ยามราตรีมาเยือน เวินหนิงนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงกว้าง วันนี้เธอนั้นตึงเครียดมาทั้งวันแล้ว แต่เธอกลับไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด
เธอกังวลตลอดเวลาว่าถ้าเกิดเวินหลานจะสู้กับเธอให้ถึงที่สุด โดยการแฉเรื่องราวในอดีตของเธอ เธอควรทำยังไงต่อไปดี…… ถึงแม้เหอจื่ออันบอกว่าจะจัดการทุกอย่างให้ แต่เธอก็ยังกลัวอยู่ดี
ในขณะที่เวินหนิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจนั้น ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างรัวๆ
เวินหนิงขมวดคิ้วแน่น ที่นี่เป็นคอนโดของเหอจื่ออัน เพื่อความสบายใจของเธอ เหอจื่ออันไม่ได้อยู่ด้วย แค่บอกให้ว่าถ้ามีเรื่องอะไรก็ให้โทรไปหาได้ เขาจะรีบมาหาให้เร็วที่สุด
เป็นเขาหรอ?
“ใช่คุณหรือเปล่า?” เวินหนิงเดินไปอย่างระมัดระวัง และระแวง
ถ้าเกิดเป็นพวกแฟนคลับบ้าคลั่งหรือนักข่าวล่ะ?
ผู้ชายที่ยืนอยู่อีกฝากของประตูนั้นขมวดคิ้วแน่น เศษก้นบุหรี่ที่สูบไปแล้วตกลงพื้นช้าๆ“คุณคิดว่าเป็นใคร?”
เสียงนี้คุ้นหูเธอมาก เป็นเสียงที่เวินหนิงนั้นได้ยินทุกวัน แต่ว่า เธอไม่กล้าเชื่อหูตัวเองเลย ลู่จิ้นยวนหรอ?
ไม่ใช่ว่าเขาต้องอยู่ต่างประเทศกับผู้หญิงที่เขาชอบหรอ?
เวินหนิงเงียบไปสักพัก“ลู่จิ้นยวน?”
ชายหนุ่มหมดความอดทนแล้ว“เปิดประตู”
การพูดของลู่จิ้นยวนนั้นจะเป็นการพูดแบบการออกคำสั่ง เหมือนกับหัวหน้าสั่งลูกน้องที่ต้องทำตามที่เขาพูด เวินหนิงยื่นมือออกไปกำลังจะทำตามสิ่งที่เขาพูดนั้น ก็ได้สติกลับมาทันที
“คุณมาทำอะไร?”
เวินหนิงยังจำคำพูดพวกนั้นที่เขาพูดกับเธอไว้ได้ ไม่ใช่ว่าจะมาจับผิดเธอแล้วรีบนั่งเครื่องบินกลับมาหรอกนะ?
ลู่จิ้นยวนจะไร้สาระขนาดนี้เลยเหรอ?
“ถ้ายังไม่เปิด ฉันจะพังประตู” ลู่จิ้นยวนที่ได้ยินเสียงลีลาของเวินหนิง และบานประตูที่ยังคงปิดไว้อยู่นั้นก็รู้สึกรำคาญขึ้นมา
ในเมื่อสืบเจอว่าเวินหนิงนั้นอยู่ไหน เขาก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าคอนโดนี้อยู่ภายใต้ชื่อของเหอจื่ออัน
ผู้ชายที่ให้ผู้หญิงคนหนึ่งอาศัยอยู่ในคอนโดของตนเอง มันก็ชัดอยู่แล้วว่าหมายความว่ายังไง
การที่ตอนนี้ลู่จิ้นยวนยังสามารถใช้น้ำเสียงปกติคุยกับเวินหนิงนั้น เป็นขีดความอดทนสูงสุดของเขาแล้ว
เวินหนิงนิ่งคิด ที่ลู่จิ้นยวนพูดนั้นไม่เหมือนกับการโกหก อีกอย่าง เรื่องแบบนี้เขาทำออกมาได้อยู่แล้ว เลยจำใจต้องเปิดประตู
ประตูเปิดปุ๊ป ลมหนาวที่อยู่ข้างนอกก็พัดเข้ามาทันที ลู่จิ้นยวนที่ยืนอยู่นอกประตูนั้น สาดส่องด้วยแสงไฟอ่อนๆส่องลงบนหน้าตาและร่างกายอันสมบูรณ์แบบของเขา ถึงเขาจะกลับมาอย่างเร่งรีบก็มองไม่เห็นถึงความเหนื่อยล้าของเขาเลย
เขายังคงเป็นลู่จิ้นยวนที่น่าเคารพยำเกรงคนนั้น
ใจของเวินหนิงรู้สึกสับสนขึ้นมาจนแสดงออกมาทางสีหน้า แต่ลู่จิ้นยวนนั้นไม่ได้สนใจเธอเลย ก้าวเดินเข้ามาในห้องแล้วเดินเข้าไปสำรวจห้องนอน
ไม่เจอร่องรอยของผู้ชายคนอื่น ลู่จิ้นยวนที่หน้าตึงเครียดมาตลอดนั้นก็ดูอ่อนลง
“กลับไปกับฉัน”
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เวินหนิง เธอสวมใส่ชุดนอนไว้แล้ว ดูเหมือนจะอยู่ที่นี่ถาวรอย่างนั้นเหรอ
“กลับไปไหน? ตระกูลลู่เหรอ? คุณบ้าหรือเปล่า” เวินหนิงที่พูดเองตอบเองนั้นดูตลกเล็กน้อย
คนที่ไปหาผู้หญิงของเขาที่ต่างประเทศเป็นเขา คนที่บอกว่าเธอไม่รักนวลสงวนตัวก็เป็นเขา ทั้งยังทิ้งเธอในเวลาที่เธอต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด คนที่ไม่สนใจใยดีเธอเลยก็ยังคงเป็นเขา
อีกอย่าง ท่าทางของคนตระกูลลู่ที่มีต่อเธอก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรอ? ตั้งแต่ที่เธอเกิดเรื่อง ตระกูลนั้นไม่มีท่าทีที่จะสนใจเธอเลย ชัดอยู่แล้วว่าจะให้เธอสู้เอง ยังจะมาให้เธอกลับไปอีกทำไม?
“ทำไม? นี่เธอยังอยากอยู่บ้านผู้ชายคนนั้นต่ออีกหรือไง?” ลู่จิ้นยวนมองมาที่เธอด้วยความน่ากลัว เขาไม่รู้ว่าในหนึ่งวันนี้ ระหว่างเหอจื่ออันกับเวินหนิงนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เรื่องแบบนี้เกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้ มันทำให้ลู่จิ้นยวนไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก
“ฉันอยากอยู่ที่ไหนฉันก็จะอยู่ที่นั่น ไม่ได้หรือไง?” เวินหนิงมองไปยังลู่จิ้นยวน“คุณบอกเองไม่ใช่หรอว่าฉันเป็นผู้หญิงแรด สักแต่ชอบยุ่งกับผู้ชายไปทั่ว ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะทำตามสิ่งที่คุณพูด นี่ไง…….”
เวินหนิงที่ยังไม่ทันจะพูดจบก็โดนหิ้วปีกขึ้นเหมือนกับลูกไก่ตัวเล็กๆ เธอตกใจจนหน้าซีด ในใจก็คิดว่าลู่จิ้นยวนคงจะไม่มีแนวโน้วของการใช้ความรุนแรงและโดนเธอพูดกระตุ้นหรอกใช่ไหม?
ลู่จิ้นยวนแบกเธอขึ้นไหล่เหมือนกับแบกกระสอบข้าวสาร กับผู้หญิงที่เถียงตลอดนั้นวิธีนี้ได้ผลมากที่สุด
“ลู่จิ้นยวนคุณบ้าไปแล้วหรือไง ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!” เวินหนิงคิดไม่ถึงว่าลู่จิ้นยวนจะทำแบบนี้ เธอที่ห้อยอยู่บนไหล่หัวแกว่งไปมา ไม่ใช่แค่เวียนหัวยังรู้สึกคลื่นไส้อีกด้วย
“หุบปาก”
เวินหนิงที่พูดไม่หยุดนั้นทำให้ลู่จิ้นยวนนั้นรู้สึกรำคาญเล็กน้อย ในสายตาของลู่จิ้นยวน ปกติเวินหนิงจะเหมือนกับเป็นใบ้ แทบจะไม่พูดอะไรเลย
เพราะฉะนั้น นี่คือตัวตนที่แท้จริงของเธอหรอ?
“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ! นี่คุณบ้าไปแล้วหรือไง พาฉันกลับไปเพื่อให้ฉันอับอายหรือไง? ฉันไม่ได้ต่ำต้อยขนาดที่ให้พวกคุณดูถูกยังไงก็ได้นะ หรือว่า……โอ้ย เจ็บ!”
เวินหนิงอารมณ์ขึ้น ปากก็บอกให้ลู่จิ้นยวนปล่อยเธอลง และใช้มือทั้งเท้าตีและเตะไปทั่ว เหมือนเอาอารมณ์ทั้งหมดมาระบายที่เขา ไม่มีการเกรงใจสักนิด
แต่เพราะยังห้อยอยู่กลางอากาศ ทำให้แรงของเวินหนิงนั้นแสดงออกมากได้ไม่มากนัก
ลู่จิ้นยวนไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยสักนิด กลับรู้สึกรำคาญที่เธอนั้นพูดไม่หยุด ลู่จิ้นยวนยกมือขึ้นตีลงบนตัวของเธอด้วยแรงที่ไม่เบา อย่างน้อยก็ทำให้เวินหนิงนั้นตกใจและเงียบไป
หลังจากที่ได้สติกลับมาว่าเขาได้ทำอะไรลงไปนั้น เวินหนิงหน้าแดงขึ้นมาทันที
“ไอ่ลามก”
แก้มของเวินหนิงนั้นแดงเหมือนมะเขือเทศสุก ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสภาพที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้หรือเป็นเพราะอายกันแน่
ลู่จิ้นยวนมองไม่เห็นหน้าของเวินหนิง แต่เสียงที่สั่นๆของเธอได้ขายเธอไปแล้วว่าเธอนั้นกำลังกลัว
เป็นไปตามคาด เวินหนิงได้เงียบไปแล้ว ลู่จิ้นยวนเร่งฝีเท้าไปอีกก็เดินไปถึงที่รถ เปิดประตูแล้วยัดเธอเข้าไป
“รัดเข็มขัดซะ”
เวินหนิงทำตาม ในตอนนั้นเธอไม่มีอะไรที่ต้องขัดขืนอีก เมื่อสักครู่ที่เธอเงียบไปกลับทำให้เธอใจเย็นมากขึ้น
ในโทรศัพท์ลู่จิ้นยวนนั้นเกลียดเธอขนาดนั้น ตอนนี้ดึกๆดื่นๆกลับรีบมาหาเธอ คิดว่าคงมีเรื่องอะไรที่สำคัญมากจริงๆ
ก็เป็นแค่คุณผู้หญิงลู่ที่เป็นเพียงแค่ภรรยาในนามเท่านั้น เขาคงจะมาพูดเรื่องหย่ากับเธอ……
แม้เวินหนิงนั้นจะทำใจเตรียมพร้อมมาตลอดกับเรื่องหย่าที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่กับความจริงที่จะเกิดกะทันหันแบบนี้ ใจของเธอกลับไม่สงบเหมือนตามที่คิดไว้เลย
บางที เป็นเพราะเธอชินกับความสบายจอมปลอมของตระกูลลู่ ไม่ก็……