เมื่อคำพูดออกมาจากปากของซูหลิงเฉิง ทุกคนในร้านก็จับจ้องมองไปที่ทั้งคู่ยังไม่อยากจะเชื่อ
เขาคาดไม่ถึงว่าจู่ๆคุณหนูซูจะท้าทายด้วยการเดิมพันหินหยกกับเด็กอัปลักษณ์ไร้ตัวตนคนนี้
ทุกคนมองไปที่จี้เฟิงเยี่ยนด้วยความสงสาร
ด้วยสถานะของคุณหนูซูที่สูงส่งและความสามารถในการพนันหินที่ยอดเยี่ยม ทำให้ทุกคนในเมืองที่แห่งนี้เกรงกลัว กระทั่งเจ้าของร้านก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะไปตีสนิทกับนาง ทว่าว่าเจ้าหนูอัปลักษณ์คนนี้กลับทำให้นางขุ่นเคือง และถูกหมายหัวจากนางจนได้
เมื่อต้องเผชิญกับความเห็นใจจากผู้คนจำนวนมากรวมกับความคาดหวังที่มากขึ้น เนื่องจากพวกเขาต้องการดูงิ้วสนุกๆ ของจี้เฟิงเยี่ยนและซูหลิงเฉิง
จี้เฟิงเยี่ยนที่เจอสถานการณ์นี้ถึงกับรอบยิ้ม
ดูเหมือนแม่เมียน้อยคนนี้จะไม่ค่อยชอบหน้านางสักเท่าไหร
ไม่มีปัญหา จี้เฟิงเยี่ยนมีหรือจะหลีกเลี่ยงความท้าทาย เรื่องพวกนี้เป็นของถนัดสำหรับอดีตผู้บำเพ็ญเพียรอย่างนางอยู่แล้ว เก่งไม่กลัวกลัวแต่ช้า นางตอบตกลงและเข้าสู่การแข่งขันทันที
จริงๆนางก็ไม่อยากสร้างความเดือดร้อนสักเท่าไหร่หรอก แต่ถ้าหากอีกฝ่ายหนึ่งยืนยันจะดูถูก ดูหมิ่นและกดขี่ข่มเหงนาง อย่างน้อยพวกเขาก็ควรจะมีคุณสมบัติที่จะสามารถทำได้สิ!!
“การเดิมพันที่ไม่มีของเดิมพันมันจะสนุกอะไร?” จี้เฟิงเยี่ยนเอ่ยขึ้นและมองไปที่ซูหลิงเฉิง
“เช่นนั้นหรือแล้วเจ้าอยากจะไปเดิมเดิมพันอย่างไรล่ะ?” ซูหลินเฉิงมองไปยังจี้เฟิงเยี่ยนด้วยความดูถูก
“เอิ่ม งั้น…. เอาอะไรดีล่ะ?” จี้เฟิงเยี่ยนมองไปที่ซูหลินเฉิงจากหัวจรดเท้า แม้ชุดของนางจะดูเรียบง่าย แต่แท้จริงแล้วมันคงจะราคาแพงมาก
แต่ก็นะ…….จี้เฟิงเยี่ยนไม่สนใจชุดมือสองจากนางหรอก นางมองไปยังที่จี้หยกที่ห้อยอยู่ที่เอวซูหลินเฉิง
ชิ้นส่วนของหยก พื้นผิวที่เรียบเนียนเป็นคลื่นชัดเจน ดูก็รู้ว่าคงจะมีราคาและคุณภาพที่ดีอย่างมหาศาลแน่ เเต่…นั่นมันเเค่เรื่องทางโลก สิ่งที่จี้จี้เฟิงเยี่ยนเห็นและดึงดูดใจนางจริงๆ คือพลังวิญญาณที่เปล่งออกมาจากหยกชิ้นนั้นต่างหาก
นั่นเป็นสีของพลังวิญญาณสีขาว ปริมาณของพลังนั้นหนาและเข้มข้นมาก แม้มันจะไม่ค่อยเสถียรก็ตามที ทันทีที่จี้เฟิงเยี่ยนได้เห็นซูหลิงเฉิง นางก็สังเกตหยกชิ้นนี้แล้ว
จริงๆแล้วนางอยากจะบอกว่า เพราะจี้หยกต่างหากทำให้นางสังเกตเห็น ซูหลิงเฉิง
“จี้หยกที่อยู่ที่เอวของเจ้า มันดูดีไม่เลวเลย เอาเช่นนี้ไหม ถ้าข้าสามารถชนะเจ้าได้ เจ้ายกจี้หยกชิ้นนี้ให้แก่ข้า” จี้เฟิงเยี่ยนบอกกล่าวด้วยอารมณ์ไม่ค่อยสนใจใยดีสักเท่าไหร่ ประหนึ่งว่าชิ้นหยกนั่นเป็นของไร้ค่าสำหรับนาง
ซูหลิงเฉิงหนังตากระตุกขึ้นมาทันที นางมองไปที่จี้หยกที่ห้อยไว้ที่เอวด้วยสัญชาตญาณอันแหลมคม เเละหันมามองจี้เฟิงเยี่ยนด้วยนัยน์ตาที่ซับซ้อน
จี้หยกชิ้นนี้เป็นของรางวัลที่ได้จากองค์หญิงใหญ่ ได้ยินว่าต้นกำเนิดของมันพิเศษมาก ซูหลินเฉิงเอามาติดตัวนางทุกวันเพื่อเป็นสิ่งนำโชค แต่นางไม่คิดว่าจี้เฟิงเยี่ยนจะเรียกร้องให้นางนำที่หยกนี้มาเป็นของเดิมพัน
แต่หลังจากคิดไปคิดมาซูหลินเฉิงก็สงบลง
ยัยเด็กอัปลักษณ์อับโชคคนนี้ มีอะไรสู้นางได้กัน เมื่อไม่แพ้ของเดิมพันก็จะไม่เสียจะคิดมากไปเพื่ออะไร?
“ได้สิ เเค่ของเล็กน้อย แต่เนื่องจากเจ้าได้ขอของเดิมพันแล้ว ก็เป็นตาของข้าที่จะขอเลือกสิ่งเดิมพันเช่นกัน” ซูหลินเฉิงหรี่ตามองไปที่จี้เฟิงเยี่ยนด้วยแววตาที่ชั่วร้ายซึ่งมันขัดกับรูปลักษณ์ที่งดงามของนาง
“ได้สิเจ้าต้องการอะไร?” จี้เฟิงเยี่ยนยิ้มตอบด้วยความสบายใจ
ซูหลินเฉิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และมองไปที่จี้เฟิงเยี่ยน นางทำหน้าแบบเหม็นเบื่อเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ข้าเป็นคนมีน้ำใจ ดังนั้นถ้าเจ้าแพ้ข้า ข้าไม่ต้องการอะไรจากเจ้ามาก แค่ต้องการให้เจ้าคลานสี่ขาไปตามท้องถนนของเมืองจีนี้นานสัก 1 สัปดาห์ เจ้าตกลงหรือไม่?”
คลานบนถนนในเมืองจี….
ทุกคนตกตะลึงกับการเดิมพันนี้ ไม่มีใครนึกเลยว่าคุณหนูซูผู้แสนอ่อนหวานจะเลือกการเดิมพันที่โหดร้ายเช่นนี้
จี้เฟิงเยี่ยนมองไปที่ซูหลินเฉิงด้วยแววตาเย้ยหยัน
เล่ยซูยังไม่ได้คืนตำแหน่งเจ้าเมืองจีให้กับนางและคนของเมืองจีทุกคนก็ไม่รู้ว่านางคือเจ้าเมืองคนใหม่
ถ้าหากนางแพ้และต้องคลานไปทั่วเมืองจีจริงๆ คงเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะในตอนที่นางได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองอย่างเป็นทางการเเน่
ยอดเลย ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แค่ไม่พอใจนางแบบธรรมดา แต่นางเกลียดจี้เฟิงเยี่ยนชนิดที่เข้าไส้
มุมปากของจี้เฟิงเยี่ยนยกขึ้นสูง “ตกลง ข้ายอมรับการเดิมพันนี้!”
การพนันหินของสองคนนี้ ดุเดือดเกินเดิมพันหินปกติไปแล้ว ทุกคนต่างตื่นเต้นและหันมาสนใจพวกนางทันที