ลู่จิ้นยวนได้ยินแล้วไม่มีอารมณ์จะตอบเลย
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคุณแม่ต้องเอ็นดูหยงซือเหม่ยขนาดนั้น หรือว่าท่านมองไม่ออกว่านิสัยผู้หญิงคนนี้เอาแต่ใจแค่ไหน?
หรือว่า เพราะผลประโยชน์ที่ตระกูลหยงนำมาหา ทั้งหมดนี้เลยไม่สำคัญ
ลู่จิ้นยวนยิ้มมุมปากอย่างเสียดสี
“ในเมื่ออย่างนี้ แม่ครับ ครั้งหน้าก็หาคนใช้ที่บ้านมาก็พอ อย่ารบกวนคนอื่นเลยครับ”
สีหน้าเย่หว่านจิ้งเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด แล้วเหลือบมองสีหน้าหยงซือเหม่ย เพราะลู่จิ้นยวนเอาเธอไปเทียบกับคนใช้ ทำร้ายศักดิ์ศรีเธอมาก
“เด็กคนนี้นี่!”
เย่หว่านจิ้งมองลู่จิ้นยวนตาขวาง แล้วกุมมือหยงซือเหม่ย “ซือเหม่ย เขาก็เป็นแบบนี้แหละ ไอคิวสูงแต่อีคิวต่ำ อย่าใส่ใจเขาเลย ไปเถอะ เดี๋ยวน้าพาเราไปกินของอร่อยๆ”
พูดจบ ก็คล้องแขนหยงซือเหม่ยออกไปอย่างสนิทสนม
ลู่จิ้นยวนเห็นว่าผู้หญิงทั้งสองคนออกไป จึงถอนหายใจยาว
ไปสักที เขาหมดความอดทนกับพวกเธอแล้ว
……
เวินหนิงนอนหลับไปอีกสองสามชั่วโมง ตอนที่ตื่น ก็ประมาณเก้าโมงแล้ว
เธอขยับร่างกาย รู้สึกว่าหมดเรี่ยวหมดแรงมาก พยายามยันตัวขึ้นนั่ง
เวินหนิงเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ พอมองเห็นใบหน้าที่ซีดขาวของตัวเองในกระจก เลยอดส่ายหน้าไม่ได้
ถ้าคุณแม่มาเห็น ต้องมองอะไรออกแน่นอน แล้วก็จะเป็นห่วงด้วย
ทำอะไรไม่ได้ เวินหนิงจึงหยิบลิปสติกมาทากลบริมฝีปากที่ซีดขาว จากนั้นก็แตะๆที่แก้ม ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาสักที
เวินหนิงเดินออกไป อยากจะไปหาไป๋หลินยวี่ แต่ยังไม่ทันได้เข้าห้อง ก็ได้ยินเสียงลู่อันหรานแล้ว
“ออกไป เธอเป็นพวกเดียวกับหยงซือเหม่ย ออกห่างจากคุณยายฉันนะ!”
ลู่อันหรานตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว เห็นว่าเวินหนิงยังไม่ตื่น รู้ว่าเธอเหนื่อยมาก เลยไม่ได้รบกวนเธอ
แต่กลับไปดูไป๋หลินยวี่แทน ถึงแม้เขาจะทำอะไรไม่ค่อยได้ แต่อย่างน้อยก็คุยแก้เบื่อกับคุณยายได้
แต่ว่า คิดไม่ถึงเลยว่าซ่งรั่วอวิ้นจะมา
ลู่อันหรานความจำดีอยู่แล้ว นึกขึ้นได้ว่าซ่งรั่วอวิ้นเป็นพวกเดียวกันกับหยงซือเหม่ย ผู้หญิงคนนั้นกล้าวางยา ไม่แน่ผู้หญิงคนนี้อาจจะมีทำร้ายคุณยายก็ได้
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าตั้งแต่เด็กเขาจะได้รับการสั่งสอนมารยาทอะไรมา แต่ตอนนี้ก็ไล่ซ่งรั่วอวิ้นออกไป
เสียเปรียบมาครั้งหนึ่งแล้ว เขาไม่อยากตกหลุมเดิมอีกครั้งหรอก
ซ่งรั่วอวิ้นทำอะไรไม่ได้ ช่วงนี้เธอมาเยี่ยมไป๋หลินยวี่บ่อยจริงๆ ถึงแม้พวกเธอไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดกัน แต่ว่าทั้งสองคนก็เข้ากันได้ดีมาก แต่ละคำที่พูด มุมมองของท่านเอง ซ่งรั่วอวิ้นรู้สึกประทับใจมาก
มาเมืองเจียงเฉิง เธอไม่มีอะไรทำ มาเพื่อบริจาคไขสันหลัง เพราะฉะนั้น เลยมาเยี่ยมเยียนที่นี่บ่อย
คิดไม่ถึงเลยว่า วันนี้จะโดนลู่อันหรานไล่ออกมาอย่างไม่ไว้หน้า
“อันหราน”
เวินหนิงรู้ว่าลู่อันหรานกำลังคิดอะไร แต่ว่า ท่ามกลางโรงพยาบาลแบบนี้ ถ้าคนอื่นเห็นว่าเด็กทำกับผู้หญิงแบบนี้ก็คงแปลก เธอเลยเรียกลู่อันหรานไว้
ลู่อันหรานเห็นสีหน้าเวินหนิง
“แม่รู้ว่าหนูหวังดี”
เวินหนิงยิ้ม ดึงตัวลู่อันหรานมา “คุณหนูซ่ง ถ้าพูดแบบนี้อาจจะเสียมารยาทเกินไป แต่ว่า อีกหน่อยขอให้คุณอย่ามาเยี่ยมแม่ฉันที่นี่ได้ไหมคะ?”
ถึงแม้เวินหนิงจะพูดด้วยรอยยิ้ม มีมารยาท แต่กลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น
ถึงแม้เธอจะรู้สึกดีกับซ่งรั่วอวิ้น รู้สึกว่าเธอไม่ใจคนชั่วอะไร แต่สถานการณ์ตอนนี้พิเศษ เธอไม่กล้าเอาคนใกล้ตัวไปเสี่ยง
พอซ่งรั่วอวิ้นได้ยิน ใบหน้าก็มีความผิดหวัง
“ทำไมคะ? ฉันกับคุณน้าไป๋เข้ากันได้ขขนาดนั้น ฉัน……”
“เธอยังมีหน้ามาถามอีก เพื่อนรักของเธอเกือบจะทำให้ซินหรานตาย เธอยังกล้ามา หน้าไหว้หลังหลอกคิดไม่ดีหรือเปล่า!”
เวินหนิงไม่พูดอะไร ลู่อันหรานเลยทนไม่ได้
ตอนนี้ เขารังเกียจตระกูลหยงนั่นมาก ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลหยง เขาไม่ชอบทั้งนั้น
เพราะฉะนั้น เลยพูดออกมาแบบนี้ ไม่ไว้หน้าซ่งรั่วอวิ้นเลย
ทีแรกซ่งรั่วอวิ้นยังคิดว่ามีอะไรเข้าใจผิด กำลังจะอธิบาย พอได้ยินแบบนี้ เธอก็อึ้งจนทำตัวไม่ถูก
เกือบจะทำให้คนตาย?
หยงซือเหม่ย?
ซ่งรั่วอวิ้นรู้สึกปวดหัว เธอรู้ว่านิสัยหยงซือเหม่ยไม่ดี ถูกที่บ้านตามใจเกินไป แต่เธอก็รู้สึกเธอไม่ใช่คนชั่วอะไร ก็แค่นิสัยไม่ดีก็เท่านั้น
“เด็กน้อย คำว่าทำให้คนอื่นตายพูดมั่วๆไม่ได้นะ”
“ฉันไม่ได้พูดมั่ว”
ลู่อันหรานไม่พอใจ พอเวินหนิงเห็นเลนหันไปทางซ่งรั่วอวิ้น “ยังไง อีกหน่อยคุณอย่ามาดีกว่าค่ะ ฉันรับน้ำใจคุณไว้ ฉันจะบอกแม่เอง”
เวินหนิงไม่ได้พูดตรงๆว่าลู่อันหรานพูดถูกหรือผิด แต่ท่าทางกลางๆแบบนี้ ซ่งรั่วอวิ้นเลยเดาได้
เวินหนิงเห็นด้วยกับสิ่งที่ลู่อันหรานพูด ไม่งั้นเธอต้องห้ามแน่ๆ ไม่ใช่ปล่อยผ่านแบบนี้
หรือว่า หยงซือเหม่ยทำเรื่องอะไรที่เกินเลยจริงๆ?
พอซ่งรั่วอวิ้นคิดได้แบบนี้ เลยไม่มีอารมณ์อยู่ที่นี่ต่อ เธอต้องทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมดก่อน
คุณหนูตระกูลหยง ถ้าทำเรื่องแบบนั้นจริง คงต้องเป็นข่าวดังแน่ๆ คงนำพาความเสียหายมหาศาลมาให้ตระกูลหยงแน่นอน
เห็นว่าเธอไปแล้ว ลู่อันหรานเลยเบะปาก
“ต้องร้อนตัวแน่ๆ คนแบบนี้ แสแสร้งเก่งจริงๆ”
เวินหนิงเห็นซ่งรั่วอวิ้นเดินจากไป “อันหรานอย่าพูดแบบนี้ เพราะยังไงเธอก็ไม่ได้ทำอะไร เดี๋ยวเราอย่าบอกยายเด็ดขาดว่ามีคนมา ไม่งั้นยายต้องสงสัยแน่ๆ”
พอลู่อันหรานได้ยิน จึงพยักหน้า “รู้แล้วครับ ผมไม่พูดหรอกครับ”
ทั้งสองเดินเข้าไป มองไปทางไป๋หลินยวี่ ตอนนี้อาการท่านอยู่ในช่วงคงที่ เพราะฉะนั้น ยังไม่ต้องเป็นห่วงมาก
ทั้งสองพูดคุยกับท่านไปสักพัก ค่อยไปหาไป๋ซินหราน
ตอนนี้เธอพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ก็ต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
“หมอคะ เธอจะฟื้นเมื่อไหร่คะ? แล้วเรื่องครั้งนี้ จะมีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่าคะ?”
เวินหนิงเห็นไป๋ซินหรานที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ในใจก็โทษตัวเองมาก
ถ้าเด็กคนนี้ไม่ฟื้น เธอก็จะไม่มีทางวางใจ
“ยังดีที่ช่วยเหลือได้ทัน อีกหน่อยไม่มีผลข้างเคียงอะไรแน่นอนครับ อีกวันสองวันก็คงฟื้นแล้วครับ”