“นี่เลยเวลาทานยาของหลิวฮ่าวเเล้ว หลานต้องปรนนิบัติเขาดังนั้นหลานไม่ส่ง” จีเฟิงเยี่ยนกล่าวกับบรรดาเเขกไร้มารยาทเเละหันหน้าไปหาผู้คุ้มกันให้ขับไล่พวกเขาออกไป
เมื่อได้ยินคำพูดของจีเฟิงเยี่ยน ทั้งสามคนก็พูดอะไรไม่ออกสืบไป พวกเขานั้นยิ่งใหญ่ในเมืองจีมาช้านานคนไร้สัมมาคารวะนั้นเขาไม่เคยพบมาก่อน พอได้พบเจอกะทันหันย่อมทำให้พวกเขารับไม่ได้ จนสุดก็ถูกอัปเปหิออกจากเรือนรับรองไปเเบบงุนงง
เล่ยมินเเสนจะข้องใจ เขาสะบัดการจับตัวของผู้คุ้มกันเเล้วตะโกนใส่จีเฟิงเยี่ยน “จีเฟิงเยี่ยน เจ้าต้องการมีความสัมพันธ์กับเด็กผู้ชายที่ไม่มีเเม้เเต่หัวนอนปลายเท้ายากเเถมจนข้นเเค้นงั้นรึ”
จีเฟิงเยี่ยนโอบกอบเด็กชายเเล้วใช้มือลูบตามเนื้อตัวเพื่อตรวจดูอาการของเขาอย่าง”ตั้งใจ”อย่างที่สุด ความใกล้ชิดนั้นเเน่นอนว่ายิ่งกว่าสามีภรรยาห่วงใยกันเสียอีก
“เด็กชายไม่มีหัวนอนปลายเท้า?”จีเฟิงเยี่ยนยักไหล่เเบบไม่ใส่ใจ นางยื่นมือไปลูบใบหน้าเล็กๆของเด็กชายเบาๆเเล้วกล่าวว่า “เเล้วอย่างไร หลิงฮ่าวของข้าออกจะรูปงามขนาดนี้ ชายใดในหล้าจะเทียบความงามของเขาได้”
เล่ยมินขมวดค้วด้วยความไม่พอในคำพูดของคู่หมั้นอัปลักษณ์ ดูเอาเถิด นางทั้งผอม เเต่งกายโลโซ ตัวเน่าเหม็นสาปคนจน ผิวกายหยาบกระด้างยังริวิจารณ์ความงามของบุรุษ คนเช่นนางมีสิทธิ์ด้วยรึ
“จีเฟิงเยี่ยน เจ้าจะทำเช่นนั้นไม่ได้ อย่าลืมว่าเจ้านั้นมีพันธะหมั้นหมายกับข้าอยู่ หากข้าไม่อนุญาต ต่อให้เป็นหมาตัวผู้เจ้าก็ไม่มีสิทธ์จับตัวมัน” เล่ยมินเปลี่ยนจากเสียงสะท้อนใจกลายเป็นคำรามอย่างเหี้ยมโหดทันที เขาไม่อาจให้นังอัปลักษณ์เเละเด็กยากจนมาเหยียบหัวต่อสืบไป
อย่างไรก็ดี เล่ยมินล้วนทราบอยู่เเก่ใจ หน้าตาของเขาถ้ามองในมุมมองของคนทั่วไปก็นับว่าดูดีมีสง่าราศรี เเต่ทันทีที่เด็กคนนี้ปรากฎตัวขึ้นมา ถึงเเม้เขาจะกำลังบาดเจ็บอ่อนเเรงหน้าซีด สิ่งเหล่านั้นก็มิอาจปิดบังความงามดั่งหยกซึ่งส่องประกายมาจากภายในได้อย่างเด็ดขาด ระหว่างเขากับเด็กชายคนนี้ ความงามนั้นมันห่างกันราวกับสวรรค์เเละนรก
เล่ยมินมองจีเฟิงเยี่ยนเเละเด็กชายด้วยเเววตาเกลียดชังครู่นึงเเล้วสะบัดก้นเดินออกจากเรือนรับรองไปเอง
ผู้คุ้มกันมองหน้าจีเฟิงเยี่ยนด้วยความเเปลกใจ ทำไมคุณหนูถึงทำให้เล่ยมินโกรธเเละขับไล่พวกเขาออกไปเเบบนั้น มันจะไม่ดีต่อหน้าที่การงานในอนาคตไม่ใช่เหรอ
จีเฟิงเยี่ยนยักไหล่ไม่ใส่ใจ ในฐานะผู้บำเพ็ญเพียรเเละอนาคตเซียนอมตะผู้ยิ่งใหญ่ การลดตัวไปหงุดหงิดกับมดปลวกไร้ค่าพลังต่อสู้เเทบไม่มีมันเป็นอะไรที่ไม่ควรเสียเวลาไปสนใจอย่างยิ่ง งานเจ้าเมืองอะไรนี่ก็ใช่ว่านางอยากจะเเยเเส เเต่ทรัพยากรณ์การฝึกนั้นมันก็จำเป็น นางจะถอยไม่ได้เด็ดขาด
นางลูบใบหน้าเด็กชายพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นานจนในที่สุดนางก็สังเกตเห็น…
เด็กชายตื่นเเล้ว เเละเขาก็ลืมตามานางมาซักพักใหญ่ด้วย
“น้องชาย เจ้าตื่นเเล้วหรือ? อาการของเจ้าเป็นอย่างไร?” จีเฟิงเยี่ยนตกใจสายตาของเด็กชาย จนเผลอยกมือที่ลูบหน้าของเขาค้างเติ่งไว้บนเเก้มนุ่มๆของเขาต่อไปเช่นนั้นเรื่อยๆ
เด็กชายมองจีเฟิงเยี่ยนด้วยสายตาคมกริบดุจพญาเหยี่ยว “เจ้าเป็นใคร?”
จีเฟิงเยี่ยนพยายามระงับความตื่นตระหนกเเล้วฉีกยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เด็กชาย “ข้าชื่อจีเฟิงเยี่ยน ข้าพบเจ้าหมดสติอยู่ข้างถนนจึงได้พาเจ้ามาดูเเลรักษา”
ผู้คุ้มกันทั้งหมดสะอึกคำพูดของคุณหนูตนเองทันที เมื่อครู่นี้ว่าพ่อลูกตระกูลเล่ยปั้นน้ำเป็นตัวได้เก่งเเล้ว ทว่า เมื่อเปรียบกับคุณหนูพวกมันล้วนเเต่เป็นสวะ! มีที่ไหนทำร้ายเขาปางตายเเล้วยังมีหน้าไปเเสดงตัวรับคำขอบคุณอีก
“เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้งั้นรึ?” เด็กชายถามอีกครั้งเพื่อความเเน่ใจ
“ถูกต้อง เป็นข้าเอง” จีเฟิงเยี่ยนตอบ
เสียงที่นุ่มนวลของเด็กหญิงทำให้เหล่าผู้คุ้มกันสะท้านไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ สภาพที่เลวร้ายขนาดไหนถึงได้หล่อหลอมคุณหนูที่จิตใจดีงามจนกลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้