พอลู่จิ้นยวนได้ยินแบบนั้น แต่กลับไม่ได้ลงมือทันทีเหมือนที่ลู่อันหรานคิดไว้
แต่กลับ ดูนิ่งผิดปกติ
“คุณพ่อ พ่อเป็นอะไรครับ?”
ในใจลู่อันหรานมีลางสังหรณ์อะไรไม่ดี
ลู่จิ้นยวนก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเพราะช่วงนี้ เขาเคยไปหาเวินหนิงหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งก็โดนเธอปฏิเสธตลอด
ตอนนี้ เขาไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยพูดยังไง
ถ้าเขาไปหาเวินหนิง แต่คำตอบที่ได้ยังเหมือนเดิม งั้นเขาคงไม่มีความหวังอะไรแล้วล่ะ
เพราะฉะนั้น ผู้ชายที่ไม่เคยกลัวอะไรอย่างเขา แต่ตอนนี้กลับลังเล
หรือว่า เป็นเพราะแคร์มาก แคร์เกินไป เลยเป็นแบบนี้
พอลู่อันหรานเห็นแบบนี้ จึงเริ่มไม่ค่อยมั่นใจ
อะไรกันเนี่ย ทั้งๆตอนนี้ระหว่างพวกเขาห่างกันแค่เส้นด้วยบางๆ แต่ใครก็ไม่อยากก้าวข้ามมาก่อน
ถ้าพลาดพลั้งไปแบบนี้ คงเสียดายน่าดู
ยิ่งคิดลู่อันหรานก็รู้สึกแปลกๆ จับคางเบาๆ ทันใดนั้นก็ปิ๊งไอเดีย
เขาไม่สนแล้ว เขาจะยื่นมือไปยุ่ง แค่โกหกไรนิดไรหน่อย พวกเขาคงไม่โกรธหรอกมั้ง?
ลู่จิ้นยวนไม่ได้สังเกตลู่อันหราน ผู้ชายคนนั้นทอดมองผนังสีขาว เหมือนกำลังเหม่อ
พอลู่อันหรานได้ไอเดียแล้ว ก็ไม่มีอารมณ์มาเสียเวลา อีกอย่าง เขารู้ว่าคนที่คุณพ่ออยากเจอมากที่สุดตอนนี้ไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นคุณแม่
“พ่อครับ งั้นพ่อพักผ่อนดีๆนะครับ ผมกลับไปก่อน พ่อไว้ใจเถอะครับ ผมจะคิดวิธีให้คุณแม่มาหาพ่อให้ได้”
พูดจบ ลู่อันหรานก็รีบวิ่งออกไปทันที
ลู่จิ้นยวนเห็นเขาแบนั้น จนอดส่ายหัวไม่ได้ เด็กคนนี้ รู้หรือเปล่าว่าตัวเองพูดอะไร
……
ลู่อันหรานกลับไปที่โรงพยาบาล เวินหนิงก็เดินออกมาจากห้องไป๋หลินยวี่พอดี
วันนี้ซ่งรั่วอวิ้นมาอยู่เป็นเพื่อนแทน เวินหนิงเลยให้เวลาพวกเธอ ให้แม่ลูกที่พลัดพรากจากกันมานานได้ใช้เวลาด้วยกัน
พอออกจากประตู ลู่อันหรานก็ร้องไห้แล้วรีบพุ่งไปหาเวินหนิง
เวินหนิงถึงขั้นสะดุ้งตกใจ
ลู่อันหรานเป็นเด็กที่ใส่ใจภาพลักษณ์อยู่แล้ว ถ้าไม่เกิดเรื่องใหญ่อะไรจริงๆ เขาไม่เป็นแบบนี้แน่นอน
“อันหรานเป็นอะไรคะ?”
เวินหนิงรีบเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ทำไมกลับมาถึงเป็นแบบนี้?
หรือว่าเกิดเรื่องอะไรกับลู่จิ้นยวน?
แต่ลู่อันหรานก็ไม่ยอมพูด เอาแต่ร้องไห้ ผิดปกติขนาดนี้ เลยทำให้เวินหนิงร้อนรน
“อันหราน เกิดอะไรขึ้น อย่าร้องไห้นะคะ มีอะไรก็บอกคุณแม่ ถ้าเราไม่พูด คุณแม่ก็ช่วยอะไรเราไม่ได้”
เวินหนิงว้าวุ่นใจเพราะสียงร้องไห้ของลู่อันหราน
พอลู่อันหรานได้ยินเสียงที่ร้อนรนของเวินหนิง ในใจก็รู้สึกผิด เขาไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว ที่ร้องไห้เสียใจขนาดนี้ ก็เพราะเมื่อกี้จำใจกินวาซาบิ เลยแสบจนน้ำตาไหล
แต่ว่า พอนึกถึงทั้งสองคนหย่ากัน ตัวเองจะเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อหรือไม่มีแม่ อาจจะโดนรังแกเหมือนไป๋ซินหราน เขาเลยหักห้ามความรู้สึกผิดไว้ จากนั้นก็ร้องไห้ต่อ
ลู่อันหรานร้องไปสักพัก เห็นว่าพอแล้วเลยหยุด “แม่ครับ ผมได้ยินคุณหมอพูดว่า แขนของคุณพ่อสาหัสมากจนทำลายเส้นประสาท อาจจะมีผลกระทบในอนาคต”
พอเวินหนิงได้ยินก็รู้สึกตกใจ
เธอคิดว่าอาการของลู่จิ้นยวนไม่สาหัส ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก ก็เลยอยู่อย่างสบายใจที่นี่
พอตอนนี้ได้ยินข่าวนี้ ใจเธอก็เริ่มกระวนกระวาย
ถ้าคนทั่วไปเจอเรื่องแบบนี้คงรับไม่ได้ แล้วคุณชายอย่างลู่จิ้นยวนล่ะ
“อันหราน เรื่องเป็นยังไง คุณหมอพูดว่ายังไงบ้าง? จะมีผลกระทบอะไรตามมา หรือว่าอะไร?”
ลู่อันหรานก้มหน้าเช็ดน้ำตา “คุณหมอบอกว่าอาจจะเคลื่อนไหวแขนข้างที่บาดเจ็บเหมือนคนปกติไม่ได้ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้บอกคุณพ่อ ผมไม่รู้ว่าถ้าพ่อรู้แล้วจะเป็นยังไง”
พอได้ยินสิ่งที่ลู่อันหรานพูด มือเวินหนิงก็เริ่มสั่น
เคลื่อนไหวเหมือนคนปกติไม่ได้ หรือว่า อาจจะพิการ?
พอนึกถึงผู้ชายที่มาตรฐานสูงอย่างเขา แต่กลับต้องเจอเรื่องแบบนี้ เวินหนิงก็รู้สึกเจ็บปวดใจ
เธอค่อยรู้ว่า ในใจเธอ ไม่เคยลืมลู่จิ้นยวนจริงๆจังๆเลย
พอเห็นสีหน้าเวินหนิง ลู่อันหรานก็รู้สึกมีความหวัง คุณแม่ได้ยินข่าวนี้แล้วกระวนกระวายมาก เป็นห่วงคุณพ่อมาก
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง แค่ไม่อยากให้จิตใจคุณพ่อกระทบกระเทือนขนาดนั้น”
ลู่อันหรานพูดจบ ก็เช็ดน้ำตาเดินจากไป
เวินหนิงกัดริมฝีปากแน่น สายตาเศร้ามาก
ได้ยินลู่อันหรานพูดแบบนี้ เธออยากไปถามอาการเดี๋ยวนี้เลย ถามให้แน่ใจว่าลู่จิ้นยวนบาดเจ็บสาหัสจริงหรือเปล่า
แต่ว่า ไม่นานมานี้เธอเพิ่งพูดไปอย่างใจดำเด็ดขาด
เวินหนิงลังเลไปนานมาก สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ได้
เวลาเดียวกัน ซ่งรั่วอวิ้นก็เดินออกมาจากห้องไป๋หลินยวี่ เลยเห็นเธอนั่งลังเลอยู่บนที่นั่ง “เป็นอะไรเวินหนิง สีหน้าเคร่งเครียดเชียว……ไม่ใช่ว่าการผ่าตัดมีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
พอได้ยิน เวินหนิงรีบส่ายหน้าทันที “เปล่า ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้น……”
ซ่งรั่วอวิ้นค่อยโล่งอกไปที แต่ก็ยังเห็นเวินหนิงใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “ถ้าเธอมีเรื่องอะไรที่อยากไปทำ งั้นก็ไปทำเถอะ ที่นี่มีฉัน เธอวางใจได้”
“ฉันไม่ใช่ไม่วางใจที่นี่ แต่ว่า……”
ตอนนี้เวินหนิงเชื่อใจซ่งรั่วอวิ้นมาก “มีเรื่องเกี่ยวกับลู่จิ้นยวนนิดหน่อย”
ตอนนี้เธอตัดสินใจไม่ได้ เลยยอมพูด ขอความคิดเห็นจากคนอื่น
พอได้ยินแบบนี้ ซ่งรั่วอวิ้นก็เหลือบมองเวินหนิง เหมือนกำลังพูดว่า เธอจะลังเลอะไรอีก
“ฉันพูดตรงๆกับเธอก็ได้ ถึงแม้ช่วงนี้หยงซือเหม่ยใช้ทุกวิถีทางตามจีบผู้ชายคนนั้น แต่เขาไม่เคยหวั่นไหวเลย ยังรอเธอหันกลับไปหาเขา ผู้ชายแบบนี้ ตอนนี้มีไม่เยอะแล้วนะ ได้ข่าวว่าตอนนี้เขาบาดเจ็บ เธอก็เป็นห่วงเขามาก งั้นก็ไปเยี่ยมสิ อย่ารอจนทุกอย่างสายไปแล้วค่อยเสียใจทีหลัง ถ้างั้นคงสายไปแล้วจริงๆ”