เวินหนิงนั่งอ้วกอยู่ในห้องน้ำอย่างทรมาน รู้สึกได้ว่าในท้องไม่เหลืออะไรแล้ว จึงพยายามลุกขึ้น
ขณะที่ล้างหน้าล้างตาอยู่ ก็มองออกไปทางประตู ต้องโทษลู่จิ้นยวนเลย ถ้าเขาไม่มาเธอก็คงไม่ตื่นตกใจ จนต้องมาอยู่ในสภาพน่าสมเพชแบบนี้
รีบๆไล่เขาออกไปจะดีกว่า
คิดได้ดังนั้น เวินหนิงก็ยกมือเช็คมุมปากก่อนจะเปิดประตูเตรียมเดินออกไปไล่ลู่จิ้นยวนออกจากบ้าน แต่หน้าประตูกลับมีใครคนหนึ่งยืนขวางอยู่
ลู่จิ้นยวนมองมาด้วยแววตาดำมืดสีหน้าราบเฉยยืนขวางประตู อยู่หน้าห้องน้ำ
เวินหนิงมองสีหน้าที่น่ากลัวของเขาแล้ว ก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาในใจ
ขณะที่กำลังจะถอยหนี เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาจับผิดของเขา ลู่จิ้นยวนกลับดึงแขนเธอไว้ “เวินหนิง เธอท้องเหรอ?”
ชั่วขณะนั้น ในหัวเวินหนิงขาวโพลนไปหมด
เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?
“คุณพูดเรื่องบ้าอะไร? ” สายตาเธอหวั่นไหวเล็กน้อย เวินหนิงยังคงทำเป็นนิ่ง “ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร ดึกมากแล้ว กรุณาออกไปจากบ้านฉันด้วย”
ลู่จิ้นยวนยิ้มอย่างเย็นชา ก่อนจะดึงลิ้นชักออกแล้วหยิบยาบำรุงสำหรับคนท้องออกมาโยนลงพื้นต่อหน้าเธอ “ยาพวกนี้สำหรับบำรุงคนท้อง ยังจะบอกว่าไม่ได้ท้องอีกเหรอ?”
“ที่เธอต้องรีบย้ายออกมาจากบ้านตระกูลลู่ ก็เพราะเรื่องนี้ใช่มั้ย? พ่อเด็กเป็นใคร?”
น้ำเสียงชายหนุ่มฟังดูเย็นชาสีหน้าเรียบเฉย แต่เวินหนิงก็ยังรู้สึกได้ถึงอันตรายที่แผ่มาจากตัวเขา
เวินหนิงสูดหายใจเข้าลึกๆ บอกตัวเองให้ใจเย็นไว้ “มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ เราหย่ากันแล้ว”
ท่าทางต่อต้านของเวินหนิงทำให้ชายหนุ่มโมโหขึ้นมากยิ่งขึ้น
“ไปโรงพยาบาลกับฉันตอนนี้”
ลู่จิ้นยวนพูดขึ้นขณะที่ดึงแขนเวินหนิงให้เดินตามเขาออกไป
“ฉันไม่ไป!”
เวินหนิงพยายามดึงแขนออก เด็กคนนี้เป็นลูกของเธอคนเดียว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับลู่จิ้นยวน และผู้ชายในคืนนั้นด้วย
“ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอ”
มือของลู่จิ้นยวนที่จับแขนเวินหนิงใหญ่และแข็งแรงมาก เหมือนคีมเหล็กก็ไม่ปาน จนเวินหนิงไม่สามารถสะบัดออกได้
ไม่นาน เวินหนิงก็ถูกลากออกไปนอกบ้าน ลู่จิ้นยวนไม่ได้พูดอะไรอีก เขายังคงกึ่งจูงกึ่งลากเธอตามไป
เมื่อเห็นว่าลู่จิ้นยวนกำลังจะพาเธอขึ้นรถ เวินหนิงก็รู้สึกหวาดกลัวมากขึ้น จนต้องตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วย! ฉันถูกลักพาตัวค่ะ ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย ขอร้องล่ะ ช่วยแจ้งตำรวจให้หน่อยค่ะ! ”
เวลานี้เวินหนิงยินดีไปสถานีตำรวจกับลู้จิ้นยวนมากว่าให้เธอไปตรวจการตั้งครรภ์ที่โรงพยาบาล
มันอันตรายเกินไป
ช่วงเวลาแบบนี้ ใต้ตึกจะมีคนเฒ่าคนแก่มาออกกำลังกายอยู่บ้าง พอได้ยินเสียงร้องตะโกนของเธอ ต่างก็พากันจ้องมองมา
ลู่จิ้นยวนมองเธอด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง “ผมกับภรรยาทะเลาะกันนิดหน่อย ต้องขออภัยด้วยครับที่ทำให้ตกใจกัน”
พอชายหนุ่มพูดไปแบบนั้น ผู้คนที่มองมาต่างก็พากันส่ายหน้า เรื่องภายในครอบครัวใครก็ไม่อยากเข้าไปยุ่ง
ป้าๆทั้งหลายที่ชอบนินทาชาวบ้านยังพูดขึ้นอีก “แฟนหล่อและรวยขนาดนี้ เธอก็อย่าเล่นตัวนักเลย เดี๋ยวโดนผู้หญิงคนอื่นแย่งไปแล้วจะมานั่งร้องไห้ขี้มูกโป่ง”
เวินหนิงอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ไม่คิดว่าลู่จิ้นยวนจะหัวไวแบบนี้ ขณะที่กำลังนึกสงสัยอยู่ เธอก็ถูกชายหนุ่มพาขึ้นไปนั่งบนเบาะหลังเรียบร้อย แล้วยังรีบล็อคประตูรถทันทีอีก
ตอนนี้เวินหนิงทำยังไงก็คงหนีไม่พ้นแล้ว
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอเองก็ไม่คิดจะหนีแล้ว ตลอดทางทั้งสองไม่พูดอะไรกันแม้แต่คำเดียว บรรยากาศในห้องโดยสารก็แสนจะอึดอัด”
ไม่นาน รถก็มาจอดหน้าโรงพยาบาล
ก่อนหน้านี้ลู่จิ้นยวนได้โทรฯแจ้งทางโรงพยาบาลแล้วว่าจะพาคนมาตรวจการตั้งครรภ์ ทางโรงพยาบาลจึงได้ให้คนมารอรับอยู่ด้านนอก
พอเวินหนิงลงจากรถ ก็ถูกพาไปยันห้องตรวจทันที
ลู่จิ้นยวนนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจ ด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอาการใดๆ บรรยากาศรอบตัวเขาก็เย็นยะเยือกจนคนรอบตัวยังรู้สึกหนาวสั่น
ไม่นานนัก ผลตรวจก็ออกมา
“คุณหนูเวินตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วครับ เด็กทารถค่อนข้างเล็ก แต่ยังถือว่าแข็งแรงดี”
คุณหมอที่เดินออกมาแจ้งผล สังเกตเห็นว่าสีหน้าลู่จิ้นยวนดูไม่ดีเอาซะเลย ไม่เหมือนคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อคน
เขากับเวินหนิงมีอะไรกันยังไม่ถึงเดือน ดังนั้นเด็กคนนี้ต้องเป็นลูกของชายชู้แน่นอน
ภาพความผิดปกติของเวินหนิงฉายขึ้นในหัวเขาเป็นฉากๆอย่างรวดเร็ว เป็นไปได้ว่าเธอวางแผนไว้ตั้งแต่ที่วันเธอโกหกว่าเธอเป็นโรคกระเพาะแล้ว
ตอนนั้นเขายังคิดจะให้หมอประจำตระกูลมาตรวจดูอาการให้เธออยู่ แน่นอนตอนนั้นเธอคงหัวเราะเยาะเขาอยู่ในใจ……
ผู้หญิงแพศยา!
ลู่จิ้นยวนชกไปบนกำแพงเต็มแรง จนคนที่ยืนอยู่ข้างๆสะดุ้งอย่างตกใจ นึกสงสัยในใจขึ้นมา
อาการแบบนี้ของท่านประธานลู่ น่าจะเกิดจากเด็กในครรภ์ของผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ลูกเขา? ลู่จิ้นยวนเป็นพ่อคนโดยไม่รู้ตัว?
ข่าวแบบนี้ถ้านักข่าวรู้เข้า คงจะได้ขึ้นหน้าหนึ่งเป็นแน่
เวินหนิงที่ถูกบังคับให้ตรวจร่างกาย ไม่ได้พยายามดิ้นรนมากนัก เธอถูกคนกลุ่มหนึ่งล้อมเอาไว้ ต่อให้จะพยายามแค่ไหนก็คงหนีออกไปไม่ได้อยู่ดี อีกอย่างเธอกลัวว่าจะมีกระทบกับเด็กในท้องด้วย
เธอไม่รู้จริงๆว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แล้วลู่จิ้นยวนเดินเข้ามาหา
สายตาเย็นชาของเขาจ้องมองไปตรงท้องน้อยของเธอ “ที่รีบย้ายออกจากบ้านตระกูลลู่ ก็เพราะเด็กมารหัวขนนี้เหรอ?”
“คุณช่วยพูดให้มันดีๆหน่อย เขาเป็นลูกของฉัน ไม่ใช่เด็กมารหัวขนที่ไหน”
เวินหนิงจ้องกลับด้วยแววตาไม่แม้แต่จะหลบหนี
ถึงแม้ว่าตอนนี้เด็กทารกในครรภ์จะยังไม่ได้ยินเสียงจากภายนอก แต่เธอก็ไม่อยากให้ลูกน้อยที่ยังไม่ทันได้เกิดมาก็ต้องมาฟังคำหยาบคายแบบนี้
“สองเดือน นั้นหมายความว่าเรายังไม่หย่าเธอก็ไปมั่วกับชู้ข้างนอกจนตั้งท้องแบบนี้ ไม่เรียกว่ามารหัวขนแล้วจะให้เรียกว่าอะไร?”
ยิ่งเวินหนิงพยายามปกป้องเด็กในครรภ์เท่าไหร่ เพลิงโทสะในใจของลู่จิ้นยวนยิ่งลุกโชนมากขึ้นเท่านั้น
“เวินหนิง ในโลกนี้ไม่มีใครที่หลอกลวงฉันแล้วยังสามารถเดินจากไปได้อย่างเป็นสุขหรอกนะ”
“เด็กคนนี้เธออย่าแม้แต่จะคิดว่าจะได้เก็บเอาไว้ วันนี้มาตรวจการตั้งครรภ์ พรุ่งนี้ก็เตรียมมาทำแท้งได้เลย”
ลู่จิ้นยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก เวินหนิงรู้สึกเหมือนเขากำลังราดน้ำเย็นลงบนตัวเธอ จนเธอรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ
“ไม่มีทาง! ตอนนี้เราไม่เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ฉันเอาเด็กออก? ฉันไม่ยอมเด็ดขาด ถ้าคุณกล้าทำ ฉันก็จะแจ้งความ”
“แจ้งความ? แล้วโพนทะนาให้คนทั้งโลกรู้ว่าเธอคบชู้ในระหว่างที่เราแต่งงานกันอยู่เหรอ? เวินหนิง ไม่คิดว่าเธอจะหน้าไม่อายได้ขนาดนี้นะ”
ยิ่งเวินหนิงปกป้องเด็กน้อยมากเท่าไหร่ ลู้จิ้นยวนยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น
ดูเธอจะแคร์ไอ้เด็กมารหัวขนนี้มากนะ
เธอหน้าไม่อายเหรอ? พอได้ยินลู่จิ้นยวนว่าเธอแบบนั้น เวินหนิงก็กำมือเข้าหากันแน่นขึ้น
เพื่อไม่ให้บ้านตระกูลลู่มาทำร้านเด็กคนนี้ เธอก็ยอมหย่าให้แล้ว ยังต้องการให้เธอทำอะไรอีก?
“เราแต่งงานกันเพราะเหตุผลอะไร คุณชายลู่ก็น่าจะรู้ดีแก่ใจ เด็กคนนี้ฉันไม่มีวันเอาออกเด็ดขาด ถ้าคุณยังจะทำร้ายเขาอีก ก็ข้ามศพฉันไปก่อน ไม่งั้นก็อย่าหวัง!”