พ่อบ้านพลันกล่าวออกมาว่า “นี่เป็นคำสั่งของนายท่านขอรับ คุณหนูรองอย่าได้ถามอีกเลย ตอนนี้นายท่านกำลังโมโหเป็นอย่างมาก คุณหนูรองเชิญคุกเข่าก่อนเถอะขอรับ”
ฉู่หมิงหยางรู้ถึงอำนาจของท่านปู่เป็นอย่างดี จึงไม่กล้าไม่คุกเข่าลงไป หากแต่เมื่อคุกเข่าลงไปแล้ว นางก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี. ฉู่หมิงหยางจึงกล่าวถามขึ้นมาอีกว่า “พ่อบ้าน ท่านบอกกับข้าได้หรือไม่ว่า เป็นเพราะข้าทำผิดอันใดกัน ?”
พ่อบ้านพลางถอนหายใจออกมา “ซีมามาเดินทางมาที่จวนขอรับ คุณหนูรองท่านไปรบกวนพระชายาฉู่อ๋องทำไมกัน ?”
ฉู่หมิงหยางได้ยินดังนั้น พลันรีบลุกจากพื้นขึ้นมาในทันที พร้อมกล่าวว่า “ข้าจะเข้าพบท่านตา ข้ามีเรื่องจะต้องอธิบาย”
พ่อบ้านพลันเอ่ยออกมาด้วยความยากลำบาก “คุณหนูรอง ท่านนั่งคุกเข่าเถิดขอรับ”
“ข้าต้องการพบท่านตา ข้ามีเรื่องจะต้องอธิบายให้ท่านตาได้ฟังก่อน ” เพียงแค่คำพูดของสาวใช้ชรา เหตุใดท่านตาถึงต้องลงโทษนางกัน ? นี่มันมีเหตุผลหรือไม่ ?
ถ้วยชาใบหนึ่งพลันลอยออกมาในทันใด พร้อมทั้งแตกกระจายลงบนพื้น เศษแก้วที่แตกพวนั้น พลางกระเด็นเข้ามาใส่ทั่วร่างของฉู่หมิงหยางไปในทันที ฉู่หมิงหยางจึงเดินถอยหลังไปสองก้าว พร้อมนั่งคุกเข่าลงเช่นเดิม
พ่อบ้านพลันถอนหายใจออกมา พร้อมกล่าวว่า “คุณหนูรอง อย่างไรท่านก็คุกเข่าก่อนเถอะ เมื่อนายท่านให้ท่านเข้าพบแล้ว ท่านถึงจะสามารถอธิบายทุกอย่างได้ ”
ฉู่หมิงหยางไม่อยากจะก้มหัวยอมรับเช่นนี้ ทว่านางก็ไม่กล้าที่จะขัดขืนคำสั่ง
ไม่นานนักบิดามารดาของฉู่หมิงหยางจึงถูกเรียกให้เข้าไป เมื่อเข้าไปในห้องได้ครู่หนึ่ง ถึงเดินออกมา เมื่อสองสามีภรรยามองไปที่บุตรสาวที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น จึงได้แต่ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแล้วจึงเดินจากไป
เมื่อผ่านไปได้ราวๆหนึ่งก้านธูป จึงเห็นท่านรองเจ้ากรมพิธีการเดินเข้ามา พร้อมทั้งเดินเข้าไปพูดคุยด้านในอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม
ฉู่หมิงหยางนั่งคุกเข่าเสียจนเริ่มรับรู้ถึงความเจ็บปวดแล้ว จึงค่อยๆนั่งเขยิบตัวไปด้านหลัง ภายในใจพลันครุ่นคิดว่าเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้นกันแน่
ฉู่หมิงฉุ่ยจึงเดินเข้ามาในตัวเรือน พร้อมทั้งมองไปยังฉู่หมิงหยางที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น นางจึงขมวดคิ้วขึ้น “ข้าบอกเจ้าแล้ว เจ้าไม่ฟังคำของข้าเอง” ฉู่หมิงยางยังไม่ค่อยเข้าใจนัก จึงเอ่ยถามว่า “ซีมามาข้ารับใช้ชราผู้นั้นมาที่นี่ ท่านตาก็ลงโทษข้าเสียแล้ว เหตุใดท่านตาถึงต้องฟังคำพูดนางกัน ?”
ฉู่หมิงหยางจึงกล่าวว่า “น้องรองเจ้ามักจะฉลาดกว่าข้าเสมอ ย่อมต้องเข้าใจว่า มีบางเรื่องที่เราไม่สามารถพูดออกมาได้ ข้าที่ทั้งโกรธเกลียดหยวนชิงหลิงมากกว่าเจ้านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าซีมามา ข้ายังต้องยอมยับนั้งชั่งใจเอาไว้ ไม่สามารถจะไปแตะต้องนางได้”
ฉู่หมิงหยางพลันเอ่ยขึ้นมาด้วยความเย็นชา “แตะต้องนางไม่ได้? ถ้าข้าแต่งเข้าไปเป็นพระชายารองฉู่อ่องเล่า ยังต้องเห็นแก่หน้านางอีกหรือ?”
ฉู่หมิงฉุ่ยพลันมองไปที่ฉู่หมิงหยาง ท่านตาตัดสินใจแล้วว่าจะให้เจ้าแต่งให้จี้อ๋อง เมื่อครู่ท่านตาก็เรียกทั้งท่านพ่อท่านแม่ไปพูดคุยถึงเรื่องนี้แล้ว”
“จี้อ๋อง ?” ฉู่หมิงหยางหัวใจพลันเต้นรัวื พร้อมพูดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “ข้าไม่ยอม !”
ฉู่หมิงฉุ่ยพลันกดบ่าของฉู่หมิงหยางให้นั่งคุกเข่าลงเช่นเดิม พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เจ้าอย่าได้ไปทำให้ท่านตากรุ่นโกรธมากกว่าเดิม. ข้าจะบอกกับเจ้าให้ ที่ท่านยายสูญเสียน้ำเสียงไปเช่นนี้ ก็เพราะว่านางพูดผิดไปหนึ่งประโยค ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาถึงได้กลายมาเป็นเช่นนี้ หากไปยั่วโมโหให้ท่านตาละก็ หากท่านตายกเจ้าแต่งไปให้พวกค้าทาส เมื่อนั้นเจ้าจะเป็นผู้มานั่งร้องให้ทีหลังเสียเอง”
ฉู่หมิงหยางพลันส่ายหน้าไปมา ด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด พร้อมมองไปที่ฉู่หมิงฉุ่ยด้วยความหวาดกลัว “ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ”
ฉู่หมิงฉุ่ยจึงกดเสียงลงด้วยความแผ่วเบาพร้อมถามว่า “เจ้ายังจำครั้งที่ข้ากลับมาที่บ้านได้หรือไม่ เรื่องที่ท่านตาจะให้เจ้าแต่งให้ฉู่อ๋องเรื่องนั้น? เจ้ากล่าวว่าเจ้ารู้จักความคิดของข้าดี หากแต่ข้าเพียงส่งสัยว่าท่านตาคิดอะไรกันแน่? ฉีอ๋องเป็นหลานสายนอกของท่านตา ท่านตาอย่างไรย่อมประคองเขาขึ้นเป็นองค์รัชทายาทอย่างแน่นอน หากว่าฉีอ๋องไร้ประโยคแล้ว เจ้าก็เห็นอยู่ว่าฉีอ๋องเป็นเช่นไร หากเมื่อใดที่ท่านตาคิดว่าไม่สามารถคอยพยุงฉีอ๋องขึ้นเป็นองค์รัชทายาทได้แล้ว เจ้าคิดว่าเขาจะเลือกผู้ใดกัน ?”
“ใคร ? ” ฉู่หมิงหยางกล่าวถามขึ้นมาด้วยความไม่แน่ใจนัก
“จี้อ๋อง !” ฉู่หมิงฉุ่ยเอ่ยขึ้นมาด้วยความเศร้าใจ “น่าขันที่ข้าเดิมพันผิดไป คิดว่าตนเองเป็นบุตรของชายาเอก เพียงแค่ท่านตาค่อยพยุงให้เขานั้น ก็จะสามารถนั่งอยู่บนตำแหน่งองค์รัชทายาทได้อย่างมั่นคง น่าเสียดาย! เขาเป็นเพียงแค่คนไร้ประโยชน์เท่านั้น ในเมื่อยามนี้จี้อ๋องกลับเข้ามาในพระราชสำนักนั้น องค์จักรพรรดิ์มอบเสื้อคลุมสีเหลืองให้เขา ดูเหมือนว่าจะเป็นของสำคัญเป็นอย่างมาก จี้อ๋องเป็นบุตรคนโต พระชายาเอกของจี้อ๋องก็ยังป่วยนอนติดเตียงอีก หากเจ้าแต่งออกไปแล้ว เกรงว่าคงจะมิต้องรอตำแหน่งพระชายาเอกนานนัก”
ฉู่หมิงหยางจึงค่อยๆได้สติขึ้นมา “งั้นฉู่อ๋องเล่า? ท่านตามิใช่ชื่นชมฉู่อ๋องหรอกหรือ ?”
ฉู่หมิงฉุ่ยจึงอธิบายขึ้นมาว่า “มารดาของฉู่อ๋องพระสนมเซียนและไท่เฮาล้วนแต่เป็นคนตระกูลซู ทั้งท่านตาและตระกูลซูล้วนแต่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาทั้งชีวิต เจ้าคิดว่าท่านตาจะยกฉู่อ๋องและตระกูลซูขึ้นมายิ่งใหญ่กว่าตระกูลเราหรือ ?”
“ดังนั้น” ฉู่หมิงหยางจับจ้องไปที่ฉู่หมิงฉุ่ย “เจ้ามองทุกอย่างออกตั้งแต่แรกแล้วหรือ จึงได้ช่วยเหลือจิ้งโหวและหยวนชิงหลิงจับฉู่อ๋องที่จวนขององค์หญิง? ฉู่หมิงฉุ่ยจึงกล่าวว่า “อย่างน้อย. ข้าก็คิดว่า การเดินทางของข้าในครั้งนี้มิได้เดินผิดไป หากข้าแต่งให้ฉู่อ๋องแล้ว จี้อ๋องย่อมได้เปรียบขึ้นมา และเขาก็จะไม่สามารถลงมือต่อฉู่อ๋องได้ง่ายดายนัก”
“หากแต่ข้าไม่เข้าใจ. เหตุใดท่านตาถึงไม่รีบเสียหน่อยเล่า ? เหตุใดต้องเลือกสนับสนุนจี้อ๋องและทิ้งฉีอ๋องของพี่ไปด้วยเล่า ? ฉู่หมิงหยางพลันรู้สึกเข้าใจเรื่องทุกอย่างบ้างแล้ว หากแต่มีเพียงจุดนี้เท่านั้น ที่เข้าใจไม่กระจ่างเท่าฉู่หมิงฉุ่ย”
ฉู่หมิงฉุ่ยพลันถอนหายใจออกมา “ในยามนี้จี้อ๋องเป็นหนึ่งในชินอ๋องทั้งหลายแล้ว ย่อมมีโอกาสมากว่าผู้ใด หากว่ากันไปตามเนื้อผ้าแล้ว เป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือการปกป้องหลานสายนอกอย่างฉีอ๋อง. ด้วยความสนับสนุนอันชอบธรรมนี้ หากวันใดที่จี้อ๋องได้เป็นใหญ่ขึ้นมา เขาย่อมฆ่าทุกคนที่อยู่โดยรอบ เมื่อนั้นท่านตาก็ยังพอจะสามารถพูดไว้ชีวิตให้จี้อ๋องอยู่ได้สักสองคำ นี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้า หากมิใช่ก็คงใกล้เคียง”
ฉู่หมิงหยางจึงค่อยๆซึมซับข้อมูลพวกนี้เข้ามา พร้อมทั้งเงียบครุ่นคิดกับตนเองอยู่ครู่หนึ่ง “เช่นนั้น หากข้าแต่งให้จี้อ๋องเป็นพระชายารองแล้ว ท้ายที่สุดย่อมมีโอกาสขึ้นเป็นฮองเฮา?”
“โอกาสย่อมมากเลยทีเดียว !” ฉู่หมิงฉุ่ยกล่าวออกมา
ฉู่หมิงหยางถึงกับพูดไม่ออก พร้อมทั้งค่อยๆพิจารณาในคำพูดของฉู่หมิงฉุ่ย ผ่านไปครู่หนึ่ง พ่อบ้านจึงได้เดินออกมาจามให้ฉู่หมิงหยางเข้าไปในเรือน
ฉู่หมิงหยางนั่งคุกเข่าจนขาทั้งสองข้างเป็นเหน็บชาไปหมดแล้ว จึงเป็นฉู่หมิงฉุ่ยที่เดินพยุงนางพาเข้ามาในตัวเรือน
เมื่อนางเดินเข้ามาในตัวเรือนนั้น พลันถูกให้นั่งคุกเข่าดังเดิม ” หลานผิดไปแล้วเจ้าค่ะ เชิญท่านตาลงโทษได้เลย”
สีหน้าของฉู่โสวฝู่มิได้แสดงอารมณ์อันใดออกมา แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “ผู้ใดเป็นคนบอกกันว่าเจ้าจะได้แต่งให้เป็นพระชายารองของฉู่อ๋อง?”
ฉู่หมิงฉุ่ยพลันโค้งคำนับลง พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ตอบท่านตา เป็นหลานที่บอกกล่าวกับน้องรองเองเจ้าค่ะ”
“เจ้าไปเอาข่าวมาจากที่ใดกัน ?” ฉู่โสวฝู่จ้องมองไปที่ฉู่หมิงฉุ่ยด้วยแววตาวาวโรจน์ จับจ้องเสียฉู่หมิงฉุ่ยรู้สึกหนาวสั่นด้วยความกลัว
ฉู่หมิงฉุ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง เรื่องนี้ ท่านตามิใช่ไปพูดคุยกับท่านพ่อท่านแม่ด้วยตนเองหรอกหรือ ? ท่านแม่จึงได้ส่งข่าวมาแจ้งแก่นาง
“นี่ ท่านแม่เป็นคนบอกเจ้าค่ะ ท่านแม่กล่าวว่าท่านตาเป็นคนถามนาง” ฉู่หมิงฉุ่ยจึงได้แต่กัดฟันตอบกลับไป
ฉู่โสวฝู่เผยรอยยิ้มอย่างเย็นชาออกมา “เช่นนั้น พวกเจ้าก็เลยคิดว่าเรื่องที่ข้าถามไป จะเป็นไปได้งั้นหรือ? ผู้ใดปลูกฝั่งนิสัยความอวดดีของพวกเจ้ากัน? ใครเป็นคนสอนให้พวกเจ้าหยิ่งพยองเช่นนี้ ? ใครบอกพวกเจ้ากันว่าตระกูลฉู่สามารถสั่งการพระราชประสงค์ของฝ่าบาทได้? และใครกันที่ให้ความกล้ากับพวกเจ้าไปยั่วโมโหพระชายาฉู่อ๋อง?”
ฉู่หมิงหยางอดมิได้ที่จะโต้แย้งขึ้นมา “ท่านตา หลานมิได้ไปยั่วโมโหนางเลยเจ้าค่ะ เป็นนางที่กรุ่นเกลียดพวกข้าเอง”
ฉู่โสวฝู่จ้องมองไปที่ฉู่หมิงหยาง พร้อมค่อยๆเอ่ยออกมาด้วยความเย็นชา “หากว่าพระชายาฉู่อ๋องแท้งบุตรหรือครรภ์ของนางเกิดปัญหาอันใดขึ้นมา ข้าจะเอาชีวิตของเจ้าไปจ่ายแทน!”
อวี่เหวินฮ่าวเมื่อรู้ว่าวันนี้หยวนชิงหลิงถูกฉู่หมิงหยางยั่วโมโหจนกระทบกับครรภ์ของนางนั้น จึงตกอกตกใจพร้อมทั้งแผ่ความกรุ่นโกรธไปทั่วทุกที่
ท้ายที่สุด ทางสำนักหมอหลวงจึงวินิจฉัยออกมาว่า ครรภ์ของพระชายายังมีความมั่นคงอยู่ ขอให้นางบำรุงและดูแลครรภ์เช่นเดิมต่อไป รอจนกว่าจะตั้งครรภ์ครบสามเดือนนั้น ท่านอ๋องก็มิจำเป็นต้องใช้สาวใช้ทั้งห้าของไทเฮาแล้ว อีกทั้งยังให้ระมัดระวังในการลิ้มลองต่างๆ
ในยามนี้ที่ท้องของนางพลันร้องขึ้นมาอีกครั้ง เกรงว่าครรภ์สามเดือนนั้น คงได้แต่ดูแต่แตะต้องไม่ได้กระมัง ในฐานะชายหนุ่มที่เลือดร้อนและแข็งแรงนั้น เขาอดไม้ได้ที่จะไปยังตระกูลฉู่ เพื่อจัดการให้ฉู่หมิงหยางโดนม้าห้าตัวยากร่างออกมาเลยทีเดียว
หากแต่ ท่านอ๋องมิจำเป็นต้องไปถึงจวนตระกูลฉู่ พลันได้ยินทังหยางวิ่งโล่เข้ามาแจ้งว่า “ท่านอ๋อง พระชายาพะยะค่ะ ฉู่โสวฝู่พาคุณหนูรองตระกูลฉู่มารับโทษแล้วพะยะค่ะ”
อวี่เหวินฮ่าวและหยวนชิงหลิงพลันสบตากันไปครู่หนึ่ง พร้อมทั้งความรู้สึกไม่เชื่อขึ้นมาเล็กน้อย