สองพี่น้องหลังจากกินมื้อเช้าเป็นที่เรียบร้อย ก็เป็นเวลาที่ฟ้าสว่างพอดี เหยาจินฮวาที่อยู่บนเตียงนอนยังคงขี้เกียจ หลังจากหลินหลันส่งผู้เป็นพี่ชายออกไปนอกบ้านแล้ว จึงไปยังลานกว้างเพื่อหั่นสมุนไพรตากแห้ง
“โอะ…วันนี้หลินหลันอยู่บ้านด้วยรึ!”
หลินหลันเงยหน้าขึ้นมอง เป็นแม่สื่อหวังนั่นเองที่ยืนอยู่นอกรั้วและยิ้มหน้าบ้านเสมือนดอกเบญจมาศ นางกำลังยิ้มแฉ่งจนสามารถมองเห็นไปถึงฟันกราม ดวงตาหรี่เล็กลงจนกลายเป็นขีด ด้วยหางตาที่แคบลงจึงเผยให้เห็นรอยเหี่ยวย่นแบบที่ว่าสามารถดักแมลงวันสองตัวได้อย่างแน่นอน
หลินหลันเหลือบตามองบน แล้วตั้งใจมองไปรอบๆ แทน “เช้าขนาดนี้ทำไมข้าถึงได้ยินเสียงอีกาแก่ๆ ร้องนะ”
แม่สื่อหวังหุบยิ้มลง ตามด้วยมุมปากที่กระตุกขึ้นเล็กน้อย แล้วเอ่ยออกไป “แม่นางหลินหลัน พี่สะใภ้ของเจ้าอยู่บ้านหรือไม่”
หลินหลันสบทออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าหาพี่สะใภ้ของข้าด้วยเรื่องอันใดรึ พี่สะใภ้ของข้าก็ไม่ได้ต้องการเฟ้นหาผู้ใดอีกแล้ว ที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรให้เจ้าทำทั้งนั้น แม่สื่อหวังเชิญกลับไปเสียเถิด!”
แม่สื่อหวังอยู่ในแวดวงนี้มานานหลายสิบปี จับคู่รักไปแล้วไม่รู้กี่คู่ แบกรับคำบ่นจนนับไม่ถ้วน นางชินชากับคำดูถูกเหยียดหยามมานานแล้ว แม้กระทั่งไม้กวาดหรือมีดทำครัวต่างก็ได้พบเจอมาหมดแล้วด้วยเช่นกัน การฝึกฝนของผู้เป็นแม่สื่อแม่ชักไม่ใช่แค่เพียงอาศัยทักษะของริมฝีปากเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความหนาของระดับชั้นผิวหนังหน้าอีกด้วย เนื่องด้วยชื่อเสียงที่ไม่ดีนัก ตอนนี้จึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ขอให้นางเป็นคนกลาง ไม่ง่ายเลยที่ลูกค้าเก่าๆ ในอดีตจะกลับมาเต็มใจใช้บริการอีกครั้ง แล้วนางจะให้คำพูดของคนเพียงไม่กี่คำมาทำให้นางปล่อยผ่านไปได้อย่างไร
“โอ้! แม่นางหลินหลันช่างพูดจาติดตลกเสียจริง ทว่าข้ามาในวันนี้ก็เพื่อเจ้าโดยเฉพาะ รีบไปเรียกพี่สะใภ้ของเจ้าออกมาเถอะ!” แม่สื่อหวังเอ่ยพลางถือวิสาสะเปิดประตูรั้วออกด้วยตัวเอง
หลินหลันซึ่งกำลังถือมีดหั่นสมุนไพรอยู่ในมือ เดินพุ่งเข้าไปสามก้าวก็ถึงเบื้องหน้าของแม่สื่อหวัง ยืนเท้าเอวขวางทางเอาไว้ “ข้อแรก เรื่องของข้าข้าเป็นคนจัดการเอง ใครหน้าไหนก็อย่าได้เข้ามายุ่ง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแม่สื่อหวัง ข้อสอง แม่สื่อหวังชื่อเสียงเรื่องลือละบือนามยิ่งนัก ใครๆ ต่างพากันขนานนามให้เป็นมือผลักลงหลุมไฟ ดังนั้น ไม่กล้าใช้แม่สื่อหวังหรอก ข้อสาม เมื่อก่อนหน้านี้ไม่นานเจ้าแนะนำคนโง่งี่เง่าสองคนให้แก่ชุนฟาง ทำให้ลุงเฉินเหลียงโกรธเป็นอย่างมาก ลุงเฉินเหลียงป่าวประกาศออกมาว่า หากได้พบเจอแม่สื่อหวังจะต้องถลกผิวหนังของเจ้าออกให้ได้ หากเจ้ายังไม่ยอมไปอีกล่ะก็ ข้าจะรีบไปแจ้งให้ลุงเฉินเหลียงทราบทันที”
แม่สื่อหวังเมื่อเห็นหลินหลันมีท่าทีก้าวร้าวบวกกับแสงสะท้อนจากมีดหั่นผักที่อยู่ในมือ และเมื่อนึกไปถึงเฉินเหลียงชายชราผู้ดื้อรั้นขึ้นมาอีกครั้ง จึงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นและมุมปากก็กระตุกขึ้น นางเผยรอยยิ้มที่ดีกว่าร้องไห้นิดหน่อยออกมา “แม่นางหลินหลันไปได้ยินเรื่องไร้สาระเช่นนี้ที่ไหนมากัน เรื่องของชุนฟางนั่นมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด คนโง่งี่เง่าสองคนนั้นเพียงแค่ดูซื่อสัตย์และจืดชืดไปหน่อยก็เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้โง่จริงๆ หรอก เป็นชายผู้เฒ่าเฉินเองที่บอกว่าเขาต้องการหาผู้ที่มีความซื่อสัตย์ให้กับชุนฟาง ข้าแม่สื่อหวังทำหน้าที่เป็นแม่สื่อมาหลายสิบปี แต่ไหนแต่ไรมาก็ล้วนพูดกล่าวโดยยึดหลักมโนธรรมทั้งสิ้น…”
“คำพูดพวกนี้ เจ้าเก็บไว้ไปพูดกับลุงเฉินเหลียงเถอะ! ข้าไม่ได้มีหน้าที่ฟังคำพูดเหลวไหลของเจ้า อ่อ! พูดถึงโจเฉาโจเฉาก็มา นั้นไม่ใช่ลุงเฉินเหลียงหรอกหรือ เอ้…ลุงเฉินเหลียง…” หลินหลันยืดคอขึ้น โบกไม้โบกมือพร้อมมีดทำครัวและตะโกนเสียงดัง
แม่สื่อหวังที่กำลังตกใจ เอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน “หลินหลันจ๊ะ ข้านึกขึ้นมาได้ว่าข้ามีเรื่องด่วนที่ต้องไปจัดการ ข้าไปก่อนล่ะ ไว้วันหน้าค่อยมาใหม่!” แม่สื่อหวังหันหลังแล้ววิ่งไปทันที เท้าของนางสะดุดก้อนหินโดยไม่ได้ตั้งใจและล้มลงบนกองขี้โคลน แต่ก็ไม่ส่งเสียงร้องเจ็บปวด และไม่แม้แต่จะสนใจเก็บดอกไม้สีแดงดอกใหญ่ที่เคยติดอยู่บนหัว นางลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและวิ่งออกจากหมู่บ้านเจี้ยนซีด้วยความว่องไว
หลินหลันมองดูแม่สื่อหวังที่หายลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่า การหลบหลีกเอาตัวรอดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทักษะอันแกร่งกล้าของแม่สื่อหวังผู้นี้ด้วยหรือไม่
เหยาจินฮวานอนหลับสลบไสลอยู่ในห้อง กำลังฝันว่าหลินเฟิงทำไก่ย่างตัวอ้วนเนื้อนุ่มให้แก่นาง นางฉีกน่องไก่ออก กำลังจะกัดเข้าไปหนึ่งคำ ก็ถูกเสียงเรียงของหลินหลันปลุกให้ตื่น ไก่ย่างที่เพิ่งจะถึงขอบปากจึงหลุดลอยไป เหยาจินฮวารู้สึกโกรธมาก ทันทีที่ตื่นขึ้นก็ลุกแล้วเปิดบานหน้าต่างออก ส่งเสียงโวยดุด่าออกไป “ให้ตายสิ! ยังจะทำให้คนจะนอนไม่ได้นอนอีกหรือไง นังสารเลวที่ทำอะไรก็ไม่สำเร็จซักอย่าง…”
หลินหลันแม้จะได้ยินก็ไม่รู้สึกโกรธ และจงใจตะโกนเสียงเสียงพูดขึ้นท้องฟ้า “สวัสดีหัวหน้าหมู่บ้าน! พี่ชายข้าขึ้นเขาไปจับหมูแล้ว อ๋า…เมื่อกี้ท่านถามว่าใครกำลังด่าข้างั้นหรือ อ่อ! พี่สะใภ้ของข้าเอง ไม่ชอบที่ข้าทำงานเสียงดังเกินไปหน่อย จึงรบกวนนางซึ่งกำลังนอนหลับอยู่”
เมื่อเหยาจินฮวาได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกตี เจ้าเด็กผีคนนี้กำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรต่อหน้าหัวหน้าหมู่บ้าน? สิ่งนี้ทำให้หน้าของนางบูดบึ้ง ริมฝีปากของเหยาจินฮวากรนด่าในขณะเดียวกันก็ร้อนรนสวมใส่เสื้อผ้า จะต้องรีบออกไปแสดงตัวต่อหน้าหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อแสดงให้เห็นว่าเจ้าเด็กดีกำลังพูดโกหก ในหมู่บ้านเจี้ยนซีนี้ คนเดียวที่สามารถทำให้เหยาจินฮวาเกรงกลัวได้ก็คือหัวหน้าหมู่บ้าน
“หัวหน้าหมู่บ้าน…” เหยาจินฮวาไม่ทันได้หวีผม ก็รีบใช้น้ำในอ่างที่มีอยู่ลูบผมอย่างลวกๆ แล้วลุกลี้ลุกลนออกมาจากบ้าน แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหัวหน้าหมู่บ้านที่ลานนั่นด้วยซ้ำไป จะมีก็แต่หลินหลันเพียงคนเดียวที่กำลังนั่งหั่นสมุนไพรอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเล็ก
เหยาจินฮวาขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “แล้วหัวหน้าหมู่บ้านล่ะ?”
หลินหลันไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น “ไปแล้ว”
เหยาจินฮวาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ทำไมเจ้าถึงบอกกับหัวหน้าหมู่บ้านว่าข้ากำลังนอนหลับอยู่ จิตใจเจ้าทำด้วยอะไรหะ”
ดวงตากลมโตของหลินหลันกะพริบปริบปริบ เอ่ยอย่างไร้เดียงสา “เป็นข้าพูดที่ไหนกันล่ะ ไม่ใช่ว่าเป็นพี่สะใภ้ที่ตะโกนออกมาเองหรือ ยังจะทำให้คนจะนอนไม่ได้นอนอีก…” หลินหลันจีบปากจีบคอเลียบแบบเสียงของเหยาจินฮวา
เหยาจินฮวายังคงโกรธอยู่มาก แต่พอมาคิดๆ ดูแล้วก็เป็นนางเองจริงๆ ที่พูด อีกทั้งยังตะโกนออกไปเสียงดังมาก “ถ้าเช่นนั้นเจ้าทำไมไม่ช่วยข้าแก้ต่างหน่อยล่ะ ตอนนี้ข้ากำลังท้องกำลังไส้ อาการงีบหลับนั่นก็ถือเป็นเรื่องปกติทั่วไป”
หลินหลับหุบยิ้มลง “ก็ได้ ไว้ข้าเจอหัวหน้าหมู่บ้านคราหน้าจะช่วยอธิบายให้แล้วกัน ก่อนหน้านี้พี่สะใภ้ของข้างีบหลับเพื่อเตรียมมีลูก ตอนนี้งีบหลับเพราะกำลังท้องกำลังไส้ และในอนาคตจะงีบหลับเพราะเลี้ยงดูลูกมันยากเกินไป แบบนี้พอได้ไหม คราวหน้าคราวหลังพี่สะใภ้ก็จะได้รับความเป็นธรรมและนอนหลับได้อย่างสบายอกสบายใจ”
“เจ้า…ไม่ต้องแล้ว” เหยาจินฮวากัดฟัน อยากจะพุ่งเข้าไปหยิกซักหนึ่งที เหยาจินฮวาที่ปากเก่งต่อหน้าหลินเฟิง ทันทีที่พบกับหลินหลันก็เงียบเป็นเป่าสากไปโดยปริยาย ไม่อาจต่อกรโต้เถียงได้แม้แต่น้อย นี่เป็นสิ่งที่ทำให้นางปวดหัวเป็นที่สุด นางแทบรอไม่ไหวที่จะหาแม่สามีที่บ้าอำนาจ สามีที่หยาบคาย ดุด่าวันละสามครั้ง ตบตีทุกสามวัน ทำให้นางต้องระบายความโกรธด้วยหยาดน้ำตาทุกวัน ให้แก่นาง แล้วแม่สื่อหวังนั่นเกิดอะไรขึ้น อุตส่าห์ตกลงกันไว้อย่างดิบดีว่าจะติดต่อกลับในสองวันนี้ จนถึงตอนนี้แม้แต่เงาคนก็ยังไม่เห็น
เหยาจินฮวาที่อารมณ์ไม่ดีเริ่มใช้คำพูดทิ่มแทงและหยิ่งผยอง “ล้างชามหรือยัง ขัดหม้อหรือยัง เสื้อผ้าล่ะซักแล้วหรือยัง บ้านนี้ไม่เลี้ยงคนที่วันๆ ไม่รู้จักทำอะไรหรอกนะ”
หลินหลันนำสมุนไพรที่หั่นไว้แล้วเทลงใส่ตะกร้าอย่างช้าๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเอือมระอาเป็นอย่างยิ่ง “ก็เลี้ยงไม่ไหวไง! ดังนั้นพี่ชายของข้ายังไม่ทันฟ้าสร่างก็ขึ้นเขาไปจับหมูแล้ว ส่วนข้าน่ะ ยังไม่ทันสว่างดีก็ตื่นขึ้นทำงานและตอนนี้ก็จะต้องไปเขตเมืองเพื่อส่งสมุนไพรแล้วด้วย เพื่อแลกเงินมาสักสองเหรียญทองแดง เฮ้อ…เลี้ยงคนที่วันๆ ไม่รู้จักทำอะไรซักคนหนึ่งนี่มันช่างไม่ง่ายดายเลยจริงๆ ”
นั่นทำให้เหยาจินฮวาเกือบจะกระอักเลือดออกมา ใบหน้ามืดหม่นลงเฉกเช่นก้นหม้อ นางแทบจะเข้าไปตะครุบปากของหลินหลัน แต่ทว่าหลินหลันที่กำลังเช็ดมีดทำครัวให้สะอาด พลางโบกสะบัดมันไปมา มีดทำครัว ‘ปัก’ ลงบนเคียงไม้ ทำให้เหยาจินฮวารู้สึกเจ็บที่แปลบขึ้นส่วนหนึ่งส่วนใดบนร่างกาย รีบทิ้งความคิดที่จะต่อสู้กับหลินหลัน และคิดในใจขึ้นมา ไม่ได้กลัวสาวน้อยตัวแสบ กลัวก็แค่สาวน้อยจะล่อนมีดเข้ามาใส่ให้ เจ้าสาวน้อยผู้นี้นางเคยล่อนมีดทำครัวลอยออกไปเพื่อสับงูพิษที่กำลังคลานอยู่บนพื้นลงตรงกลางพอดิบพอดี
หลินหลันไม่ได้สนใจเหยาจินฮวาที่อยากจะต่อปากต่อคำกับนาง นางยังคงอ่อนโยนต่อเหยาจินอยู่บ้าง ต่อให้มาอย่างไม่เป็นมิตร นางก็ไม่กลัว หลักการของนางในการจัดการกับเรื่องต่างๆ ภายในบ้านหลังนี้คือ ข้อหนึ่ง ไม่พูดเรื่องแย่ๆ เกี่ยวกับเหยาจินฮวาต่อหน้าผู้เป็นพี่ชาย เพราะมันไม่มีประโยชน์ที่จะพูด พี่ชายถูกเหยาจินฮวาครอบงำแล้ว นางจึงไม่ทำอะไรที่ไร้ประโยชน์ ข้อสอง หากนั่นเป็นทางเลือกสุดท้าย ก็จะไม่สร้างความขัดแย้งกับเหยาจินฮวา ถือว่าทำเพื่อพี่ชาย นางจะต้องรักษาความสามัคคีแม้เพียงผิวเผินนี้เอาไว้ให้ได้ อย่างไรก็ตามหากเหยาจินฮวาทำเกินไป นางก็ไม่ไว้หน้าเช่นกัน หลินหลันแบกตะกร้าไม้ไผ่ขึ้นแล้วเดินออกไป พลางเอ่ยขึ้น “พี่สะใภ้ ข้าไปแล้วนะ คาดว่าค่ำๆ ถึงจะกลับ ข้าวกลางวันกับข้าวเย็นพี่ก็จัดการเองแล้วกันนะ! ไม่ต้องห่วงข้า”
เหยาจินฮวายังคงแอบพึมพำดุด่า ใครเป็นห่วงเจ้า ไม่ต้องกลับมาอีกจะดีที่สุด ไม่ได้การล่ะ นางจะต้องไปหาแม่สื่อหวัง จะได้รีบผลักไสนังสาวน้อยจอมร้ายกาจผู้นี้ออกไปเสียที