เหอจื่ออันยกมุมปากขึ้น ตั้งแต่เขากลับเนื้อกลับตัว ออกจากวงการมืดมา ก็พยายามควบคุมตัวเองไม่เคยใช้กำลังกับใครอีก
ไม่คิดว่า ตอนนี้มีคนไม่ต้องการให้เขาได้อยู่อย่างสงบสุข
ไม่นาน เหอจื่ออันก็เริ่มต่อสู้กับกลุ่มบอดี้การ์ดชุดดำขึ้น ในลักษณะหลายคนรุมหนึ่งคน วางมวยกันจนดูไม่ออกว่าใครเป็นใคร
เวินหนิงมองจากในห้องด้วยความกระวนกระวายใจ เธอซาบซึ้งใจมากที่เหอจื่ออันรีบตรงดิ่งมาช่วยเธอ แต่ต้องมาสู้กับคนลู่จิ้นยวนมากมายแบบนี้ เธอกลัวว่าเขาจะตกที่นั่งลำบาก
ลู่จิ้นยวนมองท่าทางคล่องตัวและแรงไม่ตกของเหอจื่ออันด้วยสีหน้าเย็นชา เขาคิดมาตลอดว่าเหอจื่ออันเป็นแค่ขี้เหล้าที่ร่างกายอ่อนปวกเปียก แต่ดูแล้วน่าจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดซะแล้ว
ลู่จิ้นยวน ปรายตาไปทางเวินหนิงที่มองดูเหตุการณ์จากด้านในห้องที่มีกระจกบานใหญ่กั้นอยู่ เห็นได้ชัดว่าเธอดูกระวนกระวายและกังวลมาก
เธอกำลังเป็นห่วงเหอจื่ออัน
เห็นดังนั้น ลู่จิ้นยวนก็ยิ่งไม่พอใจ
ไม่นาน เหอจื่ออันก็ถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนยกมือเช็คเลือดที่มุมปาก ด้วยสีหน้านิ่งขรึม
เขาไม่ได้สู้กับใครมานานแล้ว คนพวกนี้ก็ถูกฝึกการต่อสู้มาอย่างดี จึงทำให้เขาเสียเปรียบอยู่บ้าง
“เหอจื่ออัน คุณ….คุณกลับไปเถอะ “เวินหนิงมองแล้วว่าเขาน่าจะสู้ไม่ไหว จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น”
“ฉันไม่เป็นไร” เหอจื่ออันมองสีหน้าเป็นกังวลของเวินหนิง ก่อนจะปรายสายตาไปทางลู่จิ้นยวน ที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“ถ้าไง คุณชายลู่ลองมาสู้กับผมมั้ย ถ้าคุณชายลู่ชกโดนตัวผมทีหนึ่ง ผมก็จะไปที่นี่ทันที”
เหอจื่ออันตั้งใจยั่วยุลู่จิ้นยวน เพราะถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เขาคงไม่สามารถพาเวินหนิงออไปจากที่นี่ได้ เลยต้องลองใช้แผนนี้ดู
ลู่จิ้นยวนยิ้มอย่างร้ายกาจ “ใช้แผนยั่วยุเหรอ?”
“คุณกล้ามั้ยล่ะ?” เหอจื่ออันเลียแผลตรงมุมปากเล็กน้อย “หลบอยู่ข้างหลังบอดี้การ์ดกลุ่มใหญ่แบบนี้ ดูไม่เป็นลูกผู้ชายเอาซะเลย”
ลู่จิ้นยวนทำเสียงคำรามในลำคอทีหนึ่ง ก่อนจะถอดเสื้อสูทที่เรียบกรีบออก ทั้งๆที่ท่าทางดังกล่าวก็ไม่ใช่จะไปทำเรื่องดีอะไร แต่มองยังไงทุกการเคลื่อนไหวของเขาก็ดูดีไปหมด
“เดี๋ยวถ้าผมลงมือหนัก คุณชายเหอก็อย่างร้องขอชีวิตแล้วกัน”
พูดจบปุ๊บ หมัดของลู่จิ้นยวนก็เหวี่ยงออกไปทันที
เขาจ้องไปที่ใบหน้าของเหอจื่ออัน และนึกไปถึงท่าทางและคำพูดของเวินหนิงเมื่อครู่ ต่อให้เขาฆ่าเหอจื่ออันให้ตาย ก็คงยังไม่สาแก่ใจเขาอยู่ดี
เวินหนิงยิ่งกังวลหนักกว่าเดิม เมื่อกี้นี้เหอจื่ออันเพิ่งเสียแรงไปกับกลุ่มบอดี้การ์ดของเขา และลู่จิ้นยวนเองก็ไม่ใช่ไก่อ่อน เขาฝึกการต่อสู้มาทุกรูปแบบ ต่อให้เหอจื่ออันสู้กับเขาตัวต่อตัวสองคน ก็ไม่น่าจะง่ายอย่างที่คิด
มองดูหมัดของลู่จิ้นยวนกำลังจะเหวี่ยงลงบนใบหน้าของเหอจื่ออันแล้ว เวินหนิงจึงดิ้นรนเปิดประตูออกมาโดยไม่สนใจกลุ่มคนที่พยายามจะกันตัวเธอไว้ “หยุดนะ!”
หมัดของลู่จิ้นยวนเฉียดโหนกแก้มของเหอจื่ออันไปนิดเดียว สายตาเย็นยะเยือกของเขามองไปทางเวินหนิง
“ฉันตกลง เลิกสู้กันได้แล้ว ฉันยอมทำตามที่คุณบอกทุกอย่าง พอใจหรือยัง!”
ขณะที่เวินหนิงพูดอยู่ เธอก็รู้สึกปวดแปลบที่ท้องน้อย เหมือนว่าทารกน้อยกำลังประท้วงกับการตัดสินใจของเธอ
“เวินหนิง เธอ…..”
เหอจื่ออันร้อนรนขึ้นมาทันที แต่เวินหนิงกลับไม่มีความลังเลใดๆ “ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ ขอโทษด้วย ฉันไม่ควรทำให้คุณต้องมาลำบากด้วยแบบนี้”
ลู่จิ้นยวนมองหน้าเวินหนิงที่นิ่งขรึม ทั้งๆที่ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปตามที่เขาต้องการแล้ว แต่ในใจของลู่จิ้นยวนกลับไม่รู้สึกซะใจแม้แต่น้อย เขากลับรู้สึกโกรธจนอยากฆ่าคนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าให้ตายอยู่ตรงนี้
ทำมาปกป้องกันและกันต่อหน้าเขาเหรอ?
ช่างรู้สึกน่าขยะแขยงซะจริง
“ได้ยินหรือยัง? แล้วช่วยไสหัวออกไปจากที่นี่ด้วย” ลู่จิ้นยวนมองไปทางเหอจื่ออันด้วยสายตาที่หมาเน่าตัวหนึ่ง
เหอจื่ออันก็จ้องมองมาที่เขา เหอจื่ออันเกลียดความรู้สึกแบบนี้มากนัก แต่เรื่องในวันนี้ก็ทำให้เขารู้ว่า เขายังไม่แข็งแกร่งพอ อย่างน้อยก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ
“จื่ออัน ขอบใจมากนะ และขอโทษที่ทำให้คุณต้องมาเดือดร้อนด้วย”
เธอดันเขาทีหนึ่ง เธอไม่กล้าจะขอให้เขาอยู่ต่อ ถ้ายังสู้กันแบบนี้ต่อไป คนที่ต้องบากเจ็บคงไม่พ้นเหอจื่ออัน
“ฉันไม่เอาไหนเอง ขอโทษด้วย ” เหอจื่ออันกำหมัดไว้แน่นจนเล็บจิกกับเนื้อบนฝ่ามือ ในใจรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา
เขาจะจำความรู้สึกอับจนและเจ็บปวดนี้ไว้ ซักวันเขาจะเอาคืนลู่จิ้นยวนให้ได้
เขาสาบาน
…………
หลังจากเหอจื่ออันจากไป ห้องทั้งชั้นก็เงียบกรีบลงอีกครั้ง
เวินหนิงรู้สึกเหนื่อยมาก เธอไม่แม้แต่จะมองหน้าลู่จิ้นยวน ก็หันหลังจะกลับเข้าห้องที่เขาเอาไว้ขังเธอ
แต่ถูกลู่จิ้นยวนดึงแขนไว้ “เห็นหรือยังชายชู้ของเธอไร้ความสามารถแค่ไหน? เขายอมให้ลูกของเธอกับเขาถูกทำแท้งไปต่อหน้าต่อตา”
“แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเขาดีกว่าคุณหลายเท่า”
เวินหนิงสะบัดมือเขาออก เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำของเธอเหอจื่ออันก็รีบมาปกป้องเธอและลูกที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย แล้วลู่จิ้นยวนล่ะ……..
สิ่งทีเขาทำคือ แย่งชิงและทำลาย
“เธอ….”
ลู่จิ้นยวนมองดูด้านหลังที่เด็ดเดี่ยวของเวินหนิง คำพูดที่เธอพูดเมื่อครู่อาจไม่ได้เสียงดังมากนัก แต่มันกลับจี้ใจเขาอย่างแรง กว่าเขาจะได้สติ เวินหนิงก็เดินหายไปแล้ว
……..
วันถัดมา
แสงแดดยามเช้าสาดส่องมาจากทางหน้าต่าง แต่เวินหนิงกลับไม่รู้สึกอบอุ่นและสบายเลยซะนิด มันเหมือนสัญญาแห่งการคลาดชีวิตมากกว่า เตื่อนให้เธอรู้ว่าวาสนาของเธอและลูกในท้องที่มีต่อกันกำลังจะสิ้นสุดในไม่ช้า
“แม่ขอโทษ ลูกรัก”
เวินหนิงลูบท้องน้อยเบาๆ ดวงตาเริ่มเอ่อไปด้วยน้ำตา เมื่อคืนเธอนอนคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมามากมาย จากเริ่มแรกที่เธอรู้สึกเกลีดลูกคนนี้มาก จนสุดท้ายก็ลังเลจนต้องเก็บเขาไว้
และไม่รู้ว่าเธอเร่ิมแคร์ชีวิตเล็กๆนี้มากมายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอไม่มีความสามารถมากพอที่จะปกป้องเขาไว้ได้จริงๆ
“คุณหนูเวิน ห้องทำแท้งพร้อมแล้วครับ”
คุณหมอเคาะประตูเรียก เวินหนิงรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เธอไม่อยากให้ใครเห็นด้านที่เธอดูอ่อนแอ
เธอเดินไปที่ห้องทำแท้งอย่างนิ่งเฉย เวินหนิงไม่แม้แต่มองหน้าใคร ไม่ร้องไห้ไม่โวยวาย ความนิ่งสงบของเธอกลับทำให้ลู่จิ้นยวนไม่พอใจเท่าไหร่
เวินหนิงนอนลงบนเตียงผ่าตัด ไม่นานหมอก็ฉีดยาชาให้เธอ ยาชาค่อยๆออกฤทธิ์ จนร่างกายเธอเร่ิมไร้ความรู้สึก
“ความดันเป็นยังไงบ้าง?”
“เตรียมผ่าตัด”
พอเห็นเครื่องมือที่กำลังจะยื่นเข้าไปในกายเธอ เวินหนิงก็ร้องโวยวายขึ้นมาอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่
“ไม่นะ ลูกของฉัน”
ลู่จิ้นยวนที่รออยู่หน้าห้อง ไฟสีแดงในห้องฉุกเฉินทำให้เขามีความรู้สึกกระวนกระวายและกังวล
สักพัก หมอก็เดินออกมาด้วนสีหน้าลำบากใจ “คุณชายลู่ คนท้องร่างกายอ่อนแอมาก ยังสามารถตั้งครรภ์ได้ก็ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว อารมณ์เธอก็ดูไม่ปกติ ผมกลัวว่า……”