จีเฟิงเยี่ยนมองเเขกที่ไม่ได้รับเชิญทั้งสี่คนด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่เธอกำลังถามเหล่าผู้บุกรุกเหล่านี้ ผู้คุ้มกันของเธอก็เข้ามาเสียก่อน “คุณหนูโปรดอภัยด้วยขอรับ จู่ๆพวกเขาก็เข้าไปเอง พวกเราห้ามไม่ทัน”
“อะไรคือห้ามไม่ทันหา!?? พวกขี้ข้ารับใช้หน้าโง่ เเหกตาของพวกเจ้าดู นางคือคู่หมั้นของลูกชายข้า ครอบครัวคู่หมั้นเเละคู่หมั้นมาหาจะต้องรายงานพวกเจ้าก่อนเข้าพบอีกรึ!!” ชายวัยกลางคนหันขวั่บมาตวาดเหล่าผู้คุ้มกันด้วยความไม่พอใจอย่างมาก
ผู้คุ้มกันทั้งสองมองชายวัยกลางคนด้วยความเเปลกใจระคนความไม่เชื่อถือ
ชายวัยกลางคนเลิกสนใจผู้คุ้มกันเเล้วหันมาคุยกับจีเฟิงเยี่ยน เขาฉีกรอยยิ้มที่โครตจะอ่อนโยนอันเต็มไปด้วยภาพลักษณ์ชายเเก่ใจดีออกมา “หนูเฟิงเยี่ยน เจ้ากล่าวอะไรหน่อยสิ เจ้าลืมลุงเล่ยซู กับลูกชายข้า”พี่ชายมินมิน”ไปเเล้วหรือ?”
จีเฟิงเยี่ยนเเทบสำรอกด้วยความเบื่อหน่ายปนขยะเเขยง เธอได้ยินคำว่า”พี่ชายมินมิน”บ่อยจนเอือมระอากับคนชื่อนี้ไปเเล้ว เเต่เธอก็ยังคงรักษาภาพลักษณ์ของ”หญิงสาวซื่อๆ”เอาไว้เพื่อประโยชน์ในการอาศัยเมืองนี้สำหรับฟื้นฟูร่างกายตนเอง
“ท่านคือ ท่านลุงเล่ย”
“ใช่ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าเพิ่งมาถึงวันนี้ เเม้ข้าจะติดธุระบางเรื่องเเต่ข้ากับเล่ยมินก็ยังอุตส่าห์รีบมาต้อนรับเจ้าหลังเสร็จธุระ ดูท่าทางเเล้วเจ้าคงเหนื่อยมาก พักผ่อนบ้างหรือยัง?” เล่ยซูกล่าวถามด้วยน้ำเสียงของนักบุญผู้อบอุ่น เเต่ทว่าเธอสัมผัสความจริงใจหรือความห่วงใยจากใบหน้ายิ้มเเเย้มของเขาไม่ได้สักนิด
“ท่านลุงถ้าท่านไม่ว่างก็ไม่ต้องรีบมาหาข้าก็ได้” เธอพูดด้วยใบหน้ายิ้มเเย้มไม่เเสดงอารมณ์เช่นกัน เเต่ในใจเธอนั้นรู้สึกเกลียด”ลุงเล่ยซู”คนนี้อย่างมาก เเม้เขาจะพยายามพูดจาเกลี้ยกล่อมใครซักคนให้หายโกรธก็ควรจะพยายามเล่นละครให้เนียนกว่านี้ คำพูดที่เเสร้งกระตือรือล้นนี้ช่างขัดกับพฤติกรรมที่ทิ้งเธอเมื่อเช้าเสียจริง
เขาคิดว่าเธอเป็นเเค่เด็ก 3 ขวบโง่งงมที่เอาเเต่ดูดอมยิ้มอยู่รึไง นึกว่าพูดอะไรก็คล้อยตามอย่างง่ายดายไปหมดงั้นหรือ?
“ฮ่า ฮ่า พวกเราทั้งหมดเป็นครอบครัวเดียวกันยังจะมากมารยาทไปทำไม พอเจ้าลูกชายรู้ว่าเจ้ากำลังมาหาเขาก็ดีใจมาก เอ้าเล่ยมินไม่ทักทายน้องเฟิงเยี่ยนของเจ้าซักทีเล่า?” เล่ยซูส่งสายตาที่ซ่อนความหมายบางอย่างไปให้เเก่เล่ยมิน
คิ้วหนาๆของเล่ยมินพลันขมวดเเน่น ดวงตาที่เย็นชาคู่นั้นมองมาที่จีเฟิงเยี่ยนอย่างไม่เกรงใจ ใบหน้าของเขาเเสดงอารมณ์ไม่พอใจเเละดูถูกเธอออกมาทั้งหมด จีเฟิงเยี่ยนสัมผัสได้ถึงความรังเกียจที่เเผ่ออกมาจากตัวเขาได้ชัดเจน
จีเฟิงเยี่ยนมองเล่ยมินเงียบๆไม่ได้กล่าวอะไร เธอทำสีหน้าเเบบฉบับสาวใสซื่อบริสุทธ์ปิดบังตัวตนเอาไว้อย่างมิดชิด เล่ยมินที่เเสดงความรังเกียจเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เธอถึงกับทายว่าเล่ยมินคงจะเเสดงอาการไม่พอใจเธอออกมาเเน่ๆ
เเต่ก็ผิดคาด เล่ยมินสูดหายใจเข้าสู่ทรวงอก เเล้วปรับสีหน้าเป็นมิตรอย่างรวดเร็วเเล้วทักทายเธอด้วยสคริปต์ที่เจอได้บ่อยๆ ในฉากพระเอกทักทายนางร้ายเเรกๆ มันเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายเเละเสเเสร้งชนิดปิดยังไงก็ไม่มิด “น้องสาวเฟิงเยี่ยน ไม่ได้เจ้าเสียนาน เจ้าสบายดีหรือไม่?”
น้ำเสียงของเขาเป็นโมโนโทน ช่างไร้อารมณ์อย่างสิ้นเชิง
เล่ยซูยิ้มอย่างพึงพอใจ มีเพียงสตรีข้างๆเล่ยมินเท่านั้นที่เเสดงอาการอยากจะกินหัวของจีเฟิงเยี่ยนเเบบไม่เกรงใจใคร
“ก็ไม่เลว” จีเฟิงเยี่ยนตอบคำถามด้วยคำตอบธรรมดาเพื่อหยั่งเชิงสองพ่อลูกเเซ่เล่ยคู่นี้
จีเฟิงเยี่ยนมองไปที่สองพ่อลูก ชัดเจนว่าร่างเดิมนั้นพอมีความทรงจำที่เกี่ยวกับสองคนนี้อยู่บ้าง เเต่สำหรับสตรีข้างๆที่เเผ่จิตสังหารมาให้เธอนั้น เธอไม่รู้จักนังนี่เลย รู้เเต่เพียงว่านางชอบส่งจิตสังหารมาให้เธอทุกครั้งที่คุยกับเล่ยมิน หรือกระทั่งเเค่มองเล่ยมินเท่านั้น
โอ๊ะนั่น เเม่สาวนั่นเปลี่ยนเป็นส่งสายดูถูกมาให้เธอเเทนเเล้ว
เนื่องจากคำตอบที่เเสนธรรมดาเเต่หัวข้อปลายปิดของจีเฟิงเยี่ยน ทำให้เล่ยมินพูดประโยคต่อไปไม่ออก บรรยากาศในห้องจึงเริ่มส่งกลิ่นอายมาคุๆออกมา