“แกเป็นคนบอกให้ลู่จิ้นยวนยกเลิกการลงทุนร่วมกับตระกูลยวี๋ใช่มั้ย? แกไปเล่นของอะไรใส่มัน โครงการมูลค่ากว่าร้อยล้านนั่นบอกจะถอนก็ถอน แกรู้หรือเปล่าเพราะเรื่องนี้ทำให้ยวี๋เฟยหมิงกับน้องสาวของแกต้องเลิกกัน แล้วตอนนี้เวินหลานเองก็นอนอยู่ที่โรงพยาบาล ร่ายกายอ่อนแอจนต้องฉีดวิตามิน เรื่องเป็นแบบนี้เพราะแก”
เวินฉีโม่ที่เห็นเธอไม่ยอมเดินมาหานั้นก็เป็นคนเดินลงจากรถมาสั่งสอนเธอเอง
เวินหนิงขมวดคิ้วแน่น เรื่องนี้เวินฉีโม่ไม่น่าจะโกหกเธออยู่แล้ว งั้นก็แสดงว่า ลู่จิ้นยวนได้ยกเลิกการทำงานร่วมกับตระกูลยวี๋แล้ว นี่……เพื่อเธออย่างงั้นหรอ?
พอแบบนี้แล้ว ทำให้เธอนั้นสับสนไปหมด แต่เธอไม่ได้แสดงออกมา กลับเงยหน้ามองเวินฉีโม่“คุณคิดว่า ฉันมีความสามารถมากขนาดนั้นเลย?”
เธอนั้นไม่กล้าที่จะเชื่อว่าลู่จิ้นยวนจะทำแบบนั้นเพื่อเธอ ผู้ชายอย่างเขา เหตุผลต้องมาก่อนทุกสิ่งอยู่แล้ว ปกติที่เขาทำอะไรก็ไม่มีความรู้สึกอะไรอยู่แล้ว จะมาตัดสินใจทำแบบนี้เพื่อผู้หญิงคนหนึ่งได้ยังไง
ต้องเป็นเพราะตระกูลยวี๋มีเรื่องอะไรแน่ๆ
“ต้องเป็นเพราะตระกูลยวี๋มีปัญหาเอง ถึงทำให้หุ้นตกได้ขนาดนี้ ตระกูลลู่ถึงได้ถอนหุ้น คุณชายเวินคะ คุณโยนความผิดมาให้ฉันแบบนี้ ไม่รู้สึกย้อนแย้งหรือไง? ในเมื่อในสายจาคุณแล้วฉันเป็นแค่ขยะที่ไม่ควรจะที่จะมีบนโลกนี้ด้วยซ้ำ จะเอาความสามรถนั้นมาจากไหนกัน”
เวินฉีโม่โกรธจนพูดไม่ออก นิ่งไปสักพัก“น้องสาวของแกโดนนี้กระทบแรงมาก แกก็เป็นพี่ ก็ควร……”
“ไม่”เวินหนิงที่ฟังจบนั้นก็หมดความอดทนในที่สุด พูดกล่อมเธอไม่ได้แล้วจะมาใช้ความความรู้สึกให้ช่วยงั้นหรอ?
แต่เธอกับเวินหลานมีความรู้สึกที่เป็นพี่น้องกันที่ไหนล่ะ เวินหลานเห็นเธอมีชีวิตที่ดีกว่าไม่ได้ เธอก็เช่นกัน ดอกไม้ที่แสนบริสุทธิ์ตอนนี้แย่แค่ไหน เธอก็มีความสุขมากแต่นั้น
“ได้ ได้ ตอนนี้แม้แต่น้องสาวของแก แกก็ไม่ใยดีแล้ว แม่ของแก แกก็ไม่ใยดีใช่มั้ย?” เวินฉีโม่ที่เห็นเวินหนิงนั้นใช้ไม้แข็งไม่ได้ ไม้อ่อนก็ไม่สำเร็จนั่นก็ต้องใช้วิธีนี้แหล่ะ
เขาพูดจบ เวินหนิงก็ใช้สายตาที่เหมือนมองขยะที่แสนจะน่ารังเกลียดนั่นมองไปที่เขา ทำให้เวินฉีโม่นั้นรู้สึกผิด
ใช้แม่ของเธอนั้นมาขู่เธอครั้งสองครั้งก็ไม่พอ เธอมีพ่อแบบนี้ได้ยังไง?
“ฉันรู้แล้วว่าแม่อยู่บ้านพักคนชราที่ประเทศเอ็ม การจะไปหาแม่นั้น มันขึ้นอยู่กับเรื่องของเวลาเท่านั้น”เธอจ้องเวินฉีโม่เขม็ง ไม่อยากให้ปฏิกิริยาใดๆของเวินฉีโม่นั้นรอดพ้นสายตาเธอไป
ตามตาด สายตาที่แสนจะมั่นใจเมื่อสักครู่นั้นเป็นประกายเล็กน้อย
เธอถึงจะแน่ใจว่าแม่ของเธอนั้นอยู่ประเทศเอ็มจริงๆ
ตอนนั้นที่จางหยาหลินได้ส่งรูปมา รายละเอียดบนรูปนั้นเธอขอให้ไป๋อี้อันนั้นไปสืบดูแล้ว ถึงจะไม่ได้ตำแหน่งที่แน่ชัด แต่ก็รู้ว่าอยู่ประเทศไหน และตำแหน่งที่ได้คือจังหวัดหนึ่งในประเทศเอ็ม
ปัญหาอย่างเดียวคือไป๋อี้อันไม่ได้มีอำนาจใหญ่โตในประเทศเอ็ม จะไปหาแต่ละที่ๆ เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร
“คุณคิดว่าตอนนี้ฉันควรไปหาลู่จิ้นยวน ขอให้เขาช่วยฉันหาแม่แล้วหลุดพ้นจากการควบคุมของคุณ หรือยอมที่จะทำตามที่คุณบอก แล้วก็ทนแบบนี้อีกต่อไป?”
เวินฉีโม่คิดไม่ถึงว่าเธอจะมีความสามารถนี้ เขาชะงักไปเล็กน้อย ในแววตานั้นแวบผ่านความชั่วร้าย“แกคิดว่าฉันไม่กล้าจะทำอะไรแม่ของเธอจริงหรอ?”
ใจของเวินหนิงกระตุกเล็กน้อย ในใจก็รู้สึกไม่คุ้มกับแม่ของเธอเลย แต่ก็กัดฟันพูดไปว่า“ถ้าคุณกล้าทำอะไรแม่ของฉันละก็ ฉันทำลายตระกูลคุณทิ้งแน่ ให้คุณได้รู้ถึงความเจ็บปวดที่เจ็บเป็นร้อยเท่าพันเท่านั่นว่าเป็นยังไง คุณคิดว่าฉันจะทำมันได้หรือเปล่าล่ะ?”
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่า ถ้าเธอจะยอมตระกูลเวินเพราะแม่แล้ว จะเป็นการทำร้ายแม่ตัวเอง
การกระทำของคนพวกนี้นับวันยิ่งจะมากเกินไปแล้ว ถ้าเกิดวันไหนเธอไม่ให้ขู่แล้ว ก็อาจจะไม่ยุ่งกับแม่ของเธอแล้ว
ฉะนั้นแล้วเธอจะอยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป ต้องมีการสู้กลับบ้าง
“……”เวินฉีโม่เงียบไปแล้ว ถ้าเป็นเวินหนิงแต่ก่อนที่ไม่มีอะไรเลยนั้น ถึงเธอจะพูดอะไรเขาก็ไม่เชื่อ ไม่สนใจ
แต่ตอนนี้เบื้องหลังของเธอเป็นลู่จิ้นยวน ถ้าเธออยากจะเอาคืนตระกูลเวินจริงๆ ก็เป็นแค่การกระดิกนิ้วของตระกูลลู่แค่นั้น
เวินฉีโม่เคยผ่านความลำบากมาก่อนแล้ว คนแบบนี้มักจะยิ่งโหยหาความสุขสบายร่ำรวย เพราะแต่ก่อนลำบากจนกลัวแล้ว ทำให้ยิ่งกลัวสูญเสียพวกนี้เข้าไปใหญ่ เขาไม่กล้าเอาตระกูลเวินไปเสี่ยงหรอก
“เวินหนิง แกทำให้ฉันผิดหวังในตัวแกจริงๆ”เขาทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่หมดแรงนี้ แล้วหันหลังเดินกลับไปที่รถ
เวินหนิงที่เห็นเวินฉีโม่เดินไปแล้ว ก็ยิ้มหยัน ผิดหวังงั้นหรอ? หึ
เพียงเพราะเธอนั้นปฏิเสธการขอที่ไร้เหตุผลของเขานั้นก็เลยผิดหวังงั้นหรอ แล้วตอนที่พวกเขาคิดจะทำลายเธอครั้งแล้วครั้งเล่าล่ะ มันคืออะไร?
นี่มันหาเรื่องดีให้ตัวเองแล้วขู่คนอื่นชัดๆ
……
ชานเมือง สถานที่เล่นก๊อล์ฟที่สวนงามแห่งหนึ่ง
นายท่านลู่เดินอย่างช้าๆและมีลู่จิ้นยวนนั้นเดินตามหลังมา เดินอย่างไม่เร่งไม่่รีบ
บ่ายวันนี้ นายท่านลู่ได้โทรมากะทันหัน บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แล้วลู่จิ้นยวนก็มาที่นี่ แต่เขานั้นไม่ได้พูดอะไร แต่พาลู่จิ้นยวนเดินไปรอบๆ
ตอนนี้เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว แสงของพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินนั้นได้ย้อมสีท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงเลือดหมู สวยจนทำให้ละสายตาไม่ได้
นายท่านลู่มองแสงพระอาทิตย์นั่น ในที่สุดก็พูดออกมาว่า“จิ้นยวน การลงทุนร่วมกับตระกูลยวี๋นั้นมันยังไงกัน?”
ลู่จิ้นยวนใจกระตุกไปเล็กน้อย เรื่องนี้ยังไงก็ปิดท่านไม่ได้ เลยพูดตามเหตุผลที่เขานั้นได้คิดไว้แล้ว“ก่อนหน้า ผมได้กลับไปตรวจสอบดูการทำงานของตระกูลยวี๋มาแล้ว พบว่าการทำงานของเขามันล้าสมัย ถึงแม้ตอนนี้ยังคงมีฝีมือที่น่าชื่นชม แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะตลอดไป”
“เป็นแบบนี่หรอ?”นายท่านลู่หันกลับมามองเขาด้วยสายตาที่แหลมคม
ภายใต้สายตานี้ ยากที่จะปิดบังสิ่งที่ซ่อนไว้
“ครับ”ลู่จิ้นยวนตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์
“เป็นแบบนั้นจริงก็ดี”นายท่านลู่มองหลานชายที่สูงใหญ่ตรงหน้า ในใจพูดไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง
ถึงแม้เรื่องที่ลู่จิ้นยวนพูดนั้นจะเป็นเรื่องจริง แต่ด้วยประสบการณ์หลายปีของเขาแล้ว เรื่องมันไม่ใช่แค่นี้แน่ๆ
และที่เขานั้นไม่อยากเห็นที่สุดก็คือ ลู่จิ้นยวนจะทำเรื่องพวกนี้เพียงเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว
ผู้ชายคนไหนที่โดนให้ความรู้สึกเป็นตัวชักจูงแล้ว ยากที่จะประสบความสำเร็จในเรื่องต่างๆ
ยิ่งถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นเวินหนิง
“ตอนนี้แกกับเวินหนิงนั่นเป็นยังไงบ้าง?”นายท่านลู่ไม่ได้ไล่ถามเรื่องนี้ต่อ แต่กลับเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนาเป็นเวินหนิงแทน
“ก็ดีครับ”
ลู่จิ้นยวนคิดไปมา ก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม แค่คิดว่าในระยะเวลาไม่กี่เดือนนี้ ความสัมพันธ์ของเขาสองคนนั้นไม่ได้ตึงเครียดเหมือนเริ่มแรกแล้ว
แรกเริ่มลู่จิ้นยวนนั้นรู้สึกว่าเธอนั้นเป็นนักโทษคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงร้ายที่ทำได้ทุกอย่าง แต่หลังจากได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นแล้ว จากที่เคยคิดว่าความประทับใจที่ไม่ดีต่อเธอนั้นจะไม่มีวันเปลี่ยน ก็ค่อยๆเลือนหายไป
เขาหาความรู้สึกที่เคยโกรธและเกลียดเธอเข้ากระดูกนั้นไม่เจอแล้ว
นายท่านลู่ที่เห็นถึงความเรียบนิ่งในสายตาของลู่จิ้นยวนนั้นก็พอจะรู้แล้ว
ถ้าเป็นแต่ก่อน ลู่จิ้นยวนนั้นจะพูดว่าเกลียดเวินหนิงเป็นอย่างมาก และเขาก็ควรโกรธ เพราะผู้หญิงคนนั้นทำให้เขานั้นนอนบนเตียงมาเป็นเวลาสามปีเต็มๆ