“ฮ่าฮ่าฮ่า คือ เธอเป็นลูกค้าเก่าของผม แล้วตอนนี้ก็มีชื่อเสียงที่ต่างประเทศด้วย ผมก็แค่พูดลอยๆ คุณอย่าคิดมากเลย!”
เฉิงหยางยิ้มแห้งๆแล้วเปลี่ยนประเด็นไป เวินหนิงขมวดคิ้ว เธอรู้ดีว่ามู่เยียนหรานคนนี้ต้องรู้จักลู่จิ้นยวนแน่นอน ไม่งั้นเขาคงไม่แสดงปฏิกิริยาแบบนี้
แต่ว่า ในเมื่อเฉิงหยางไม่อยากพูด เวินหนิงก็ไม่จำเป็นต้องจี้ถาม แล้วนั่งเงียบๆปล่อยให้เขาทำผมต่อ
เวินหนิงจับกระโปรงแล้วเดินออกมา ลู่จิ้นยวนเห็นเธอตาก็เป็นประกายออกมา ผ่านมือของเฉิงหยาง ความสวยของเธอก็ถูกเผยออกมา แถมยังเป็นความสวยที่ต่างจากปกติซึ่งให้ความรู้สึกแปลกตามาก
“เป็นไงบ้าง ครั้งนี้พวกคุณออกไปก็คงดูดีดูเหมาะกันมากๆแน่ๆ” เฉิงหยางเอ่ยกลบเกลื่อนคำพูดที่พูดไปเมื่อกี้
เวินหนิงฟังแล้วรู้สึกอึดอัด เหมาะสมกัน เธอจะกล้ามีความคิดแบบนี้ได้ยังไง ตระกูลลู่สั่งให้เธอปิดฐานะเธอเป็นความลับเลยรีบอธิบาย
“คุณเฉินคุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ ความสัมพันธ์ฉันกับคุณชายลู่ไม่ใช่แบบนั้น ฉันเป็นแค่พนักงานของเขา”
อารมณ์ลู่จิ้นยวนที่ค่อนข้างดี แต่พอได้ยินเวินหนิงรีบแบ่งเขตกับเขา อารมณ์ก็หายไปทันที แล้วเฉินหยางก็มองไปที่ทั้งสองอย่างประหลาดใจ
และแน่นอน คำพูดของเวินหนิงเขาไม่เชื่อแน่ คนอย่างลู่จิ้นยวนจะพาพนักงานมาทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง
“ไป” อารมณ์ของลู่จิ้นยวนกลับไปเยือกเย็นเหมือนปกติ
เวินหนิงก็ไม่เข้าใจว่าทำอะไรให้เขารู้สึกไม่พอใจ แต่เขาเดินไปแล้ว เธอคงอยู่ไม่ได้เลยรีบจับชายกระโปรงแล้วเดินบนรองเท้าส้นสูงไปอย่างยากลำบาก
ลู่จิ้นยวนก็ไม่สนว่าเธอจะเดินลำบากหรือเปล่า เรียวขายาวทั้งสองข้างก็ก้าวเดินอย่างรวดเร็ว
เวินหนิงวิ่งตามด้วยก้าวเล็กๆไปขึ้นรถ เธอไม่ได้ใส่ส้นสูงนานแล้ว พอเดินไปไม่กี่ก้าวก็รู้สึกเจ็บเท้า
แต่พอเห็นลู่จิ้นยวนตรึงสีหน้าไว้ เธอก็ไม่กล้าบ่นแค่แอบพึมพำในใจ หรือว่า อารมณ์เสียเพราะผู้หญิงที่ชื่อมู่เยียนหราน?
พอคิดไปคิดมาเวินหนิงก็รู้สึกหงุดหงิด เธอไม่ใช่คนที่เอ่ยถึงผู้หญิงคนนั้นก่อน ลู่จิ้นยวนระบายอารมณ์ใส่เธอแบบนี้ไม่มีเหตุผลเลย
“เข็มขัด” ลู่จิ้นยวนเอ่ยเตือนอย่างเยือกเย็น
“ออ รู้แล้ว” เวินหนิงคาดเข็มขัดนิรภัย จากนั้นระหว่างทางทั้งสองก็ไม่ได้พูดคุยกันอีก
รถก็แล่นมาจอดหน้างานอย่างรวดเร็ว
“เธอไปก่อน” ลู่จิ้นยวนให้เวินหนิงลงรถ ตัวเองจะไปทำธุระอย่างอื่นก่อน
เวินหนิงเดินเข้างานไปคนเดียว ในใจก็รู้สึกแปลกๆ ลู่จิ้นยวนให้เธอมาเป็นคู่ แล้วก็ทิ้งเธอคนเดียวแบบนี้อีก ทำไมอารมณ์ของผู้ชายคนนี้แปรปรวนบ่อยจัง
แต่ว่า เวินหนิงก็ขี้เกียจคิดมาก เธอไม่เชื่อฟังคำพูดของลู่จิ้นยวนไม่ได้ ก็เลยเดินตรงเข้าไปในงานที่กว้างใหญ่
พอเวินหนิงปรากฏตัวก็ดึงดูดผู้ชายในงานไม่น้อย ชุดกระโปรงสีขาวที่มีเกร็ดเพชรวิบวับ พอโดนแดดส่องก็เป็นประกายสวยงามเหมือนกับดวงดาว
ความรู้สึกที่ถูกมองก็ทำให้เวินหนิงหน้าแดง แต่ว่า เธอก็รีบบอกตัวเองว่าอย่ากลัว นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีในการฝึกฝนตัวเอง
พอเวินหลานที่กำลังพูดคุยกับแขกผู้ชายอยู่ก็สังเกตเห็น สิ่งที่ทำให้เธอหน้าแตกก็คือ สายตาผู้ชายที่เธอกำลังคุยด้วยมองเวินหนิงเป็นประกาย ถือแก้วแชมเปญแล้วเดินไปหา เหมือนจะรู้สึกสนใจในตัวเธอ
เป็นครั้งแรกที่เวินหลานถูกเมินในงานแบบนี้ เป็นเพราะช่วงนี้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียงไปบ้าง ผู้ชายที่เคยมาตอแยพวกนี้ก็ดูเฉยๆไปเลยทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ เวินหนิงเปิดตัวอย่างโดดเด่นก็ยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดไปอีก
เวินหลานเดินไปหาเวินหนิงด้วยรอยยิ้มแห้งๆ พร้อมยกแก้วขึ้น “พี่สาวมาแล้วเหรอ หนูเพิ่งเห็น เรารีบชนแก้วกันเถอะ”
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ร่างกายเวินหลานก็เอนไปหาเวินหนิง ไวน์ในแก้วก็กำลังจะสาดไปบนชุดเวินหนิง
เวินหนิงสังเกตเธอตั้งนานแล้ว เห็นว่าเธอจะทำอะไรปัญญาอ่อนอีกก็เลยหลบไปข้างๆ แล้วไวน์ในแก้วก็สาดไปที่พื้น
“เวินหลาน มีคนเดินผ่านไปผ่านมาในงานเธอระวังหน่อยสิ ต้องรักษามารยาทไว้อย่าไปทำให้ชุดคนอื่นสกปรก หรือว่าถ้าโชคร้ายก็อาจจะทำให้ตัวเองโป๊ก็ได้”
หลังจากที่เวินหนิงหลบได้ ก็เห็นท่าทางที่หงุดหงิดของเธอ ยิ้มอ่อนแล้วพูดเสแสร้ง ใครจะพูดไม่เป็นล่ะ?
วิธีปัญญาอ่อนของเธอ คิดว่าคนอื่นมองไม่ออกมั้ง
พอเวินหนิงพูดจบ ผู้คนก็เริ่มหันมองไปทางเวินหลาน
คนในวงการบันเทิง เพื่อที่จะได้ประเด็นร้อนพาดหัวข่าว แม้แต่ยางอายก็ไม่มี
เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่แปลกๆของผู้คน เวินหลานก็รู้สึกโมโห แต่ที่เวินหนิงก็พูดอย่างมีเหตุผล เธอก็ไม่อยากจะมีเรื่องด้วยแค่ยิ้มอ่อนแล้วเดินผ่านเวินหนิง “แกอย่าได้ใจ”
พูดจบเธอก็เดินไปอย่างสง่างาม
“เธอไปคิดวิธีการเอาอกเอาใจผู้ชายเพื่อตัวเองดีกว่า” เวินหนิงก็ไม่เกรงใจ กับผู้หญิงอย่างเวินหลาน ยิ่งทนเธอก็ยิ่งได้คืบจะเอาศอก
พอเวินหลานได้ยินก็รู้สึกโกรธจนหน้าแดง แต่ก็ตอกกลับอะไรไม่ได้
พอเห็นเวินหนิงกลับไปท่ามกลางผู้คน ความรู้สึกแบบนั้น เหมือนกลับไปตอนเวินหลานอายุสิบกว่าขวบ เธอเป็นคุณหนู แต่ตัวเองเป็นแค่ลูกเป็ดขี้เหร่ที่ไม่มีตัวตน
ไม่ได้ เธอจะให้เวินหนิงได้ใจต่อแบบนี้ไม่ได้
คิดไปคิดมา เวินหลานก็เห็นสร้อยคออัญมณีที่ตัวเองใส่ นี่เป็นสร้อยที่ผู้สนับสนุนให้เธอยืม ราคาหลายร้อยล้าน
สายตาเธอเป็นประกาย คิดได้ทันทีว่าเธอจะทำอะไร
……
เวินหนิงพูดคุยกับผู้คนไปสักพักก็รู้สึกเหนื่อย ผ่านไปนานแล้วลู่จิ้นยวนก็ยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรอยู่
เวินหนิงยืนไปนานๆก็รู้สึกเจ็บเท้ามาก เลยจะไปติดพลาสเตอร์บรรเทาความเจ็บที่ห้องน้ำ
เธอยืนอยู่หน้าอ่างล้างมือ กำลังก้มจัดการกับรองเท้าส้นสูงสิบสองเซนอยู่ ก็เลยไม่รู้ว่าเวินหลานเดินเข้ามา ในมือก็ถืออะไรบางอย่างอยู่พร้อมแอบยัดเข้ากระเป๋าเธออย่างระมัดระวัง
“เหอะ แค่รองเท้าส้นสูงก็ใส่ไม่เป็น ยังจะทำตัวเป็นผู้ดีอีก?” เมื่อเวินหลานลงมือเสร็จก็ยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วไปยั่วยุเวินหนิง
จะแกล้งทำตัวแบบเป็นผู้ดีก็ไม่มีประโยชน์ อีกเดี๋ยว เธอจะทำให้เวินหนิงขายหน้าแน่นอน