พอเวินหนิงได้ยิน ใจก็ว้าวุ่นไปกว่าเดิม
ทีแรกเธอคิดว่า ตัวเองเย็นชากับลู่จิ้นยวนขนาดนั้น บวกกับหยงซือเหม่ยที่รุกหนัก ลู่จิ้นยวนคงหวั่นไหวบ้าง
แต่สุดท้าย ซ่งรั่วอวิ้นกลับบอกเธอว่าไม่ใช่แบบนั้น
เวินหนิงอดคิดไม่ได้เลยว ในร้านกาแฟวันนั้นที่ลู่จิ้นยวนถามเธอ–ฉันไม่น่าเชื่อใจขนาดนั้นเลยเหรอ?
ผู้ชายคนนั้น ก็แอบพยายามในตอนที่เธอไม่เห็นหรือเปล่า อยากจะให้เธอเชื่อใจความรักของพวกเขาอีกครั้ง……
ยิ่งคิด เวินหนิงก็รู้สึกหนักใจกว่าเดิม
เห็นว่าอารมณ์เธอเศร้าหมองกว่าเดิม ซ่งรั่วอวิ้นเลยเอ่ย “ถ้าเธอคิดยังไง ก็พูดออกมาดีกว่า อย่าเอาแต่ลังเล รอพรุ่งนี้แม่ผ่าตัดเสร็จ เธอยังมีเวลาอีกเยอะที่จะไปคิดเรื่องนี้”
เวินหนิงพยักหน้า ในเมื่อตอนนี้คิดอะไรไม่ออก งั้นให้เวลาตัวเองสักหน่อยละกัน
ซ่งรั่วอวิ้นคุยกับเวินหนิงเสร็จ กำลังจะกลับไปหาไป๋หลินยวี่ แต่กลับได้ยินเสียงพึมพำของลู่อันหรานในห้องน้ำ
“โอ๊ยปวดท้อง กินวาซาบิเยอะขนาดนั้น ปวดชะมัดเลย ถ้าพวกเขายังไม่ดีกันอีก ไม่คุ้มกับที่ตัวเองลงทุนขนาดนี้เลย”
หลังจากที่ลู่อันหรานพูดกับเวินหนิงเสร็จ เขาก็ปวดท้องมาก เพราะยังเป็นเด็ก แต่กลับกินของที่แสบร้อนขนาดนั้น กระเพาะก็เลยรับไม่ไหว
ที่สำคัญ เพราะกลัวว่าเวินหนิงจะจับได้ว่าเขากินวาซาบิเลยร้องไห้ ลู่อันหรานก็เลยไม่กล้าบอกใคร อดทนอยู่อย่างนั้น
พอซ่งรั่วอวิ้นได้ยิน สีหน้าก็อึ้ง จากนั้นก็เดาได้อย่างรวดเร็ว
ที่เวินหนิงลังเลเมื่อกี้ คงเพราะว่าเด็กน้อยคนนี้พูดอะไรแน่นอน
เด็กคนนี้ คิดว่าตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่แล้วสินะ
ลู่อันหรานอยู่ในห้องน้ำไปสักพัก แต่ก็ไม่มีประโยชน์ เลยกุมท้องเดินออกมา พอออกมา ก็เห็นซ่งรั่วอวิ้นยืนมองเขาอยู่
“คุณน้าอวิ้นอวิ้น ทำไมถึงอยู่ที่นี่ครับ?”
พอรู้ว่าซ่งรั่วอวิ้นเป็นคนดี แถมยังบริจาคไขสันหลังให้คุณยายอีก ลู่อันหรานก็ขอโทษเธอจากใจจริง ต่อจากนั้น ความสัมพันธ์ทั้งสองก็ค่อนข้างดี
นิสัยที่หัวดื้อฉลาดของซ่งรั่วอวิ้น ก็เข้ากับลู่อันหรานได้ดี
“อันหราน เราพูดอะไรที่โกหกแม่เราหรือเปล่า?”
ซ่งรั่วอวิ้นเห็นสีหน้าลู่อันหรานซีดขาว เลยถามตรงๆ
ลู่อันหรานตกใจจนถอยหลัง สีหน้าซ่งรั่วอวิ้นแบบนี้ เลยรู้ว่าคุณน้าที่ฉลาดคนนี้อาจจะเดาได้แล้วว่าเขาทำอะไรไป จึงพยักหน้า
“ขอร้องนะครับคุณน้าอวิ้นอวิ้น อย่าบอกคุณแม่นะครับ”
ลู่อันหรานรีบทำตัวน่าสงสาร อ้อนวอนขอร้องซ่งรั่วอวิ้น
ถ้าโป๊ะแตก คุณแม่ต้องโกรธแน่ๆ งั้นเขาก็ปวดท้องเปล่าๆสิ
“ผมแค่อยากออกแรงช่วยคุณพ่อคุณแม่ ไม่อยากให้พวกเขาเข้าใจผิดกัน คุณน้าเข้าใจผมใช่ไหมครับ?”
ลู่อันหรานอ้อนวอนสุดความสามารถ
เขาหน้าตาน่ารักอยู่แล้ว
ซ่งรั่วอวิ้นอดยิ้มไม่ได้ “อันหราน ปกติเราฉลาดมากเลยหนิ ทำไมตอนนี้ถึงคิดไม่ได้ล่ะ น้าไม่ทำลายความรักของคนอื่นหรอก”
ซ่งรั่วอวิ้นเคยสืบเรื่องของลู่จิ้นยวนกับเวินหนิง รู้ว่าทั้งสองคนผ่านอะไรมาเยอะ ถ้าแยกจากกันแบบนี้ คงเสียดายมากๆ
เพราะฉะนั้น กับการกระทำของลู่อันหราน เธอไม่ได้ต่อต้าน
บางครั้งใช้วิธีการบางอย่างก็เป็นสิ่งที่จำเป็น
“แต่ว่า เราพูดอะไรไปบ้างล่ะ? เมื่อกี้ใจเวินหนิงไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย ไม่ใช่ว่าเราพูดอะไรที่ทำให้แม่ตกใจใช่ไหม?”
“คือ ผมพูดว่าอาการคุณพ่อสาหัส อาจจะส่งผลต่ออนาคต……แต่ผมไม่ได้แช่งคุณพ่อนะครับ ก็แค่……”
“น้ารู้ หนูไม่ได้คิดแบบนั้นแน่นอน”
ซ่งรั่วอวิ้นพยักหน้า
ที่เธอคิดไม่ถึงคือ เวินหนิงที่เอาแต่จะตัดขาดความสัมพันธ์ แต่กลับหวั่นไหวตอนที่ได้ยินว่าในอนาคตอาจจะส่งผลต่อลู่จิ้นยวน
ไม่เหมือนกับความคิดคนทั่วไปเลย พูดได้แค่ว่า เธอยังรักผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้น คงไม่เป็นห่วง ไม่ลังเลขนาดนั้นหรอก
“งั้นก็ดีครับ”
พอลู่อันหรานได้ยิน ก็โล่งใจไปไม่น้อย
ซ่งรั่วอวิ้นเห็นหน้าเขาซีดขาว กลัวว่าจะเป็นอะไร “ไปเถอะอันหราน เดี๋ยวน้าพาเราไปหาหอ เดี๋ยวน้าจ่ายให้เอง แม่เราจะได้ไม่รู้”
พอได้ยินแบบนี้ ลู่อันหรานก็พยักหน้าอย่างขอบคุณ รีบเดินตามซ่งรั่วอวิ้นไปหาหมอทันที
รอดสักที ไม่งั้น เขาคงต้องอยู่ในห้องน้ำจนถึงเช้าวันพรุ่งนี้แน่ๆ
ซ่งรั่วอวิ้นพาลู่อันหรานไปหาหมอ จากนั้นก็ให้เขากินยา
หลังจากลู่อันหรานกินยา พักผ่อนไปสักพักก็รู้สึกดีขึ้น หันมองไปทางซ่งรั่วอวิ้นอย่างขอบคุณ “ขอบคุณนะครับ คุณน้าอวิ้นอวิ้น”
ซ่งรั่วอวิ้นส่ายหน้า “ไม่ต้องเกรงใจหรอก แต่ว่า อีกหน่อยเราอย่าทำแบบนี้อีก ถ้าเราไม่สบายจริงๆ คุณยายกับคุณแม่เราจะเป็นห่วง”
ลู่อันหรานพยักหน้าอย่างทำตัวไม่ถูก
……
ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เช้าวันต่อมา ซ่งรั่วอวิ้นอาบน้ำล้างหน้าเสร็จ ก็เตรียมตัวจะเข้าไปให้ไขสันหลัง
ทันใดนั้น โทรศัพท์เธอก็ดัง
หยงซือเหม่ยเป็นคนโทรมา
“วันนี้ฉันอยากไปกินข้าวที่ร้านอาหารริมทะเล เธอจองที่ล่วงหน้าด้วย”
หยงซือเหม่ยไม่ได้สังเกตเลยว่าสองวันนี้ซ่งรั่วอวิ้นไม่กลับไป มีแค่ตอนที่ตัวเองจะสั่งเธอ เธอค่อยติดต่อซ่งรั่วอวิ้น
ซ่งรั่วอวิ้นจับโทรศัพท์ไว้แน่น”ตอนนี้ฉันมีธุระ เธอจัดการเองเถอะ”
พูดจบ ก็วางสายทันที
แต่ก่อนที่ทนกับหยงซือเหม่ย ก็เพราะตระกูลหยงมีบุญคุณกับเธอ ถึงหยงซือเหม่ยจะทำเกินเลยมากแค่ไหน เธอก็ไม่เคยบ่นอะไร
แต่ตอนนี้ รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตแล้ว ซ่งรั่วอวิ้นคิดว่านี่คงเป็นโชคชะตา เธอไม่ได้ติดค้างตระกูลหยง แต่กลับเป็นผู้ถูกกระทำเพราะหยงเหม่ยซิน
ตอนนี้ซ่งรั่วอวิ้นเลยจะปล่อยวางทุกอย่าง กลับมาเป็นตัวของตัวเอง
กับสีหน้าที่หยงซือเหม่ยรู้ว่าตัวเองบริจาคไขสันหลังแล้วจะเป็นยังไง ซ่งรั่วอวิ้นก็เริ่มแปลกใจ
เพราะยังไงก็ถูกรังแกข่มแหงมาตั้งนาน เธอก็มีนิสัยของตัวเองเหมือนกัน
พอหยงซือเหม่ยได้ยินเสียงตัดสาย ก็ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
ซ่งรั่วอวิ้นกล้าปฏิเสธเธอ แถมยังตัดสายเธออีก เด็กที่ไม่มีใครเอา ตอนนี้ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม?