เวินหนิงอดนึกถึงลู่จิ้นยวนไม่ได้ บางทีให้เขาออกหน้าช่วยหาอาจจะเร็วกว่านี้
แต่เวินหนิงก็รู้สึกแปลก ๆ ยังไงไม่รู้พอมีเรื่องทีไรก็ไปรบกวนเขาทุกที ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้คนๆนั้น … กลัวว่าตอนนี้น่าจะอยู่กับหยงซือเหม่ยอยู่ เธอต้องยอมรับความเป็นจริงหน่อยสิ อย่าไปรบกวนเขาดีกว่า
แต่เวลาค่อยๆผ่านไป เวินหนิงยิ่งอยู่ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ
ถ้าหากเป็นการเรียกค่าไถ่จริงๆ ตอนนี้ที่ตัวเองกำลังคิดนู่นคิดนี่ จะทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายไปอีกหรือที่
ในขณะที่เธอกำลังวิตกกังวลอยู่ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ สวัสดีครับ คุณเวินหนิงใช่หรือไม่
เราคือเจ้าหน้าที่ของสถานีตำรวจเมืองเจียงเฉิงครับ ตอนนี้ลูกชายของคุณอยู่กับเราที่สถานีครับ ”
เมื่อเธอได้ยินว่าลู่อันหรานอยู่ที่สถานีตำรวจ เวินหนิงตกใจกลัวจนตัวแข็งทื่อไปหมด แทบจะล้มลงไปพื้น ” เขา เขาเป็นอะไรคะ ”
ในสมองของเวินหนิงเต็มไปด้วยเรื่องที่เลวร้ายมากมาย ไม่ใช่มีคนลงมือกับลู่อันหราน ก็คงจะเป็นลู่อันหรานไปก่อเรื่อง ที่สำคัญสามารถเข้าไปถึงในสถานีตำรวจได้ แสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างแน่นอน
” โอ้ ไม่ต้องกังวลครับ ตอนนี้ลูกของคุณสบายดี เพียงแค่ว่าเขาแจ้งว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งทำร้ายร่างกายเด็ก ตอนนี้ถูกพวกเราพามาสอบสวนเพิ่มเต็มครับ ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เวินหนิงค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ” ฉันจะไปเดียวนี่”
หลังจากพูดจบ ก็ทำกันขอบคุณครูที่มาช่วยตามหาด้วยความจริงใจ แล้วรีบตรงไปที่สถานีตำรวจทันที
…
ที่บริษัทตระกูลลู่
หลังจากที่หยงซือเหม่ยออกจากตระกูลลู่ เธอก็รีบตรงมาที่นี่ทันที เพื่อช่วยส่งยามาให้ลู่จิ้นยวน
แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปก็โดนพนักงานห้ามเอาไว้ “คุณผู้หญิงท่านนี้ ไม่ทราบว่าคุณมีนัดหรือเปล่าคะ”
สีหน้าหยงซือเหม่ยหงุดหงิดไม่น้อย เธอเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของตระกูลหยง เธอพบใครไม่เคยต้องนัดหมายมาก่อน
” คุณช่วยโทรหาเจ้านายของคุณ บอกเขาว่าฉันถูกคุณแม่ของเขารบกวนมาส่งยาให้เขา ฉันชื่อหยงซือเหม่ย เขาก็รู้แล้ว ”
หยงซือเหม่ยพูดอย่างไม่สบอารมณ์
แผนกต้อนรับเห็นว่าการแต่งตัวของหยงซือเหม่ยเต็มไปด้วยเสื้อผ้าราคาแพง ยังมีรถที่เธอขับก็เป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นระดับโลกอีกด้วย ไม่น่าจะใช่คนธรรมดาทั่วไป ก็เลยโทรไปแจ้งลู่จิ้นยวน
เมื่อลู่จิ้นยวนได้ยินการมาของเธอ สีหน้าที่มืดมนและหงุดหงิดของเขาก็ดูน่าเกลียดยิ่งขึ้น
ผู้หญิงคนนี้ มาทำอะไรที่นี่อีก
ครั้งที่แล้วเรื่องที่อยู่ในบาร์ เขายังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอ ตอนนี้เธอยังกล้ามาหาเขาที่นี่อีกเหรอ
แถมยังกล้าบอกว่าคุณแม่ให้เธอมา …
หรือว่า คุณแม่ได้เจอเธอแล้ว
ลู่จิ้นยวนไม่มีกะจิตกะใจที่จะไปพัวพันกับเธอจนมากเกินความจำเป็น จึงสั่งให้คนด้านล่างบอกว่าเขาออกไปประชุมข้างนอกทันที
จากนั้น ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วทำการโทรกลับไปที่บ้านคฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลลู่
เย่หวานจิ้งกำลังนั่งดื่มชาที่ห้องรับแขก ในมือของพ่อบ้านถือโทรศัพท์แล้วพูดว่า ” เป็นสายจากคุณชายครับ ”
” คุณแม่ครับ แม่กำลังทำบ้าอะไรอีก ครั้งล่าสุดก็เป็นเฉิ่นหรูเย่ว์ที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน แล้วครั้งนี้ก็มาหยงซือเหม่ยอีกคน แค่คิดเรื่องเหล่านี้ลู่จิ้นยวนก็รู้สึกยิ่งปวดหัวเข้าไปใหญ่
“ จิ้นยวน ทำไมลูกพูดอย่างไงกับแม่ล่ะ
นี่แม่กลัวว่าลูกจะลืมกินยา พอดีว่าคุณหนูของตระกูลหยงมาพอดี ก็เลยรบกวนเธอไปส่งยาให้ลูก ลูกน่าจะขอบคุณเธอถึงจะถูก ”
ขอบคุณอะไร
ลู่จิ้นยวนหลบเธอยังมาไปทัน ในสายตาของลู่จิ้นยวนหยงซือเหม่ยเป็นตัวปัญหาอย่างมาก
“ ผมไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย ต่อไปนี่คุณแม่อย่ามายุ่งเรื่องพวกนี้โดยพละการอีก”
หลังจากที่ลู่จิ้นยวนพูดไปอย่างเต็มประโยค จึงตัดสายไปทันที
เย่หวานจิ้งได้ยินเสียงที่ดัง ตู่ ตู่ จากโทรศัพท์ ก็โมโหไม่น้อย
“ ลูกคนนี้ บ้าไปแล้วจริงๆ คนเขาเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของตระกูลหยงที่ออกจะมีหน้ามีตา ไปส่งยาให้เขายังไม่รับน้ำใจ ”
สีหน้าของเย่หวานจิ้งเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่คิดไปคิดมา ลู่จิ้นยวนหาเธอพูดเรื่องนี้ แสดงว่าหยงซือเหม่ยไปถึงแล้ว และเจอกับหยงซือเหม่ยเข้าแล้วสินะ
แถมระยะเวลาที่หยงซือเหม่ยออกไปจากที่นี่ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แสดงให้เห็นว่าเธอช่วยเวลาอันน้อยนิดก็ไปถึงแล้ว
เย่หวานจิ้งพยักหน้า ดูอย่างงี้ หยงซือเหม่ยคนนี้มีความจริงใจไม่น้อยเลยทีเดียว หากการแต่งงานประสบความสำเร็จ ตามสถานการณ์ตอนนี้ คิดว่าน่าจะเร็วกว่าที่คาดหมายเอาไว้อย่างแน่นอน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้ลู่จิ้นยวนจะไม่ชอบก็ตาม เธอจะช่วยส่งเสริมการแต่งงานของสองคนนี้อย่างแน่นอน
เย่หวานจิ้งแอบคิดเล่นๆในใจ
…
หยงซือเหม่ยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ยินแผนกต้อนรับพูดว่าลู่จิ้นยวนไม่อยู่ เธอได้แต่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เธออยากขึ้นไปแต่ก็โดนคนห้ามเอาไว้
” ต้องขออภัยด้วยค่ะ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากประธานผู้บริหาร คุณเข้าไปไม่ได้ค่ะ ”
รปภ. พูดเป็นเรื่องเป็นราว
” คุณไม่รู้ว่าฉันเป็นใครเหรอ ”
ตั้งแต่เล็กจนโตหยงซือเหม่ยไม่เคยได้ขายหน้าขนาดนี้มาก่อน จึงได้สวมบทบาทคุณหนูใหญ่ขึ้นทันที
“ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ตราบใดที่ท่านประธานไม่อนุญาต ก็เข้าไปไม่ได้ครับ ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยงซือเหม่ยเกือบจะโมโหออกมาแล้ว แต่คิดไปคิดมา ถ้าทะเลาะโวยวายกันที่นี่ขึ้นมาแล้วลู่จิ้นยวนมาเห็นเข้า จะต้องคิดว่าเธอเป็นคนที่ไม่มีเหตุผล ดังนั้นเธอจึงระงับความโกธรนั้นลงไป
“ งั้นฉันรออยู่ที่นี่ น่าจะได้ใช่ไหม”
หยงซือเหม่ยพูดอย่างหงุดหงิด แน่นอนว่าพนักงานไม่อาจไปไล่เธอได้ จึงพาหยงซือเหม่ยไปยังห้องรับรอง
สีหน้าของหยงซือเหม่ยแดงครึ่งหนึ่งขาวครึ่งหนึ่ง ด้วยสัมผัสที่หกของผู้หญิง เธอรู้ว่าลู่จิ้นยวนจะต้องอยู่แน่นอน แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากเจอเธอ จึงได้ใช้ข้ออ้างนี้เพื่อหลอกกีดกั้นเธอ
ยิ่งคิดเรื่องนี้หยงซือเหม่ยก็ยิ่งโกรธมากขึ้น คิดไปคิดมา จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาเหอจื่ออัน
“ เป็นความคิดแย่ ๆ ของคุณ ตอนนี้ลู่จิ้นยวนไม่สนใจฉันแล้ว ”
เหอจื่ออันถูกตำหนิอย่างไม่เข้าใจ สายตาเย็นชา ถ้าไม่ใช่เพราะว่ายังต้องหลอกใช้ผู้หญิงคนนี้ เขาไม่อยากสนใจผู้หญิงที่ไม่มีสมองคนนี้จริงๆ
“ ดูเหมือนว่าตอนที่ฉันเสนอไปตอนนั้นคุณเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ ตอนนี้มาโมโหใส่ฉัน จะเป็นการไม่มีเหตุผลไปหน่อยไหม ”
เหอจื่ออันก็ไม่ได้เอาใจเธอ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเพียงการหลอกใช้กันและกันเท่านั้น เขาไม่จำเป็นต้องให้สีหน้าดีๆต่อผู้หญิงที่เขาไม่ชอบ
“ นายพูดแบบนี้จะให้ฉันทำยังไง
ถ้าเขาเอาแต่หลบฉันอยู่อย่างงี้ ไม่เต็มใจอยู่กับฉัน ก็อย่าหวังเลยว่าแม่ของเวินหนิงจะได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูก ”
เมื่อเหอจื่ออันได้ยินเช่นนี้ ค่อยๆหรี่ตาลง
” ผมมีอยู่วิธีหนึ่ง สามารถทำให้เขารับปากและยินดีที่จะติดต่อกับคุณ และที่สำคัญ ยังสามารถให้เขาพยักหน้าหมั้นกับคุณ แต่ … ”
” แต่อะไร”
เมื่อได้ยินเหอจื่ออันพูดเช่นนี้ หยงซือเหม่ยเต็มไปด้วยความอยากรู้ จึงรีบถามเขา
” คุณไม่สามารถชะลอการปลูกถ่ายไขกระดูกอีก พรุ่งนี้ ให้ผมเห็นคุณก่อนแล้วคุณค่อยไปที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจสุขภาพของคุณ”
หยงซือเหม่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง การปลูกถ่ายไขกระดูกเป็นไพ่สำคัญที่เธอใช้ขู่เวินหนิง แต่แค่สามารถทำให้เวินหนิงท้อถอยเท่านั้น มันยังไม่พอ เพราะตอนนี้ลู่จิ้นยวนยังไม่ยอมรับตัวเอง
หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุดหยงซือเหม่ยกัดฟังตอบตกลง ” ได้ ฉันตกลงเห็นด้วยกับวิธีของคุณ แล้วมันคืออะไร ”
เหอจื่ออันยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แล้วบอกหยงซือเหม่ยถึงแผนของเขา หยงซือเหม่ยขมวดคิ้ว หลังจากฟังแผนของเขาเสร็จแล้วก็พูดว่า ” ได้ ทำตามที่คุณพูด”