“ไม่ได้!” เวินหลานที่ได้ยินดังนั้น ลืมการเช็ดน้ำตาไปเลย แล้วตัวก็สั่นขึ้นมา“ห้ามเปิดโปงเรื่องของเวินหนิงเด็ดขาด”
ถ้าเกิดทำให้เคโกรธละก็ เธอต้องจบแน่ๆ
“เปิดโปงไปแล้วตระกูลเราก็จะเสียชื่อไปด้วย ไม่ได้เด็ดขาด”
“คุณดูสิ หลานหลานดีแค่ไหน ถึงเวลานี้แล้วยังคิดถึงตระกูลเวินอยู่เลยแล้วยังช่วยพูดแทนพี่สาวที่ไม่ได้เรื่องคนนั้นด้วย เห้อ~ ตอนนั้นไม่ควรที่จะให้เวินหนิงออกจากคุก น่าจะให้มันตายในนั้นไปเลย เป็นตัวซวยจริงๆ”
จางหยาหลินถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก เวินฉีโม่ที่เห็นลูกสาวคนเล็กร้องไห้จนตาบวมตาแดงนั้นก็อัดบุหรี่เข้าเต็มปอด“ฉันจะไปหามันเอง ยังไงก็ต้องทำให้หลานหลานได้รับความเสียหายน้อยที่สุด”
พูดจบ เวินฉีโม่ก็ได้เดินออกไป
……
ตระกูลยวี๋
ยวี๋เฟยหมิงคุกเข่าอยู่ในห้องหนังสือ สายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความตื่นกลัวและว้าวุ่น
เรื่องครั้งนี้ เขาเชื่อสิ่งที่เวินหลานพูดเลย คิดว่าตัวเองอยู่ภายใต้บริษัทแล้วจะไม่เป็นอะไร ใครจะคิดว่าเรื่องมันจะพลิกผันได้ขนาดนี้
เขาไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่เสียชื่อเสียง บริษัทที่เป็นคู่แข่งกันอยู่ก็ใช้โอกาสเป็นเครื่องมือในการโจมตี ตอนนี้ ตระกูลยวี๋นั้นวุ่นวายไปหมด
“แกรู้หรือไม่ว่าตระกูลลู่ได้ถอนหุ้นไปแล้ว ความพยายามทั้งเดือนนั้นเสียเปล่าเพราะแกกับคู่หมั่นสุดที่รักของแก ไม่ใช่แค่นี้นะ เรื่องนี้แพร่ออกไปปุป หุ้นของตระกูลยวี๋ต้องดิ่งลงแน่นอน ตลาดหุ้นมูลค่าเป็นพันล้านก็เปล่าประโยชน์ไปเลย
ปากของยวี๋เฟยหมิงนั้นขยับเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเองก็ไม่ได้คิดว่าผลมันจะร้ายแรงมากขนาดนี้
พ่อของยวี๋เฟยหมิงมองเขาด้วยความเจ็บใจแล้วพูดว่า“เดิมฉันก็คิดว่าแกกับเวินหลานนั้นไปกันไม่รอดหรอก กล้าแย่งแม้กระทั่งคู่หมั่นของพี่สาวตัวเอง ก็ไม่ใช่คนดีอะไรแล้ว……ก็มีแต่แกนั่นแหละที่มองว่านางนั่นเป็นคนดีมีเมตตา”
“วันนี้ที่บริษัทจะประกาศการยกเลิกงานแต่งของเวินหลานกับแก แต่เพราะจะกระทบต่ออาชีพของเธอเลยไม่ได้ประกาศออกข่าว พวกแกสองคนก็จบกันแค่นี้ซะ”
ยวี๋เฟยหมิงที่ได้ยินนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะคัดค้านอะไร ทันทีที่คิดว่าเรื่องนี้เกิดเพราะเวินหลานนั้น บอกเลิกเธอยังไม่สามารถระบายความโกรธของเขาได้เลย อยากจะไปหาเธอทำให้เธออับอายใจจะขาด แต่ตอนนี้ก็ทำได้แค่นี้ก่อน
……
เวินหนิงไปทำงานตามปกติ พอถึงบริษัทเธอไม่ได้รับสายตาที่แปลกๆก็รู้สึกโล่งใจ
เธอเดินตามลู่จิ้นยวนถึงชั้นบนสุดของบริษัท เธอกำลังจะทำความสะอาดเหมือนทุกที แต่ลู่จิ้นยวนก็เรียกเธอไว้ก่อน
“หลังจากนี้ก็ไม่ต้องทำเรื่องพวกนั้นแล้ว”
ตอนนั้นที่ลู่จิ้นยวนให้เธอมาทำความสะอาดที่นี่ หลักๆคือจะให้เธอถอยด้วยตัวเอง และก็ไม่อยากให้เธอนั้นได้ใช้ชีวิตสุขสบายเกินไป
แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว เขาอยากให้เวินหนิงนั้นได้เรียนรู้อะไรได้มากกว่านี้ อย่างน้อยก็สามารถปกป้องตัวเองได้ในยามมีปัญหา
“แล้ว แล้วจะให้ฉันทำอะไรล่ะ?” เวินหนิงรู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา รู็สึกว่าการที่ลู่จิ้นยวนพูดแบบนี้ออกมาต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
“เธอไปเรียนรู้กับอันเฉิงเรื่องวิธีจัดการการทำงาน” ลู่จิ้นยวนคิดแล้วคิดอีก เขาก็ไม่อยากให้เวินหนิงนั้นไปในที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ ฉะนั้นเลยจัดการแบบนี้
“จริงหรอ……?”เวินหนิงไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่หูของเธอได้ยิน แม้อันเฉินในนามแล้วเป็นแค่ผู้ช่วยของลู่จิ้นยวน แต่ความสามารถในการทำงานของเขานั้นเก่งมากจริงๆ
ถ้าเธอสามารถไปเรียนรู้งานกับเขาได้ ต้องเรียนรู้อะไรได้มากมายแน่ๆ เธอนั้นอยากเรียนรู้วิธีการยืนหยัดในสังคมมาโดยตลอดตั้งแต่ที่เธอออกจากคุก และยากตรงที่เธอนั้นไม่มีโอกาสเลย แต่ตอนนี้ โอกาสก็มาอยู่ตรงหน้าเธอแล้วไม่ใช่หรอ?
“ฉันยังต้องโกหกเธออยู่หรือไง?”ลู่จิ้นยวนเหล่ตามองเธอด้วยความไม่พอใจ เหมือนกำลังบอกว่าเขานั้นไม่พอใจกับท่าทีของเธอมากๆ
“ไม่ ไม่ใช่นะ แค่รู้สึกว่าไม่น่าเชื่อที่คุณพูดแบบนี้ออกมาแค่นั้นเอง”
เวินหนิงที่กลัวว่าถ้าลู่จิ้นยวนอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาจะเปลี่ยนใจ เลยรีบส่ายหัวแล้วรีบพูดขึ้นว่า“งั้น ขอบคุณนะ”
แม้โอกาสนี้สำหรับคนอื่นแล้วอาจจะไม่มีอะไร แต่สำหรับเธอแล้ว โอกาสนี้มันสำคัญกับเธอมากๆ
นี่จะเป็นการเริ่มชีวิตใหม่ของเธอหรือเปล่า?
“อืม”
ลู่จิ้นยวนมองใบหน้าที่ขึ้นสีเล็กน้อยของเวินหนิง ในดวงตาของเธอนั้นเปล่งประกายเพราะเธอกำลังมีความสุข ในขณะเดียวกัน แสงแดดที่ส่องผ่านกระจกนั้นตกกระทบมาที่ตัวของเธอ เวินหนิงในตอนนี้ ทำให้ลู่จิ้นยวนนั้นรู้สึกว่าเธอต่างไปจากปกติของเธอเลย
บรรยากาศรอบตัวเธอนั้นเหมือนกลับมามีความหวังอีกครั้งไม่ได้มืดมนและเศร้าต่อโลกใบนี้อีกต่อไป
จริงๆความรู้สึกนี้ก็ไม่ได้แย่นะ
ลู่จิ้นยวนนั้นลืมตัว พอรู้สึกตัวว่าตัวเองได้แสดงพฤติกรรมการแปลกๆไปนั้นก็ดึงสติตัวเองกลับมาเป็นคนสีหน้าเรียบเฉยอีกครั้ง“แต่ถ้าเธอทำงานได้ไม่ดีแล้วอันเฉินไม่ต้องการที่จะสอนเธอ ฉันก็ไม่ช่วยอะไรเธอไม่ได้”
“ฉันจะตั้งใจทำงาน” เวินหนิงรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาและรีบไปหาอันเฉินทันที
หลังจากที่อันเฉินได้รับทราบเรื่องนี้แล้วก็ไม่ได้มีความตกใจแต่อย่างใด ยังไม่ลืมที่จะบ่นลู่จิ้นยวนที่ชอบทำอะไรอ้อมโลก
ก็แค่อยากให้เวินหนิงเรียนรู้อะไรใหม่ๆเพื่อให้เธอนั้นดีใจ และยังอยู่ในสายตาตัวเองตลอดไม่ใช่หรอ แล้วมาทำเป็นอ้อมค้อมแล้วให้เขาอยู่ดีๆก็มีลูกศิษย์คนหนึ่งแบบนี้……
เขายังจะปฏิเสธได้หรือไง?
“ผู้ช่วยอันคะ หลังจากนี้ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ มีข้อบกพร่องตรงไหนบอกได้เลยนะคะ” เวินหนิงโค้งคำนับอย่างมีมารยาท เป็นรูปแบบนักเรียนที่พร้อมรับการสอนอย่างนั้น
อันเฉินพยักหน้ารับตามบท
อันเฉินสอนงานเวินหนิงทุกอย่างตามที่ลู่จิ้นยวนสั่ง แค่ว่าเธอนั้นไม่เคยที่จะได้ทำงานในบริษัทนี้มาก่อน เลยเรียนรู้ได้ไม่เร็วมากนัก แต่เธอนั้นก็คงมีความตั้งใจตลอด
แม้บางครั้งเธอจะถามอะไรที่ดูไม่ฉลาดมากนักแล้วโดนหัวเราะเยาะใส่ เธอก็จะเอาสมุดเล็กๆมาจดไว้ นานๆไป อันเฉินก็มีความตั้งใจในการสอนงานเธอมากขึ้น
หนึ่งวันกับการทำงานที่แสนวุ่นวายนั้นผ่านไปเร็วมาก
หลังเลิกงาน เวินหนิงยังคงตกอยู่ในสิ่งที่เธอได้เรียนรู้ในวันนี้ที่เป็นเรื่องที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน ขณะที่เธอเดินไปกำลังจะไปโบกรถนั้น ทันใดนั้นเอง เสียงแตรรถที่ดังขึ้นก็ดึงสติเธอกลับมา
เวินฉีโม่ที่มีสีหน้าเครียดๆนั้นมองมาที่เธอ“แกมานี่ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
เวินหนิงยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้เดินเข้าไปหา เธอไม่คิดว่าเวินฉีโม่นั้นจะมาหาเธอด้วยตัวเอง ก็ในเมื่อหลายปีที่ผ่านมา เขานั้นเห็นเธอเป็นแค่ความน่าละอาย แค่มองเธอยังรู้สึกว่าจะตาของเขาจะเป็นเสนียดเลย
พระทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรอเนี่ย?
“มาหาฉันมีอะไรหรือเปล่า?”เธอถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เวินฉีโม่ที่เห็นเธอไม่ฟังในสิ่งที่เขาพูด ก็โมโหขึ้นมา“แล้วจะคุยกันกลางแจ้งนี่หรือไงกัน ขึ้นรถ ฉันจะคุยกับแกเป็นการส่วนตัว”
“ทำไมถึงจะพูดตรงนี้ไม่ได้ หรือว่าเรื่องที่คุณชายเวินจะพูดเนี่ย เป็นเรื่องไม่ดีอย่างนั้นหรอ ถึงพูดกลางแจ้งนี้ไม่ได้? ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ ฉันขอไม่คุยด้วยจะเป็นการดีกว่า”
เวินหนิงมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา ตอนนี้แล้วยังเอามาดผู้ใหญ่มาสั่งสอนเธออีกงั้นหรอ เวินฉีโม่ไม่รู้สึกว่ามันจะตลกหรือไงกัน?
เขานึกว่าหลังจากที่เขาทำเรื่องน่าเกลียดนั้นแล้วเธอยังจะไปให้เขานั้นรังแกอีกหรือไง?
ครั้งนี้ก็คงจะมาเพื่อเวินหลานอีกนั่นแหละ
เวินฉีโม่อยากจะเดินลงรถไปตบหน้าเวินหนิงมากนัก อยากจะให้เธอรู้ว่าอะไรคือการเคารพผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาวู่วามแบบนี้
ตอนบ่ายฝ่ายตระกูลยวี๋ได้ประกาศยกเลิกงานแต่งไปฝ่ายเดียวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเบื้องหลังได้แสดงออกแล้วว่าจะเปลี่ยนเวินหลานที่เป็นคนแสดงเป็นนางเอกในเรื่องที่เป็นของตระกูลยวี๋
นั่นเป็นหนังที่เวินหลานใช้เวลาเตรียมตัวเป็นปีในการที่จะถ่ายทำ พอเธอเองที่ทราบข่าวเรื่องนี้ก็ทำเธอนั้นเป็นลมไปเลย ตอนนี้ก็ยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลย