เเม้ทิวทัศน์เมืองจีจะสวยสดงดงาม เเต่มันอยู่ห่างไกลชนิดติดชายเเดน จึงเเทบไม่มีใครที่ไม่เกี่ยวข้องกับเมืองเเห่งนี้ย่างกรายเข้าไปเลย กำเเพงเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยสูงส่งกลับปรากฏมอสมากมายเข้าปกคลุม ที่ช่องกำเเพงเล็กๆนั้นหญ้าจำนวนมากก็ได้ขึ้นเเทรกจนทำให้กำเเพงนี้ดูเก่าประดุจกำเเพงโบราณสถาน
ชายร่างกำยำผู้นำขบวนของจีเฟิงเยี่ยนได้เห็นกำเเพงก็เต็มไปด้วยตกตะลึงตึ้งเเฉ่! “นี่คือเมืองจีจริงๆรึ?”
เเม้พวกเขาจะรู้มาก่อนเเล้วว่าเมืองจีนั้นอยู่ไกล เเต่ก็ไม่ได้คิดเลยว่ามันจะไกลจนชิดติดชายเเดนอันรกร้างอีกทั้งเมืองก็เก่าดุจเมืองผีสิง
เมื่อคิดถึงความจริงที่ว่าคุณหนูของตนเองจะมาเป็นเจ้าเมืองที่นี่ก็ให้เจ็บปวดจนเเทบกระอักเลือด
“เมืองนี้ไม่เลว!”เสียงจีเฟิงเยี่ยนดังจากรถม้าจนเหล่าผู้คุ้มกันได้ยิน
ผู้คุ้มกันที่เพิ่งจะรู้สึกว่าคุณหนูของตนไม่ได้รับความเป็นธรรมก็พลันตกตะลึง พวกเขาเห็นจีเฟิงเยี่ยนยื่นหัวออกมาจากรถม้าเเล้วยิ้มให้กับเมืองจีอันน่าสมเพช
“ไม่เลว?” มุมปากของชายร่างกำยำพลันกระตุกอย่างรุนเเรง เมืองบัดซบนี้ใหญ่กว่าฝ่ามือเเค่นิดเดียว ทั้งเก่าทั้งเเก่จนทรุดโทรมเหมือนเมืองผีเเบบนี้เเล้วมีตรงไหนหรือที่ควรคู่กับคำว่าไม่เลว?
“ภูเขาสีเขียว นำ้ทะเลใสสะอาด ชื่อของมันก็ไม่เลว ฉันชื่อ จีเฟิงเยี่ยน เมืองนี้ก็คือเมืองจี เหมือนชื่อของฉันเลยว่ามั้ย? มันไม่ใช้โอกาสที่ยอดเยี่ยมเลยเหรอ?” จีเฟิงเยี่ยนพอใจกับเมืองจีที่เธอเห็นมาก
สิ่งที่ผู้บำเพ็ญเพียรต้องการมากที่สุดคืออะไร? เเน่นอนว่ามันก็คือสถานที่บ่มเพาะพลังที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายธรรมชาติที่อัดเเน่นไปด้วยพลังฟ้าดิน เช่นนี้ผู้บำเพ็ญตนจึงจะสามารถดูดซับพลังได้อย่างราบรื่นเเละรวดเร็ว อีกทั้งพลังที่ได้ก็จะบริสุทธ์มากขึ้นด้วย ดีเช่นนี้เธอจะปฏิเสธหรือนั่งร้องห่มร้องไห้เพื่ออะไร?
ระหว่างการเดินทางเธอได้สำรวจตันเถียนของตัวเองเเล้ว
ตันเถียนก็คือรากฐานอันเป็นเเหล่งกำเนิดของพลังเซียน ตันเถียนของจีเฟิงเยี่ยนในชาติก่อนนั้นได้ทนความยากลำบากในการบำเพ็ญต่างๆมากมายจนพลังเเข็งเเกร่ง เเละอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังเซียน ทว่าพอได้มาอยู่ร่างใหม่ตันเถียนของร่างนี้นั้นถูกทำลายจากความลำบากสมัยวัยเยาว์ไปเรียบร้อย
เเละนั้นก็คือเหตุผล ว่าทำไม่เธอต้องใช้ระเบิดสายฟ้า 5 คำรามถึง 2 ครั้งในการกำจัดพวกขยะ!
ตอนนี้จีเฟิงเยี่ยนต้องฟื้นฟูตันเถียนเพื่อบ่มเพาะพลังอีกครั้งอย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นอย่าว่าเเต่หนทางเป็นเซียนอมตะบ้าบออันใดนั่น เเม้เเต่ร่างกายอันบอบบางนี้คงได้พังทลายตายห่าก่อนเเน่
จีเฟิงเยี่ยนสัมผัสได้ เมืองจีนั้นเหมาะสมในการเป็นสถานที่รักษาตัวเเละบำเพ็ญเพียรอย่างยิ่ง เเต่บรรดาชายกำยำลูกน้องเหล่านั้นกลับคิดตรงกันข้าม เเต่ละคนมองจีเหิงเยี่ยนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ปวดร้าวเเละเห็นอกเห็นใจ
กาลเวลาที่ผ่านมานี้คุณหนูต้องเจอความโหดร้ายอันใดกันเเน่?
นางมาจากเมืองหลวง มหานครที่รุ่งเรืองที่สุดเเต่ทว่านางกลับบอกว่าเมืองจีที่เเสนน่าสมเพชนี่ว่า “เป็นเมืองที่ไม่เลว!” พวกเขาเเทบจะไม่อยากนึกอดีตอันเลวร้ายของนางเมื่อครั้งอยู่ที่ตระกูลจีในเมืองหลวงเลย
เหล่าผู้คุ้มกันรู้สึกเสียใจต่อ”อดีต”ของจีเฟิงเยี่ยน
ทุกคนมองไปที่จีเฟิงเยี่ยนด้วยความรู้สึก”ห่วงใยเเละเห็นอกเห็นใจ”จนจีเฟิงเยี่ยนรู้สึกสับสน ถ้าไม่ใช่เพราะคนพวกนี้ไม่รู้ถึงความจริงในเรื่องที่ตันเถียนเธอพังทลาย เธอก็คิดว่าพวกเขาห่วงใยเธอในเรื่องนั้นเเน่ๆ
“อ่า พอได้เเล้ว เจ้าไปบอกพวกเขาว่าเอกสารเเต่งตั้งถูกส่งมาถึงที่นี่เเล้ว ให้พวกเขาไปเชิญเจ้าเมืองคนก่อนออกมาส่งมอบหน้าที่” ชายกำยำกะเเอมไอขับไล่อารมณ์เห็นใจเมื่อครู่เเล้วรีบทำหน้าที่ทันที พวกเขาจะต้องช่วยคุณหนู ชักช้าไม่ได้
“หัวหน้า ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเมืองจีคนเก่านี้ก็คือคนในตระกูลเล่ย ตระกูลเล่ยเเละตระกูลของคุณหนูมีความสัมพันธ์ที่[ลึกซึ้ง]ต่อกัน บางทีเรื่องการปกครองที่นี่อาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่พวกเราคิด” ผู้คุ้มกันคนหนึ่งกล่าว
ตระกูลเล่ยนั้นก็เเทบไม่ต่างจากตระกูลจี พวกเขามีคนในตระกูลเป็นนักรบจุติ ปัจจุบันผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเจ้าเมืองจีก็คือ เล่ยซู หนึ่งในสมาชิกของตระกูลเล่ย
เล่ยซูนั้นมีบุตรชายอยู่คนหนึ่ง เขาชื่อ เล่ยมิน ซึ่งปีนี้เขาก็จะมีอายุ 20 ปีเเล้ว หลังจากจีเฟิงเยี่ยนเกิด หัวหน้าตระกูลเล่ยเเละตระกูลจีก็ได้ทำการหมั้นหมายเล่ยมินให้คู่กับจีเฟิงเยี่ยนเรียบร้อย ในสมัยที่พวกเขายังเด็ก เล่ยมินเคยไปเที่ยวเล่นกับจีเฟิงเยี่ยนหลายๆ ครั้งจนสนิทสนมเเละเล่ยมินก็เพิ่งออกจากเมืองหลวงมาอยู่ที่เมืองจีเมื่อ 5 ปีที่เเล้วนี่เอง