พอรู้แบบนี้ สีหน้าที่เยือกเย็นของลู่จิ้นยวนก็ดูอ่อนโยนไปไม่น้อย
เขามองเข้าไปห้องนอนที่แคบนั้น ดูเหมือนเจ้าของห้องจะยังไม่ได้จัดห้อง ของก็วางเกะกะไปข้างๆ
เครื่องสำอางแล้วก็ของชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็กองรวมกันอยู่ ดูมีกลิ่นอายของหญิงสาววัยรุ่น
มองไปด้วย สายตาของผู้ชายคนนั้นก็เห็นหนังสือวางอยู่ไม่กี่เล่ม กำลังจะเดินไปดู เวินหนิงก็นึกขึ้นได้แล้วรีบออกมาจากห้องครัว
เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าในห้องนอนของตัวเองมีหนังสือเกี่ยวกับคนท้อง เมื่อกี้ลืมไป ตอนนี้ลู่จิ้นยวนอยู่ในนั้น ถ้าเขารู้ก็คงจะแย่แน่
“นายดูพอหรือยัง? ถ้าดูพอแล้วก็ออกไป” เวินหนิงเดินเข้าไปในห้องนอน ก็เห็นว่าเขากำลังมองของที่เธอวางอยู่บนเตียง ในใจก็สั่นวูบไปแล้วรีบเดินไปดึงผ้าห่มมาปิด หนังสือกี่เล่มนั้นก็ถูกเธอซ่อนลงไปใต้หมอนด้วย
“มีอะไรที่ให้คนอื่นดูไม่ได้?” เมื่อลู่จิ้นยวนเห็นว่าเธอกำลังไล่ แต่ก็ไม่มีทีท่าที่จะไปเลย
“เหอะเหอะ ของของผู้หญิง นายก็จะดู?” เวินหนิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่งอย่างไม่ร้อนตัว
“ไม่ใช่ว่าไม่เคยดูสักหน่อย” ลู่จิ้นยวนมองสำรวจเธอแล้วเดินใกล้เข้าไป “มีส่วนไหนของเธอบ้างที่ผมยังไม่เคยดู?”
ใบหน้าของเวินหนิงก็เริ่มแดง พวกเขาหย่ากันแล้ว สิ่งที่เคยเกิดขึ้นแต่ก่อน เธอก็คิดซะว่าเป็นแค่ความฝัน แต่ผู้ชายคนนี้เอาแต่เข้าใกล้เข้ามาทำไม?
“ตอนนี้เราไม่เกี่ยวข้องอะไรแล้ว” เวินหนิงคิดไปด้วยแล้วก็ดันหน้าอกผู้ชายคนนี้ออกมาจากห้องนอนด้วย
จากนั้นก็รีบล็อคประตู ถ้าเขาเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นก็แย่ล่ะสิ
“ตอนนี้ฉันจะกินข้าว เดี๋ยวก็จะอาบน้ำ ไม่มีเวลามาต้อนรับคุณ คุณชายลู่กลับไปเถอะค่ะ”
เวินหนิงมองไปที่สิ่งที่เธอกำลังต้มอยู่ ยังดีตอนที่เธออยู่ตระกูลลู่ก็เรียนทำอาหารกับเชฟมาบ้าง ไม่งั้นตอนนี้ตัวเองก็คงจะอดตายไปแล้ว
“เธอต้อนรับแขกแบบนี้หรอ?”
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เธอ กว่าเขาจะมาครั้งนี้ได้ ก็คงจะไม่ไปอย่างง่ายๆแน่นอน แล้วอีกอย่าง ใครจะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นคงยังไม่กลับมา?
ไม่แน่ใจเรื่องนี้ เขาไม่มีทางไปเด็ดขาด
“งั้นคุณคิดอยากทานข้าวเย็นที่บ้านของฉัน?” เวินหนิงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
อาหารที่เธอทำก็แค่กินได้ จะพูดว่าอร่อยก็ไม่ได้ ลู่จิ้นยวนเป็นบ้าอะไรไม่กลับไปกินอาหารที่เชฟระดับห้าดาวทำ แต่จะมายุ่งกับเธอที่นี่
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้”
ลู่จิ้นยวนมองไปที่ห้องครัวที่มีไอน้ำลอยออกมา แล้วก็ได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมาด้วย ความรู้สึกแบบนั้นเป็นความรู้สึกอบอุ่นของครอบครัวที่ห่างหายไปนาน
ความรู้สึกแบบนี้ สำหรับเขาถือว่าเป็นเรื่องแปลก แต่ก่อนลู่จิ้นยวนก็เห็นอาหารที่ดูดีว่างอยู่ต่อหน้า เขาไม่จำเป็นต้องรู้ว่าอาหารพวกนี้ทำออกมาได้ยังไง แค่รับประทานก็พอ
ตอนนี้เห็นแล้ว ก็รู้สึกว่า……น่าสนใจดี
โดยเฉพาะ ท่าทางของเวินหนิงที่สวมใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วกำลังยุ่งในห้องครัว ก็ทำให้เขารู้สึกพิเศษมาก
เขาไม่ใช่ไม่เคยได้รับเข้ากล่องจากคุณหนู แต่ว่า ทุกครั้งที่เห็นเข้ากล่องที่สวยงามที่วางอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่รู้สึกอยากอาหาร
ของพวกนั้น ก็แค่ภาพลักษณ์ปลอมๆที่พวกเธอสร้างขึ้น ความจริง อย่างเวินหนิงที่ทำกับข้าวปกติแบบนี้ดีกว่า
อย่างน้อย ก็ไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเสแสร้ง
เมื่อเวินหนิงเห็นว่าลู่จิ้นยวนไม่มีทีท่าว่าจะไปจริง ก็ขี้เกียจที่จะสนใจเขา จะทำให้ตัวเองแล้วก็เด็กในท้องหิวไม่ได้ ในเมื่อเขาจะอยู่ต่อ งั้นก็ทำอาหารสุดพิเศษให้เขาละกัน ดูว่าเขาจะแสดงปฏิกิริยาอะไร
คิดไปด้วย เวินหนิงก็เดินกลับไปที่เตาแก๊ซแล้วปิดไฟ
เธอทำแค่ซุปไข่มะเขือเทศ ซุปสาหร่าย นี่เป็นอะไรที่เรียบง่ายมาก
จากนั้นก็ตักซุปออกมาสองถ้วย เวินหนิงใส่เกลือหนึ่งช้อนลงไปในซุปถ้วยหนึ่ง พอลองชิมแล้วก็รู้สึกเค็มมาก
เหอะเหอะ เธออยากจะรู้ว่าลู่จิ้นยวนจะทนต่อไปได้หรือเปล่า
เวินหนิงยกซุปทั้งสองถ้วยไป จากนั้นก็ตักข้าวสองถ้วย แล้วนั่งลงบนเก้าอี้อย่างนิ่งเฉย ถ้วยตรงหน้าลู่จิ้นยวนเป็นถ้วยที่เธอใส่เกลือเข้าไป
ลู่จิ้นยวนตักซุปขึ้นมาหนึ่งช้อน แล้วส่งเข้าปาก จากนั้นคิ้วก็ขมวดเล็กน้อย
ซุปนี้ เค็มจนน่าสยดสยอง
เขามองเห็นเวินหนิงกินหน้าตาเฉย ก็อดไม่ได้ที่จะมองอาหารในถ้วยของตัวเอง จากนั้นก็ยืนช้อนไปตักซุปของเธอ
“นายทำอะไร?”
ลู่จิ้นยวนก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น “ผมชอบถ้วยของเธอมากกว่า เราเปลี่ยนกัน”
เวินหนิงเหมือนเด็กกำลังปกป้องของกินของตัวเอง แล้วรีบนำถ้วยของตัวเองไปข้างๆ จากนั้นก็รีบกินทันที
ลู่จิ้นยวนไม่ได้กินมื้อเดียวไม่เป็นอะไร แต่เธอจะทำแบบนี้กับเด็กในท้องไม่ได้
ลู่จิ้นยวนมองท่าทางที่รีบรนของเธอไปแบบนั้น เวินหนิงก็รีบจัดการอาหารในถ้วยให้หมด จากนั้นก็วางถ้วยลง “ฉันกินเสร็จแล้ว นายกินเสร็จก็กลับไปเถอะ”
เดี๋ยวเธอจะฟังดนตรีเพื่อเด็กในท้อง ไม่มีอารมณ์มาทะเลาะกับเขาอีก
ตั้งแต่ลู่จิ้นยวนที่มาถึงที่นี่ ก็ได้ยินเธอไล่ตลอด จากนั้นก็วางตะเกียบลง “แขกยังกินไม่อิ่ม แต่เจ้าของลุกออกไปจากโต๊ะก่อน แบบนี้คงไม่เหมาะสม”
นายเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่แล้ว เวินหนิงแอบคิดในใจ
“งั้นนายก็คิดว่าที่บ้านฉันสอนมาอย่างนี้แล้วกัน ฉันเหนื่อยแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อน” พูดจบ เวินหนิงก็วิ่งเข้าไปในห้องนอนโดยที่ไม่สนใจเขา
ปากบอกว่าจะพักผ่อน แต่ก็เอาแต่สนใจสถานการณ์ข้างนอก ลู่จิ้นยวนอยู่ที่นี่ เธอก็ยังรู้สึกกังวลใจ
กำลังคิดอยู่ เวินหนิงก็รู้สึกคลื่นไส้ ปกติเธอจะเป็นแบบนี้ทุกวัน ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเลยวิ่งออกมาจากห้องแล้วพุ่งเข้าไปในห้องน้ำ
ลู่จิ้นยวนวางตะเกียบตั้งนานแล้ว เมื่อเห็นท่าทางที่ร้อนรนของเวินหนิง สีหน้าก็ดูแย่ด้วย เขาก็เดินตามแล้วเคาะประตู “เวินหนิง เธอเป็นอะไร?”
ลู่จิ้นยวนก็นึกถึงเรื่องที่เธอลำไส้อักเสบได้ ผ่านไปนานขนาดนี้แล้วเธอยังไม่หายอีก?
คิดไปด้วย เขาก็กลับไปในห้องนอนของเวินหนิง ในเมื่อเธอทรมานขนาดนี้ ในบ้านก็ต้องมียาแน่นอน
ลู่จิ้นยวนเปิดลิ้นชักของเธอดู สุดท้ายก็เห็นตำแหน่งกล่องยาที่วางไว้ เขากำลังหาว่ามียากระเพาะหรือเปล่า แต่ทันใดนั้น ก็ถูกตัวหนังสือบนขวดยานั่นดึงดูด
กรดโฟลิก รับประทานระหว่างตั้งครรภ์
นิ้วมือของลู่จิ้นยวนที่กำลังค้นของหยุดลงบนขวดยานั้น จากนั้นก็เอาขึ้นมา
เมื่อแน่ใจแล้วว่านี่เป็นของที่คนท้องกิน ผู้ชายคนนั้นก็กัดฟันแน่น แล้วสายตาก็เยือกเย็นมาก
เพราะฉะนั้น เขาทายผิด
ที่เวินหนิงรีบร้อนจะหย่า ไม่ใช่เพราะจะรีบออกมาอยู่กับผู้ชายคนนั้น แต่ว่าเธอท้อง?