บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 72 ขโมยของ

เวินหนิงเงยหน้าอย่างประหลาดใจ “เกี่ยวอะไรกับเธอ?”

พูดจบ เธอก็ถือกระเป๋าแล้วเดินออกไป

เวินหลานมองตามแผ่นหลังเธอแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นเธอก็เดินไปท่ามกลางผู้คนแล้วทำตัวกระวนกระวาย “ตายแล้ว สร้อยที่ผู้สนับสนุนให้หายไป!”

เมื่อผู้คนได้ยินว่าของหาย ก็หันมองมา

สร้อยคอบนตัวเวินหลาน ราคาหลายร้อยล้าน ไม่ใช่เพราะอัญมณีที่แพง แต่เป็นเพราะนี้เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายที่คนออกแบบทำ ถือว่าเป็นตำนาน เพราะฉะนั้น มูลค่าในการเก็บสะสมไว้มีค่ามากกว่าอัญมณี

“นี่เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของมิสเตอร์สตีเฟ่น ถ้าหายไป……” เวินหลานกุมหน้าไว้ทำท่าทางเสียใจแล้วมีน้ำตาไหลออกมา

เมื่อทักคนเห็นว่าเธอเสียใจกับของที่หายไป ก็ลืมภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของเธอไป แล้วรีบเรียกผู้รักษาความปลอดภัยมาช่วยหาสร้อยในงานเลี้ยง

งานเลี้ยงก็ถูกคุมเข้มอย่างรวดเร็ว ให้แค่เข้า ห้ามออก

จากนั้นก็ทำให้ผู้คนเริ่มลำบากใจ บอกจะตามหาสร้อยคอนั่นแต่จะหายังไงนี่แหละปัญหา คนที่อยู่ที่นี่เป็นคนที่มีฐานะชื่อเสียง จะค้นตัวก็ไม่ได้

เวินหลานร้องไห้ไปสักพัก พอคนเริ่มสนใจเรื่องนี้ก็ค่อนเงยหน้าขึ้น “เมื่อกี้ที่ฉันไปห้องน้ำกลัวว่าสร้อยคอจะเปียกเลยถอดลงมา คงจะหายไปตอนนั้น”

เวินหนิงได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกแปลกใจ แล้วใช้มือคลำหาของในกระเป๋า มีของที่ไม่ใช่ของเธอแตะมือเธอ……

ต้องเป็นตอนที่เธอจัดส้นสูงที่ห้องน้ำเมื่อกี้แน่ แล้วเวินหลานก็แอบใส่เข้ามา!

สีหน้าของเวินหนิงซีดไป เธอค่อยเข้าใจว่าทำไมเมื่อกี้เวินหลานต้องมาคุยกับเธอ แต่รู้สึกตัวตอนนี้ก็คงจะช้าไป

ไม่นานก็มีคนชี้มาที่เธอ “เมื่อกี้เหมือนคุณผู้หญิงคนนี้ไปที่ห้องน้ำ เวลาตรงกัน”

ผู้หญิงที่เคยไปห้องน้ำเมื่อกี้ก็เปิดกระเป๋าให้คนมาค้นดู แต่เวินหนิงรู้ว่าไม่ว่ายังไงเธอก็เปิดกระเป๋าไม่ได้แน่นอน ถ้างั้นคง……

ไม่มีใครเชื่อว่าเธอโปร่งใสแน่นอน!

คำปฏิเสธของเวินหนิง ในสายตาของผู้คนเหมือนกำลังยอมรับ

“ดูเป็นผู้ดี แต่ทำไมขโมยของ”

“หรือว่าบนตัวเธอมีของที่ขโมยมา?”

เสียงซุบซิบดังขึ้น สายตาที่น่ารังเกียจแบบนั้นทำให้เวินหนิงใจสั่น เหมือนวันแรกที่กลับมาแล้วถูกคนเข้าใจผิดว่าเป็นมือที่สาม

“ฉันไม่ได้ขโมยของ” เวินหนิงขยับถอยหลังไป ในสายตามีทั้งสิ้นหวังแล้วก็ความโกรธ

เวินหลานจะใส่ร้ายเธอขนาดไหนถึงจะพอใจ?

“ถ้าเธอไม่ได้ขโมย ก็ให้พวกเราดูในกระเป๋าว่ามีหรือเปล่าก็จบ”

พูดไปด้วยก็มีคนมาแย่งกระเป๋าถือในมือเวินหนิง เวินหนิงจับไว้แน่น ทั้งสองก็ตรึงเครียดอยู่ ตอนที่กระเป๋าของเธอจะถูกแย่งไปก็มีเสียงผู้ชายเยือกเย็นดังขึ้น

“นี่กำลังทำอะไร? ดูครึกครื้นกันมาก”

ลู่จิ้นยวนไปจัดการงานกะทันหัน พอกลับมาก็เห็นภาพเหตุการณ์นี้ เขาเห็นสีหน้าเวินหนิงซีดขาว แล้วมองไปที่ผู้ชายที่กำลังแย่งกระเป๋าเธอ “คุณชายเซิ่ง แย่งของผู้หญิงต่อหน้าผู้คนเยอะแยะ ดูไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย”

เมื่อคุณชายเซิ่งคนนี้ได้ยินก็ปล่อยมือ “ถึงจะเป็นแบบนี้ แต่ผู้หญิงคนนี้เหมือนขโมยอัญมณีที่มีค่าไป นี่ คุณชายลู่ก็ต้องให้คนอื่นดูให้แน่ใจสิครับ”

ขโมยของ?

ลู่จิ้นยวนมองสีหน้าที่ไร้ความช่วยเหลือของเวินหนิง ตาของเธอแดง แต่ก็แสดงท่าทางที่ดื้อดึงไม่ยอม เขาเดินก้าวไปยืนข้างตัวเธอ

“ผู้หญิงคนนี้เป็นพนักงานของผม ปกติก็เข้าออกห้องลับในห้องทำงานผม ถ้าจะขโมย ทำไมไม่ขโมยที่นั่น?”

“แล้วอีกอย่าง ผมคิดว่าทุกคนคงรู้กฎหมายดี เธอมีสิทธิ์ที่จะปกป้องของส่วนตัว ค้นตัวต่อหน้าผู้คน ผิดกฎหมายนะครับ”

น้ำเสียงที่หนักแน่นนี้ แล้วยังมองกวาดผู้คนอย่างเยือกเย็นจนทุกคนสงบลง ถ้าเป็นคนที่ลู่จิ้นยวนรู้จัก……

“อาจจะเกิดเรื่องเข้าใจผิดกัน”

“อื้อ ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปเช็คเถอะ”

จากนั้นลมก็เปลี่ยนทิศ ไม่อยากยุ่งเรื่องนี้กันอีก ถ้าเกิดกระตุกต่อมอารมณ์ของลู่จิ้นยวน ก็คงจะเสียเปรียบแน่นอน

ผู้คนเริ่มสลายตัวออกไป เวินหลานโกรธจนหน้าแดง “คุณชายลู่ ฉันรู้ว่าคุณกับพี่สาวฉัน……”

คำพูดที่เหลือเวินหลานไม่กล้าพูดต่อ สายตาลู่จิ้นยวนมองไปที่เธออย่างเลือดเย็น เหมือนมองของตายอะไรบางอย่าง จนเธอรู้สึกได้ ถ้าเธอพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ก็จะถูกผู้ชายคนนี้ฆ่าทันที

“ของของฉันหายไป คุณชายลู่จะไม่ให้ฉันหาเหรอคะ?”

เวินหลานกลืนคำพูดที่ไม่ควรพูดไปแล้วมองไปทางลู่จิ้นยวน ถึงจะกลัวแต่เธอเชื่อว่าลู่จิ้นยวนไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผลขนาดนั้น

“หา ก็ต้องหาอยู่แล้ว” ลู่จิ้นยวนเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ในเมื่อจะหา คุณก็ไปดูกล้องวงจร ไม่แน่คุณหนูเวินอาจจะลืมไว้ที่ไหนสักที่”

คำพูดของลู่จิ้นยวนพูดอย่างหนักแน่น เหมือนว่าเขาแน่ใจแล้วอย่างงั้น

คนอื่นได้ยินก็รู้สึกสมเหตุสมผลแล้วเอ่ย “งั้นก็รีบไปเช็คกล้องวงจรปิด”

“ในเมื่อคุณหนูเวินคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพนักงานของบริษัทลู่ งั้นผมก็จะรับผิดชอบแล้วจัดการเรื่องนี้เอง ขอให้ทุกท่านอยู่ที่นี่ก่อน อย่าเพิ่งใจร้อน” ลู่จิ้นยวนเอ่ยกับทุกคน เมื่อเห็นว่าเขารับเรื่องนี้ไว้คนอื่นก็ไม่อยากยุ่งอีก ควรทำอะไรก็แยกย้ายไปทำ

ลู่จิ้นยวนพาเวินหนิงไปที่ห้องกล้องวงจรปิด แล้วเวินหลานก็ตามมาอย่างไม่เต็มใจ

เวินหลานอดไม่ได้ที่จะพึมพำในใจ ลู่จิ้นยวนมาตอนไหนไม่มา ถ้ามาช้าอีกนิด เธอก็คงโยนความผิดไปให้เวินหนิง แล้วเธอก็จะไม่มีวันเงยหน้าขึ้นอีก

“เดี๋ยวก่อน” เวินหนิงตามหลังลู่จิ้นยวนอยู่ พอเห็นว่าไม่มีคนก็เลยดึงชายเสื้อเขาไว้ “สร้อยคอเธออยู่ในกระเป๋าฉัน เธอแอบใส่เข้ามาตอนที่ฉันก้มจัดรองเท้าในห้องน้ำ ในนั้นไม่มีกล้องวงจรแน่นอน”

วินาทีนี้เวินหนิงรู้สึกชื่นชมกับการกระทำของเวินหลานมาก จงใจหาที่ที่ไม่มีกล้องวงจร ถ้าเมื่อกี้ไม่ใช่เพราะลู่จิ้นยวน เธอคงอธิบายแก้ตัวไม่ได้

“เธอเคยแตะของในนั้นหรือเปล่า?” ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้วแล้วมองไปทางเวินหลานที่เดินตามมาข้างหลัง

“ไม่” เวินหนิงส่ายหัว

“ไว้ใจเถอะ เรื่องนี้ผมจัดการเอง”

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset