ชายร่างกำยำที่พูดคุยกับจี้เฟิงเยี่ยนก่อนหน้านี้ เป็นคนเดียวที่รู้สึกประหม่า เมื่อจี้เฟิงเยี่ยนเเข่งเดิมพันหินกับคุณหนูซูคู่เก่งฉกาจ
ซูหลิงเฉิงมองไปยังจี้เฟิงเยี่ยน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยประกายแห่งความพึงพอใจ นางสั่งให้เจ้าของร้านเตรียมหินมาให้นางเลือก ซึ่งเจ้าของร้านก็เตรียมหินที่มีขนาดแตกต่างกัน บางก้อนใหญ่ บางก้อนเล็ก บางก้อนมีขนาดเท่าไข่นก ในขณะที่บางก้อนใหญ่เท่าครึ่งหนึ่งของตัวคน
“ข้าจะไม่เอาเปรียบเจ้า การเดิมพันครั้งนี้ก็ใช้เกณฑ์มูลค่าของแร่ มาตัดสินแล้วกัน” ซูหลิงเฉิงมองไปที่จี้เฟิงเยี่ยนแล้วกล่าวด้วยวาจาหยิ่งผยอง
“อ๋อได้สิ เอาตามที่เจ้าว่าเลย” จี้เฟิงเยี่ยนไม่สนใจอยู่แล้ว ถึงยังไงชัยชนะมันย่อมเป็นของนาง
ซูหลิงเฉิงหัวเราะเบาๆ ผู้คนที่ยืนมุงอยู่รอบๆต่างหัวเราะต่อกระซิบกันเรื่องว่าใครจะเป็นผู้ชนะ
วิธีตัดสินที่ซูหลิงเฉิงแนะนำมานั้น ฟังดูแล้วมันก็ดูจะยุติธรรม แต่จริงๆแล้วมันก็ซ่อนกลอุบายอันแยบยลเอาไว้
หินเหล่านี้แม้มีขนาดที่แตกต่างกัน ทั้งขนาดรูปร่างและพื้นผิวล้วนส่งผล ต่อแร่ที่อยู่ภายในทั้งสิ้น ดังนั้นยิ่งมีลักษณะดีเท่าไหร่มันก็ต้องยิ่งแพง แล้วเด็กที่ท่าทางยากจนคนนั้น จะเอาปัญญาที่ไหนมาจ่ายไหว
ที่สำคัญยังมีอีกอย่างหนึ่ง ซูหลิงเฉิงนั้นมีประสบการณ์ในการเลือกหินและเดิมพันแร่มาหลายครั้ง เมื่อรวมกับดวงที่มหัศจรรย์จึงทำให้นางกลายเป็นนักเลือกหินเเร่อันดับ 1
แล้วเด็กน้อยผู้น่าสงสารและยากจน ดูท่าทางก็ดูรู้แล้วว่าไม่รู้อะไร คนเช่นนี้จะมีปัญญาอันใดไปต่อสู้
ชัยชนะมันเห็นอยู่โต้งๆแล้ว
“เราจะตัดสินผู้ชนะในการเดิมพันครั้งเดียว ดังนั้นถ้าจะให้เจ้าเลือกก่อน ไม่ฉะนั้นคนอื่นอาจหาว่าข้ากำลังเอาเปรียบเจ้า”
ซูหลิงเฉิงแสดงท่าทางที่ยิ่งใหญ่และมีน้ำใจโดยการให้จี้เฟิงเยี่ยนเป็นคนเลือกก่อน แน่นอนว่าในขณะที่พูดนางก็ยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่หวานจับใจ
จี้เฟิงเยี่ยนเดินผ่านซูหลิงเฉิงไปอย่างรวดเร็ว นางเดินก้าวไปข้างหน้าโดยตรงและมองหาของหินราคาถูกที่สุด
สายตาของนางมองไปที่หินแต่ละก้อนทีละก้อน ซึ่งหินที่นางมองนั้นส่วนใหญ่เป็นหินที่มีรูปร่างประหลาด แลดูเป็นหินกากๆ เจ้าของร้านเตรียมเก็บลงถังเพราะเข้าใจว่าเป็นไปไม่ได้ว่าในนั้นจะมีแร่ชั้นดีอยู่ในแน่นอน ราคามันย่อมถูก
ความสนใจของทุกคนมุ่งไปที่จี้เฟิงเยี่ยน
พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าการเดิมพันหินผู้ที่เลือกหินก่อนนั้นไม่ได้ได้เปรียบแต่ประการใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่คู่ต่อสู้เป็นปรมาจารย์เเร่หินอย่างซูหลิงเฉิง มันจะเป็นการเสียเปรียบอย่างเต็มประตู
กลยุทธ์ก็แค่ง่ายๆ ให้จี้เฟิงเยี่ยนเลือกหินที่นางชอบใจไป 1 ก้อน และตบท้ายด้วยซูหลิงเฉิงเลือกมาอีก 1 ก้อน
ดังนั้นซูหลิงเฉิงก็จะจงใจเลือกหินแร่ที่มีเเนวโน้มจะมีมูลค่ามากกว่าของจี้เฟิงเยี่ยนออกมาเดิมพัน จากนั้นผลก็จะออกมา….
สุดท้ายแล้วชัยชนะก็ย่อมเป็นของซูหลิงเฉิง
ทุกคนที่มุงดูเรื่องนี้ล้วนเข้าใจกันอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่มีใครยอมเสี่ยงที่จะ เเตะหักกับซูหลิงเฉิง เพื่อช่วยเหลือเด็กอัปลักษณ์ที่ไม่คุ้นเคยและไม่รู้จัก
จี้เฟิงเยี่ยนเดินวนรอบกองหินอยู่นานในที่สุดสายตาของนางก็ตกไปยังหินที่ใหญ่ที่สุด
หินก้อนนั้นสูงเกือบเท่าจี้เฟิงเยี่ยน แต่ถ้าเป็นด้านขนาดก็นับว่าใหญ่กว่า
จี้เฟิงเยี่ยนตเเตะหินเบาๆ จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้กับซูหลิงเฉิง และกล่าวว่า “ข้าเลือกก้อนนี้”
ซูหลิงเฉิงตกตะลึงเล็กน้อยในขณะที่มองไปยังจี้เฟิงเยี่ยน นางถามอีกครั้งอย่างประหลาดใจ “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะเลือกหินก้อนนั้น?”
จี้เฟิงเยี่ยนทำหน้าตาไร้เดียงสาแล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ
ซูหลิงเฉิงยิ้มเยาะโดยที่ไม่พูดอะไรมาก นางสั่งให้เจ้าของร้านติดป้ายสีแดงบนแผ่นหินเพื่อระบุว่านี่เป็นหินที่ถูกเลือกโดยจี้เฟิงเยี่ยน
คนที่มุงดูเห็นว่าจี้เฟิงเยี่ยนเลือกหินที่ใหญ่ที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
ในสายตาของพวกเขา เด็กน้อยคนนี้เป็นเพียงแค่มือสมัครเล่น นางคงคิดว่ายิ่งหินใหญ่เท่าไหร่ คงมีแร่เยอะมากเท่านั้นกระมัง ถึงได้เลือกหินก้อนนั้น
ช่างน่าสงสารนางคงไม่รู้ว่าปริมาณและเกรดของหิน มันจะใหญ่หรือสูงเท่าใด มันล้วนไม่มีค่าต่อการคงอยู่ของมูลค่าแร่ภายในนั้นเลย
หรือถ้าหากภายในหินก้อนใหญ่นั้นมีแร่อยู่จริง มันก็คงเป็นการยุ่งยากที่จะผ่ามันออกมาและยิ่งถ้าเป็นแร่ขนาดเล็ก การผ่าหินก้อนใหญ่ขนาดนี้อาจจะทำให้ขาดทุนก็เป็นไปได้
ดังนั้นในการเดิมพันหินตามปกติ ไม่มีใครที่ไหนหรอกที่จะเลือกหินก้อนใหญ่