สีหน้าลู่จิ้นยวนเข้มขึ้น ก่อนจะจับข้อมือของเวินหนิง แล้วโยนเธอเข้าไปนั่งในรถ
“ที่ขอโทษ ก็เพื่อจะได้หนีไปจากฉัน แล้วไปอยู่กับเหอจื่ออันอย่างมีความสุขเหรอ?”
“เวินหนิง เพื่อเขาและลูกในท้องนี่เธอทำได้ทุกอย่างจริงๆเลยนะ”
ลู่จิ้นยวนยิ่งโมโหหนักกว่าเดิม กับผู้ชายอีกคนเธอกลับยอมทุกอย่าง
ยิ่งเป็นแบบนี้ เขายิ่งจะไม่ยอมให้พวกเขาได้สมหวังกัน
เวินหนิงรู้สึกเหนื่อยใจที่ทำยังไงเขาก็ไม่ยอมฟังเธอเลย และหลังจากนั้นไม่ว่าเธอจะพูดอะไร เขาก็ไม่สนใจเธออีก
ไม่นานรถก็ชะลอจอดสนิท
“ลงรถ”
เวินหนิงไม่อยากลงจากรถ แต่เห็นสายตาข่มขู่ของจากเขาแล้ว เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะใช้กำลังกับเธอได้ เธอจึงจำเป็นต้องลงจากรถแต่โดยดี
หลังลงจากรถ เธอก็เห็นว่าที่นี่เป็นคอนโดหรูใจกลางเมือง ที่ราคาแพงมาก และคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้สูงทั้งสิ้น
“พาฉันมาที่นี่……..ทำไม?”
เวินหนิงไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอต้องพักอยู่ที่นี่” ลู่จิ้นยวนโยนกุลแจใส่มือเธอดอกหนึ่ง “แล้วอย่าให้ฉันเห็นคนที่ไม่ควรเห็นอยู่ที่นี่เด็ดขาด”
เวินหนิงไม่อยากรับกุลแจไว้เลย ลู่จิ้นยวนต้องการควบคุมชีวิตเธอเหรอ? แต่เธอกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วนะ
และถึงแม้จะยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ เขาก็ไม่มีสิทธิ์มาควบคุมชีวิตเธอแบบนี้
ลู่จิ้นยวน คุณทำแบบนี้มันจะไม่…….”
“เธอเลือกเอาจะกลับไปที่โรงพยาบาล หรือกลับไปที่บ้านตระกูลลู่ อย่าคิดว่าหย่ากันแล้ว ฉันจะลืมเรื่องที่เธอเคยทำ”
ลู่จิ้นยวนมองเธอแวบหนึ่ง เขาแทบไม่เหลือทางเลือกให้เธอเลย
เวินหนิงคิดแล้ว อยู่ที่นี่น่าจะดีกว่า ดังนั้นเธอจึงจำต้องยินยอมโดยดี
“แล้วกระเป๋าของฉันล่ะ?” เธอเพิ่งนึกถึงข้าวของเครื่องใช้เล็กๆน้อยๆของเธอ
ลู่จิ้นยวนชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางตรงมุมห้อง เวินหนิงหันไปมองแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ
“พรุ่งนี้อย่าลืมเข้าบริษัทฯด้วย”
ลู่จิ้นยวนเห็นเวินหนิงยอมจำนงค์แล้ว สีหน้าก็เริ่มดีขึ้น ก่อนจะออกคำสั่งอีกครั้ง
เวินหนิงขมวดคิ้วเข้าหากัน เธอลาออกแล้วไม่ใช่เหรอ?
ว่าแล้ว ก็ทำให้นึกถึงงานที่เธอเพิ่งได้โดนลู่จิ้นยวนป่วนจนไม่เป็นท่า เพิ่งจะผ่านการสัมภาษณ์ก็มาหายเงียบแบบนี้ บริษัทฯที่ไหนจะรับเข้าทำงาน
“ยังไม่ได้ส่งมอบงานก็หนีหายไปเลย เธอคิดว่าบริษัทตระกูลลู่เป็นที่ที่นึกจะไปนึกจะมาก็ได้เหรอ?”
ลู่จิ้นยวนใช้เรื่องงานมากดดันเธอ
เวินหนิงคิดดูแล้ว งานเธอก็แค่ทำความสะอาดทั่วไป อย่างมากก็ชงกาแฟให้เขา หรือช่วยงานอันเฉินบ้าง งานแบบนี้มีอะไรต้องส่งมอบกัน?
“ก็ได้ แล้วฉันจะลาออกได้เมื่อไหร่?”
เวินหนิงขี้เกียจตอล้อต่อเถียงกับลู่จิ้นยวน อย่างมากก็แค่ส่งมอบงานเสร็จค่อยไป
“จนกว่าฉันจะพอใจ”
ฟังเขาพูกจบ เวินหนิงเองก็จนใจ
พูดก็เหมือนไม่พูด ดูท่าแล้ว ถ้าเขาไม่พอใจ เธอก็อย่าหวังว่าจะได้ออกจากบริษัทตระกูลลู่
แต่ขอแค่ลู่จิ้นยวนไม่บังคับให้เธอทำแท้งอีก เรื่องแค่นี้ก็ช่างมันเถอะ
เธอไม่เชื่อว่าลู่จิ้นยวนจะเก็บเธอไว้ข้างกายตลอดไป เขาคงไม่ใจดีถึงขนาดยอมให้เธอลาคลอดแล้วยังจ่ายเงินเดือนให้เธอด้วยหรอก?
…….
วันถัดมา
เวินหนิงตื่นนอนแต่เช้า หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ต่อรถไปที่บริษัทตระกูลลู่
ทำเลที่เธออยู่ดีมาก ทำอะไรก็สะดวกสบายไปหมด ถ้าเทียบกับห้องเช่าที่เธออยู่แล้วที่นี่ดีกว่ามากมาย
บางทีเธอก็ไม่เข้าใจลู่จิ้นยวนเลย อย่างเรื่องบ้าน ทั้งๆที่เขาออกจะเกลียดเธอมากขนาดนี้ แต่สิ่งที่เขาทำกลับเป็นการช่วยเธออีกทาง
แต่เธอก็ไม่อยากคิดอะไรมาก เธอออกไปหาข้าวเช้าง่ายๆกินรองท้อง ก่อนจะลูบท้องน้อยเบาๆ “แม่จะไปทำงานแล้วนะ หนูต้องเป็นเด็กดีนะ อย่าก่อกวนอีกนะล่ะ”
……..
เวินหนิงต่อรถประจำทางไปที่บริษัทตระกูลลู่ ขณะที่กำลังจะรูดบัตรผ่านประตูเข้าไป ก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น
“ให้ฉันเข้าไป ฉันรู้จักกับเจ้านายพวกแก”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันรู้จักเขา พวกแกฟังภาษาคนไม่เข้าใจหรือไง? รอฉันเข้าบริษัทฯให้ได้ก่อนเถอะ จะจัดการพวกแกเป็นคนแรกเลย”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงไม่เกรงใจใคร ด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง เวินหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนมองไปยันคนพูด
เวินหนิงต้องขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้น เธอคนนี้ดูคุ้นหน้ามาก
แต่เนื่องจากจะเข้างานสายแล้ว เธอจึงไม่ได้มองดูต่อ ถือซะว่าตาฝาดละกัน
หลิวเมิ่งเซวี่ยยืนอยู่ตรงหน้าประตู ผู้หญิงคนเดียวยืนด่ากับพนักงานรักษาความปลอดภัยหลายคน โดยไม่มีความเกรงกลัวใดๆ
ถ้าเทียบกับเธอที่เคยแต่งตัวธรรมดาราบเรียบแล้ว ตอนนี้แทบจะเปลี่ยนเป็นคนละคน
ทั้งเนื้อทั้งตัวแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพง ย้อมผมสีน้ำตาลดัดเป็นลอน ดูเป็นผู้ใหญ่และสวยกว่าตอนอยู่ในสภาพเด็กนักศึกษาอยู่มาก
หลังจากที่ได้รับเงินจากลู่จิ้นยวนมาก้อนหนึ่ง ขณะที่เธอส้มหล่นทับยังรู้สึกงงๆอยู่ ก็ใช้เงินดังกล่าวอย่างฟุ่มเฟือย ซื้อของฟุ่มเฟือยทุกอย่างที่ไม่เคยกล้าซื้อ จนตอนนี้เงินที่ได้ร่อยหรอไปเหลือเพียงครึ่ง
เงินเริ่มหมดไปอย่างรวดเร็วจากการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ทำให้เธอเกิดได้สติขึ้นมา
ความคิดในหัวครั้งก่อน ก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง
แทนที่จะกอดเงินล้านนั่งกินนอนกิน ไม่สู้จับผู้ชายคนไว้ดีกว่า เธอเช็คมาแล้วว่า ผู้ชายที่ไปหาเธอวันนั้นคื่อลู่จิ้นยวนที่ผู้หญิงทั่วเมืองเจียงเฉินฝันหาอยากได้มาครอบครอง และยังเป็นถึงทายาทเพียงคนเดียวของบ้านตระกูลลู่ด้วย
ถ้าได้แต่งงานกับเขา หรือได้เป็นคนรักของเขา แล้วมีลูกให้เขาสักคน แค่นี้ชั่วชีวิตนี้เงินทองก็มีให้ใช้ไม่หวาดไม่ไหวแล้ว
ดังนั้น เธอจึงตื่นมาแต่งตัวแต่เช้า แล้วต่อรถมาที่นี่ เพื่อจะได้เข้ามาทำงานในบริษัทตระกูลลู่ มาอยู่ใกล้ๆลู่จิ้นยวน ค่อยๆสานสันพันธ์กับเขาต่อไป
ไม่คิดว่าพวกพนักงานรักษาความปลอดภัยตาถั่วทั้งหลายจะไม่ยอมให้เธอเข้าไป
หลิวเมิ่งเซวี่ยสู้รบกับพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ จึงหยิบโทรศัพท์ออกมา “พวกแกรอก่อน เดียวฉันให้คุณชายลู่ลงมา ถึงตอนนั้นพวกแกต้องมาก้มหัวขอโทษฉัน”
พูดเสร็จ เธอก็โทรฯไปยันเบอร์ที่ลู่จิ้นยวนให้เธอไว้
ลู่จิ้นยวนที่นั่งรอเวินหนิงมาทำงาน เห็นมีเบอร์แปลกโทรฯเข้ามาก็ย่นคิ้วเล็กน้อย
“ใคร?”
ชายหนุ่มรับสายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ฉันเอง……” หลิวเมิ่งเซวี่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร เหมือนโดนใครรังแกมา
ลู่จิ้นยวนถามขึ้นอย่างรำคาน”เธอคือใคร?”
หลิวเมิ่งเซวี่ยเหมือนโดนฟ้าฝ่ากลางหัว เธอนึกว่าลู่จิ้นยวนที่อ่อนโยนกับเธอมามายในวันนั้น จะจำเธอได้ไม่ลืม ไม่คิดว่าแม้แต่เสียงของเธอเขายังจำไม่ได้
“ฉันคือหลิวเมิ่งเซวี่ย คือ ก็คือ…….ผู้หญิงในโรงแรมหมิงเซิ่ง”
หลิวเมิ่งเซวี่ยกลัวเขาจะวางสาย จึงรีบอธิบายเพิ่ม
ลู่จิ้นยวนถึงนึกขึ้นมาได้ว่าเป็นผู้หญิงที่เขานอนด้วยในวันนั้น เขาได้ทิ้งเบอร์ไว้ให้เธอจริง บอกว่าถ้าเธอคิดได้แล้วว่าต้องการอะไรค่อยโทรฯหาเขา
“เธออยากได้อะไร?” ลู่จิ้นยวนก็ไม่เสียเวลาพูดมาก เขาถามขึ้นมาตรงๆ
“ฉันอยากทำงานที่บริษัทตระกูลลู่ค่ะ” หลิวเมิ่งเซวี่ยกลัวลู่จิ้นยวนจะสงสัยจึงรีบพูดต่อ “ตอนนี้หางานยากมาก มหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร ที่บ้านเองก็ไม่มีคนรู้จักที่ไหนแนะนำงานให้ได้…..ฉันไม่รู้จะทำยังไงก็เลยต้องมาที่นี่ ไม่รู้จะรบกวนคุณมากไปมั้ย?”