็มีเรื่องบางเรื่องที่อยากจะถามคุณ เราแลกเปลี่ยนคำตอบซึ่งกันและกัน ว่ายังไงคะ?”
สำหรับตระกูลหยง เวินหนิงยังมีข้อสงสัยมากมายที่ยังไม่มีคำตอบ ดังนั้นจึงคิดวิธีแบบนี้ออกมา
“ได้ค่ะ เพียงแค่ไม่เกี่ยวข้องกับความลับทางธุรกิจของตระกูลหยงก็พอค่ะ”
ซ่งรั่วอวิ้นรับปาก
เวินหนิงสูดหายใจ “หยงเหม่ยซิน เป็นคนยังไงคะ แล้วก็หยงซือเหม่ย เธอเกิดที่ไหน?”
เมื่อพูดถึงชื่อของหยงเหม่ยซิน ซ่งรั่วอวิ้นก็สีหน้าเปลี่ยน คิดไม่ถึงว่าเวินหนิงจะถามถึงเธอ
แต่ว่าหยงเหม่ยซินเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว
ซ่งรั่วเหม่ยก็มาได้ยินเรื่องนี้ภายหลัง หลังจากที่เธอไปคลอดลูกที่เมืองเจียงเฉิง ร่างกายก็ยิ่งอยู่ยิ่งทรุดโทรม แม้กระทั่งไม่สามารถยื้อชีวิตกลับที่เมืองเจียงเฉิงได้ แต่กลับเสียชีวิตระหว่างทาง
หยงซือเหม่ยก็ถูกคุณลุงของเธอพากลับมา
ซ่งรั่วอวิ้นบอกเรื่องราวให้กับเวินหนิง เวินหนิงจึงครุ่งคริดอย่างหนัก
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว หยงซือเหม่ยน่าจะเป็นลูกของเวินฉีโม่กับไป๋หลินยวี่สิ แต่ทำไมกรุ๊ปเลือดของเธอกลับไม่เข้ากันนะ?
“ยังมีคำถามอีกค่ะ กรุ๊ปเลือดของหยงซือเหม่ย ตกลงว่า…”
ซ่งรั่วเหม่ยขมวดคิ้ว เธอรู้สึกว่าคำถามของเวินหนิงแปลกประหลาดมากจริง ๆ
ถ้าหากเห็นหยวซือเหม่ยเป็นศัตรู ถามคำถามเกี่ยวกับคนในครอบครัวของเธอก็ไม่แปลก แต่กลับถามถึงเรื่องกรุ๊ปเลือด จะมีประโยชน์อะไร?
“ฉันไม่ได้เจตนาร้าย เพียงแค่…”
“ไม่เป็นไร ฉันบอกคุณได้ค่ะ เธอเป็นเลือดลบ rh”
เวินหนิงขมวดคิ้ว แต่ว่าในข้อมูล เหมือนว่าไม่ได้เป็นแบบนี้
“นั่นเป็นเพราะกรุ๊ปเลือดนี้มีอยู่น้อยมาก และเธอก็เป็นลูกของลูกสาวที่นายท่านให้ความสนใจมากที่สุด ดังนั้น เพื่อปกป้องไม่ให้เธอถูกคนร้ายจับตา กรุ๊ปเลือดของเธอจึงถูกเปลี่ยน”
เวินหนิงได้ยินแบบนี้ จึงพยักหน้า
“ตอนนี้ คุณควรจะตอบคำถามของฉันแล้ว”
“ฉันกับลู่จิ้นยวนเลิกกันแล้ว น่าจะไม่คืนดีกันแล้วค่ะ”
“ทำไมคะ?”
ซ่งรั่วอวิ้นกลับรู้สึกประหลาดใจมาก ลู่จิ้นยวนผู้ชายที่ดีเลิศขนาดนี้ ดูแล้วก็ดีต่อเธอมาก เธอไม่อยากได้แล้วเหรอ?
“คุณแม่ของเขา ไม่มีทางยอมรับฉัน ฉันก็ไม่มีความสนใจที่จะไปเอาใจเธอ ดังนั้น…”
ซ่งรั่วอวิ้นพยักหน้าอย่างเข้าใจ เรื่องหลาย ๆ เรื่องก็เป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่อยาก แต่มักจะมีเรื่องอื่นมาขัดขวาง ให้เธอทำได้เพียงยอมแพ้
ก็เหมือนกับเธอ คนคนนั้น เธอไม่มีทางเข้าถึงได้ตลอดกาล…
“อันที่จริงถามมาเยอะแยะขนาดนี้ จุดประสงค์ที่ฉันมาที่นี่เกรงว่าคุณน่าจะรู้ดี ซือเหม่ยคือหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลหยง และก็เป็นน้องสาวของฉัน เป็นเพราะว่าตอนเด็กเธอคลอดก่อนกำหนดแล้วต้องเดินทางไกลแล้วถูกส่งกลับไปที่ตระกูลหยง ดังนั้นร่างกายไม่ค่อยดีมาโดยตลอด สำหรับเรื่องที่เธอร้องขอ ไม่ว่ายังไงพวกเราก็จะทำให้เธอพอใจ
และตอนนี้ เธอรักลู่จิ้นยวน ดังนั้นฉันหวังว่าคุณจะสามารถถอยออกไปได้ ช่วยทำให้เขาสมหวัง ถ้าหากคุณยินยอม ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบสนองความต้องการของคุณ”
เมื่อพูดจบ ซ่งรั่วอวิ้นก็หยิบเอกสารออกมาจากในกระเป๋า “ฉันเคยตรวจสอบ คุณแม่ของคุณตอนนี้เป็นโรคชนิดหนึ่งที่หาได้ยาก ต้องปลูกถ่ายไขกระดูก
แต่บังเอิญตรงที่ การสนับสนุนของตระกูลหยงต่อวงการแพทย์ตลอดหลายปีมานี้ ทำให้เส้นสายทางด้านนี้ของพวกเราไม่มีใครเทียบได้ในพื้นที่นี้
ถึงแม้ตระกูลลู่จะเป็นตระกูลที่ใหญ่โต แต่ก็ไม่มีทางเทียบด้านการแพทย์ของพวกเราได้
เพียงแค่คุณยินยอมที่จะจากลู่จิ้นยวนไป ฉันจะให้พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยคุณหาไขกระดูกที่ตรงกับคุณแม่ของคุณ”