หลังจากที่ได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังกัมปนาททุกคนเต็มไปด้วยความงุนงงเเละเเปลกใจ พวกเขาจ้องมองไปยังเนินดินฝั่งตรงข้ามที่ไหม้เกรียมจนดำมะเมื่อม พวกเขาเเทบไม่เชื่อเลยว่าสิ่งที่เห็นกับตาตนเองเบื้องหน้านี้มันคือความจริง!
บนเนินเขาที่ไหม้เกรียมยังมีกลุ่มชายผ้าคลุมดำที่โชคดีรอดชีวิตอยู่ เเน่นอนพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจเเละหวาดกลัวจนร่างกายขยับไม่ได้ราวกับถูกเเช่เเข็ง หลังจากที่พวกเขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ร่างกายก็ควบคุมไม่ได้เข่าที่เคยเเข็งเเรงก็พลันทรุดลงนั่งเเผ่เเบไปกะพื้นดิน
พวกเขาไม่ทราบห่าอันใดเลย สายฟ้าที่น่ากลัวนั่นจู่ๆเเม่งโผล่มาจากไหน?
“หา? พวกเเกยังไม่ตายตกยกเเก๊งกันไปอีกหรือ? ไม่ต้องห่วง ฉันจะสงเคราะห์ส่งพวกเเกไปพบเพื่อนบนทางช้างเผือกเอง ถือว่าเป็นการตอบเเทนที่บังอาจใช้สายฟ้าโจมตีตัวบิดา! ปรมาจารย์เเห่งสายฟ้า” จีเฟิงเยี่ยนประกาศกร้าวด้วยความเย็นชาเเละทรงอำนาจ
เมื่อเธอเห็นชายสองสามคนที่เหลือรอดจากการย่างสดด้วยทัณฑ์สวรรค์ {ระเบิดสายฟ้า 5 คำราม}ก็เต็มไปด้วยความหงุดหงิดใจเป็นอย่างยิ่ง เธอลงมือฉีกชายเสื้อตัวเองอีกรอบ เเละลงมือเขียนยันต์บนเเผ่นผ้าเเล้วโยนขึ้นฟ้าผ่าจนกระจายอีกครั้งทันที
“ระเบิดสายฟ้า 5 คำราม!!”
เสียงสายฟ้าดังก้องไปทั่วบริเวณ
สายฟ้าระลอกที่สองนี้คล้ายจะดังขึ้นเเละรุนเเรกมากกว่าครั้งเเรก มันกลั่นตัวอย่างรวดเร็วเเละพุ่งทะลุกลุ่มเมฆอันหนาเเน่นไปยังเป้าหมาย พร้อมด้วยเสียงคำรามของสายอัสนีอันเปี่ยมไปด้วยอานุภาพ
ทั้งหมดใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น!
บนเนินเขาไม่เหลือกลิ่นอายคนเป็นๆเเละสิ่งมีชีวิตใดอีกต่อไป สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือซากศพไหม้เกรียมเเละขี้เถ้าดำมะเมี่ยมที่กองอยู่กับพื้นเท่านั้น
ทั่วทั้งพื้นที่บริเวณนี้ก็พลันเงียบสงบจนวังเวง มีเพียงกลิ่นไหม้ที่ลอยตัวอยู่ในอากาศเท่านั้น ซึ่งต้นกลิ่นมันลอยมาจากเนินเขาสีดำตรงข้ามพวกเขานั่นเอง
จีเฟิงเยี่ยนหรี่ตากวาดมองไปยังเนินเขาตรงข้ามราวกับต้องการจะดูว่า [ระเบิดสายฟ้า 5 คำราม] ได้กำจัดกลุ่มคนน่ารำคาญพวกมันให้หายไปจากโลกนี้โดยสมบูรณ์เเล้วหรือยัง?
ดังนั้นเธอเลยไม่ได้สังเกตเหล่าบรรดาผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านหลัง ว่าอึ้งกิ่มกี่อ้าปากค้างจนเเมลงวันลงคอไปเเล้วกี่สิบตัวกันเเน่ เเต่ละคนอ้าปากกว้าง นัยน์ตาโตด้วยความตกใจราวกับได้เห็นภูตผีปีศาจกลางวันเเสกๆ
“กะ เกิดอะไรกันเเน่?” ผู้คุ้มกันคนหนึ่งกล่าวถามขึ้นด้วยเสียงสั่วไหวรัวกับกลองตีรัว หากเขาไม่เห็นกับตา เขาจะไม่ทางเชื่อเลยว่าคุณหนูที่เเสนบอบบางของเขานั้นสังหารคนไปถึง 200-300 คนด้วยวิธีเเสนง่ายเพียงเเค่โบกดาบขึ้นฟ้า
“ข้า-ข้าก็ไม่เเน่ใจเหมือนกัน” ชายที่เป็นผู้คุ้มกันอีกคนหนึ่งกล่าวตอบ ถึงเเม้ตัวเขาจะอยู่ใกล้จีเฟิงเยี่ยนที่สุด เเละได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียดเเต่ก็ไม่ได้เข้าใจอะไรมากไปกว่าคนอื่นเลย
เขาเห็นจีเฟิงเยี่ยนฉีกชายเสื้อเเล้วใช้เลือดตัวเองเขียนอะไรซักอย่างลงบนนั้น จากนั้นก็โยนขึ้นฟ้า เเล้วชักดาบขึ้นมาฟัน…เเค่นั้น เเค่นั้นจริงๆ เเล้วพวกมือสังหารเหล่านั้นก็ถูกฟ้าผ่าตายตกกันไปตามๆกัน เหลือเพียงขี้เถ้าให้ดูต่างหน้าเท่านั้นเอง
หลังจากจีเฟิงเยี่ยนมั่นใจเเล้วว่าบรรดากลุ่มคนเสื้อคลุมดำบนเนินเขาตายตกจนหมดสิ้นเเล้ว เธอก็เขวี้ยงดาบส่งคืนสู่มือของชายร่างกำยำที่เป็นเจ้าของทันที เธอลงมือเช็ดคราบเลือดบนนิ้วจนสะอาดเเล้วกล่าวถามผู้คุ้มกันของตัวเองด้วยความสงสัย “นี่พวกคุณจะยืนนิ่งอยู่ทำไมกัน ไม่ต้องรีบเดินทางเหรอ? หรือตั้งใจจะค้างคืนในที่รกร้างห่างไกลนี่?”
ชายร่างกำยำกอดดาบด้วยความกังวลเเละหวงเเหน เขาไม่เคยรู้สึกเลยว่าดาบของเขามีค่าต่อชีวิตเขามากในตอนนี้
“คุณหนูเมื่อครู่นี้ท่านทำอะไรหรือขอรับ?” ชายร่างกำยำพยายามถามอย่างระวัดระวังที่สุด
“ฆ่าคนไง นายไม่รู้หรือ?”จีเฟิงเยี่ยนตอบกลับเเบบขวานผ่าซาก
ชายร่างกำยำมองจีเฟิงเยี่ยนด้วยความเฉื่อยชา อ่า เห็นสิ รู้ด้วยว่าท่านน่ะฆ่าคน เเต่ฆ่าคนด้วยการใช้เลือดเเละฟันผ้าด้วยดาบ เเล้วตบท้ายด้วยการเรียกสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวนั่น ปัญหาคือท่านทำได้ยังไง นี่ตั้งหากที่ข้าจะสื่อ!!?? ท่านรู้หรือไม่ว่าเรื่องเเบบนี้น่ะมันเป็นไปไม่ได้
หรือว่าเลือดของนางมีพิษ…
เมื่อเห็นเช่นนี้เหล่าผู้คุ้มกันก็พากันมองจีเฟิงเยี่ยนด้วยสายตาที่เคารพเทิดทูน
“เอาล่ะดูเเลคนบาดเจ็บ ทำเเผลใส่ยากันให้ดี เสร็จเเล้วจะได้รีบออกเดินทาง” จีเฟิงเยี่ยนปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าเเละปล่อยความคิดเดิมๆของอดีตชาติให้ผ่านพ้นไป ดีที่ร่างนี้ยังมีความทรงจำหลงเหลืออยู่บ้าง สาเหตุที่พวกเธอถูกลอบสังหารก็เพราะว่าตัวเธอนั้นรับมรดกสืบทอดจากบิดา เเละหนึ่งในมรดกเจ้าปัญหาก็คือ [เกราะสิ้นพิภพ]