คำพูดของผู้ชายคนนี้ ไม่ไว้หน้าเลยสักนิด
รอยยิ้มหยงซือเหม่ยตึงอยู่บนหน้า จากนั้นก็รีบสงบสติ “ฉันก็แค่ อยากพนันกับคุณชายลู่ ไม่รู้ว่าคุณจะยอมพนันด้วยหรือเปล่า”
ลู่จิ้นยวนเลิกคิ้ว ผู้หญิงคนนี้เตรียมตัวมาดีสินะ เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธออยากทำอะไร
“พนันอะไร?”
“ฉันพนันกับคุณ เวินหนิงจะไม่กลับมาหาคุณอีก”
พอได้ยินชื่อเวินหนิง คิ้วลู่จิ้นยวนก็กระตุก มองหยงซือเหม่ยด้วยสายตาแหลมคม เหมือนจะมองทะลุใจเธออย่างงั้น
“ฉันรู้ค่ะ คุณชายลู่กับเวินหนิงเคยมีความรู้สึกต่อกัน แล้วยังมีลูกด้วย แต่ว่า คุณแน่ใจเหรอคะว่าเธอเคยรักคุณจริงๆ?”
คำพูดของหยงซือเหม่ย ทำให้ใจลู่จิ้นยวนตกลงไปที่ตาตุ่ม
ถึงแม้จะดูไม่ออก แต่ใจเขาว้าวุ่นจริงๆ
ใช่ เขาสงสัยคำถามนี้เหมือนกัน
ตอนนี้เวินหนิง คิดยังไงกับเขากันแน่?
การกระทำต่างๆของเธอ ทำให้ลู่จิ้นยวนไม่รู้ว่าในใจเธอมีเขาหรือเปล่า ให้เขาปล่อยมือครั้งแล้วครั้งเล่า ปล่อยให้เธอไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุข……
เห็นว่าลู่จิ้นยวนไม่ได้เถียงตัวเองทันที หยงซือเหม่ยก็รู้สึกดีใจ “เพราะฉะนั้น คุณอยากลองดูหรือเปล่าล่ะ? ฉันพนันกับคุณครึ่งเดือน ขอแค่เธอเป็นฝ่ายมาหาคุณก่อน ฉันก็จะถอนตัวทันที นอกจากนั้น การร่วมธุรกิจของสองตระกูลยังเหมือนเดิม ฉันไม่ให้คุณตาไปขัดแน่นอน”
ลู่จิ้นยวนหรี่ตามองหยงซือเหม่ย “ฟังแล้วไม่เลวเลย แต่ เหมือนแผนนี้ คุณไม่ได้ประโยชน์อะไร?”
ลู่จิ้นยวนไม่เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะใจกว้างขนาดนั้น มาช่วยเขาลองใจเวินหนิง
“แน่นอนค่ะ ฉันก็มีสิ่งที่ต้องการ……ฉันต้องการคุณ คุณชายลู่ ถ้าภายในครึ่งเดือน เวินหนิงไม่ทำอะไรเลย คุณก็ต้องหมั้นกับฉัน”
พอลู่จิ้นยวนได้ยินก็หัวเราะในลำคอ นี่สินะจุดประสงค์ที่แท้จริงของเธอ?
“ขอโทษนะครับ ผมไม่สนใจการพนันน่าเบื่อแบบนี้ ไม่มีอารมณ์”
ลู่จิ้นยวนลุกขึ้นอย่างไม่ต้องคิดเลย “ถ้าคุณหนูหยงไม่มีธุระอะไรแล้ว งั้นผมไปก่อนนะครับ พอดียังมีประชุมต่อ”
พูดจบ ลู่จิ้นยวนก็หันหลังเดินไป
“คุณชายลู่ไม่ต้องรีบปฏิเสธก็ได้ค่ะ ฉันจะรอคำตอบของคุณ”
หยงซือเหม่ยเห็นว่าเรื่องไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เธอไม่โมโห แต่กลับเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง
ท่าทางของเธอแบบนี้ ทำให้ลู่จิ้นยวนยิ่งระวังมากกว่าเดิม
ด้วยช่วงเวลาก่อนที่รู้จักผู้หญิงคนนี้ ลู่จิ้นยวนไม่คิดว่าสมองอย่างเธอจะคิดแผนอะไรแบบนี้ได้
เพราะฉะนั้น……เบื้องหลังเธอ เป็นใครกันแน่?
ขณะคิด ลูกน้องก็เดินมาหา “บอสครับ เรื่องที่คุณให้สืบ ลู่จิ้นยวนพยักหน้า ทั้งสองเดินไปที่ห้องทำงานเปล่า “ช่วงนี้หยงซือเหม่ยติดต่อกับเบอร์หนึ่งบ่อยๆครับ แต่ว่า คนคนนั้นฉลาดมาก ใช้เบอร์ที่ลงทะเบียนเถื่อน ก็เลยสืบหาตัวไม่เจอครับ”
พอลู่จิ้นยวนได้ยิน สายตาก็เยือกเย็นมาก
“ไปสืบต่อ แต่ต้องระวัง อย่าทำให้เขารู้ตัว”
คนคนนั้นพยักหน้า จากนั้นก็ไปจากที่นี่เงียบๆ
ลู่จิ้นยวนใช้นิ้วเคาะโต๊ะ สายตามองออกไปนอกหน้าต่าง
ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร กล้าเล่นกับเขา เขาต้องชดใช้แน่!
……
หลังจากหยงซือเหม่ยออกจากบริษัทตระกูลลู่ เธอก็ไปหาซ่งรั่วอวิ้นที่โรงแรม
เพราะเมื่อวานเวินหนิงเตือนเธอ บอกว่าให้เธอไปตรวจสุขภาพอีกครั้ง แน่ใจอีกทีว่าสามารถบริจาคไขสันหลังได้
ตอนนี้ลู่จิ้นยวนยังหลงผู้หญิงคนนั้น หยงซือเหม่ยเลยแตกหักกับเธอไม่ได้ ต้องรักษาผลประโยชน์เอาไว้
หยงซือเหม่ยไปถึงโรงแรม ก็เห็นว่าซ่งรั่วอวิ้นนั่งอยู่ในร้านกาแฟโรงแรม มือเคาะแป้นพิมพ์ กำลังตั้งใจทำงานอยู่
ข้างๆมีผู้ชายหลายคน เหมือนจะถูกหน้าตาของเธอดึงดูด เลยเอาแต่หันมามอง
“เหอะเหอะ ตอแหลเก่งจริงๆ”
หยงซือเหม่ยยิ้มอย่างไม่แยแส เดินไปหา ยื่นมือไปปิดโน้ตบุ๊คของซ่งรั่วอวิ้นทันที
ซ่งรั่วอวิ้นขมวดคิ้ว เธอกำลังทำแผนงานไตรมาสหน้าของบริษัทอยู่ ถูกขัดแบบนี้ เลยรู้สึกไม่สบอารมณ์
“ไม่ต้องขยันขนาดนั้นก็ได้ ตอนนี้มีแค่ฉันกับเธอ ไม่มีใครเห็นหรอก”
พอหยงซือเหม่ยเอ่ยปากพูด ก็พูดแขวะทันที
พอซ่งรั่วอวิ้นได้ยิน ก็ยิ้มอ่อน “ฉันก็แค่ชินกับการทำงาน พอว่างแบบนี้ เลยรู้สึกเบื่อ”
“งั้นไปโรงพยาบาลกับฉัน มันเรียกร้องให้ตรวจร่างกาย อาจจะใช้เร็วๆนี้”
พอได้ยินแบบนี้ สีหน้าซ่งรั่วอวิ้นก็ตึง ความจริงเธอรอคอยวันนั้นมาโดยตลอด เพราะเธอแอบไปสอบถามแล้ว ไขสันหลังของคนแปลกหน้าจะเข้ากันได้ ความเป็นไปได้มีแค่หนึ่งในแสน
แล้วเธอก็โตมาในสถานรับเลี้ยงเด็ก เพราะฉะนั้นเลยอยากรู้มาก ผู้หญิงที่ป่วยคนนั้นเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเธอ หรือแค่ความบังเอิญกันแน่
“ได้ ฉันจะเก็บของเดี๋ยวนี้ เราไปกันเลย”
เธอก็อยากรู้เรื่องตัวเองเหมือนกัน ซ่งรั่วอวิ้นเลยรีบเก็บโน้ตบุ๊คกลับห้อง จากนั้นก็ตามหยงซือเหม่ยไปโรงพยาบาล
กลัวจะโป๊ะแตก หยงซือเหม่ยเลยพาซ่งรั่วอวิ้นไปโรงพยาบาลอื่น
ซ่งรั่วอวิ้นไปตรวจเลือด ตรวจร่างกายต่างๆ พอเดินออกมาเลยเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ซือเหม่ย คนป่วยคนนั้น ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลนี้เหรอ?”
“เธอจะถามทำไม?”
หยงซือเหม่ยรู้สึกระแวงทันที
กับซ่งรั่วอวิ้น เธอไม่ชอบตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน ผลการเรียนของเธอจะดีกว่าตัวเองตลอด ดึงดูดผู้ชายได้มากกว่าเธอ แม้แต่คุณตายังชมว่าเธอเก่งกว่าตัวเอง
บวกกับญาติๆชอบพูดว่าซ่งรั่วอวิ้นอยากได้มรดก อาจจะแย่งที่เธอ นี่เลยทำใ้ห้หยงซือเหม่ยระแวงเธอมากกว่าเดิม
“ฉันแค่……”
“ไม่ใช่ว่าเธออยากไปหาแม่ของเวินหนิงหรอกมั้ง จากนั้นก็บอกว่าไขสันหลังเป็นของเธอ แล้วมาทำลายแผนของฉัน!”
“ฉันเปล่านะ!”
พอโดนใส่ร้ายแบบนี้ หยงซือเหม่ยก็ร้อนรนมาก เลยรีบอธิบาย “ฉันก็แค่อยากรู้ ว่าเขาเป็นแม่ที่พลัดพรากจากฉันหรือเปล่า ฉัน……”
“แกก็แค่เด็กที่ไม่มีใครเอา เขาเป็นแม่แก? จะบังเอิญขนาดนั้นได้ยังไง ฉันเตือนแกไว้เลย เรื่องครั้งนี้ มันสำคัญกับชีวิตฉันมาก แกอย่าคิดหาข้ออ้างมาเรียกร้องความสงสาร มาทำอะไรลับหลังฉัน ฉันไม่บอกแกหรอกว่าเขาอยู่ไหน แกรอให้ถึงวันบริจาคไขสันหลังก็พอ”
พอพูดจบ คุณหมอก็เดินออกมาพอดี บอกกับทั้งสองว่าผลตรวจจะออกตอนบ่าย พอหยงซือเหม่ยได้ยิน ก็ไม่มีอารมณ์มารอ “ตอนบ่ายแกไปเอาผลตรวจเอง ฉันมีธุระไปก่อนละกัน”