จี้เฟิงเยี่ยนพ่นลมหายใจลงต่ำเเละมองไปที่ก้อนหินที่นางได้เลือกเอาไว้อย่างเฉยเมย การจะผ่าเเร่หินก้อนใหญ่ก้อนนี้ ทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่นาง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยและดูถูกดูเเคลน
มีเเร่หินจำนวนไม่มากที่สามารถเทียบได้กับแร่ทองคำที่มีมูลค่า 13,000 เหรียญทอง เเละช่างโชคร้าย! เเร่ที่พอจะสามารถเทียบเคียงได้นั้น ล้วนไม่เคยปรากฎขึ้นในเมืองจีมาก่อน ไม่มีใครเชื่อว่า..เเร่ที่อยู่ภายในก้อนหินที่จี้เฟิงเยี่ยนเลือกเฟ้นมานั้น จะมีมูลค่าสูงกว่าเเร่ทองคำของคุณหนูซู
เจ้าของร้านมองไปที่จี้เฟิงเยี่ยนอย่างเฉยชาและเดินดุ่มๆเข้าไปหานาง ท่าทีของเขาช่างแตกต่างจากตอนดูเเลคุณหนูซูอย่างยิ่ง มุมปากของเขายกขึ้นสูงเเละกล่าวกับจี้เฟิงเยี่ยนด้วยน้ำเสียงราวกับพบขอทานมาขอซื้อหยก
“ลูกค้า…ราคาของหินที่เจ้าเลือกคือ 100 ทอง ตามกฎของร้านเรา หินก้อนใหญ่ขนาดนี้ค่าใช้จ่ายในการผ่าพิสูจน์เเร่คือ 3 เหรียญทอง ราคานี้ถือเป็นมาตรฐานเเล้ว เจ้าจ่ายไหวรึ?” จากนั้นเขาก็มองจี้เฟิงเยี่ยนตั้งเเต่หัวจรดเท้า เเล้วส่งสายตาดูเเคลนทันทีที่เห็นนางเเต่งกายด้วยชุดเก่าๆ
“ทำไมข้าจะจ่ายไม่ได้ล่ะ?” จี้เฟิงเยี่ยนตอบเเละถามกลับด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ถ้ามั่นใจว่ามีก็จ่ายมาซะ!!” เจ้าของร้านพูดอย่างหยาบคาย
จี้เฟิงเยี่ยนเลิกคิ้วและมองไปที่เจ้าของร้านอย่างเเปลกใจ เหอะ เขากำลังทำเรื่องยุ่งยากโดยไม่จำเป็น เขาหักหน้าจงใจหาเรื่องนางเเล้วจะได้รับเงินเพิ่มหรือ? จรรยาบรรณพ่อค้าทำไมถึงไม่มีเลย
“ทำไมข้าต้องจ่ายเงินก่อนด้วยล่ะ? ถ้าข้าจำไม่ผิดคุณหนูซูคนนี้ก็ไม่ได้จ่ายเงินก่อนผ่าหิน ถูกไหม?” อย่างน้อยเจ้าก็ควรรู้จักมาตรฐานการปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเท่าเทียม
เจ้าของร้านมองไปที่จี้เฟิงเยี่ยนอย่างร้อนรน “ก็คุณหนูซูเป็นลูกค้าประจำของร้านเรา และนางมีสถานะที่สูงมาก ดังนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ที่นางจะไม่ชำระเงินให้ข้า..แต่สำหรับเจ้า…นี่เป็นครั้งแรก!! นอกจากนี้เรื่องจากเก็บเงินเมื่อใด ต่อลูกค้าคนไหนถือเป็นสิทธิ์ขาดของร้าน ถ้าเจ้าจ่ายเเค่ 103 เหรียญทองไม่ได้เเละไม่พอใจร้านเราก็เชิญออกไปซะ อย่าอยู่ให้เกะกะอีก”
ทุกคนรอดูจี้เฟิงเยี่ยนถูกทำให้เสียหน้า หากนางไม่สามารถจ่ายเงินจำนวนนี้ได้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเดิมพันหินอะไรอีกต่อไป เเละต้องยอมเเพ้ซูหลิงเฉิงโดยดี
และแน่นอนว่าหลังจากนางยอมแพ้ เเม้มันจะเป็นการยอมแพ้ทั้งๆที่ไม่ได้เเข่งก็ตาม มันก็ถือว่าเเพ้!!
ทุกคนที่มามุงดูต่างมองไปที่จี้เฟิงเยี่ยนด้วยเจตนาร้าย ราวกับว่าพวกเขาทั้งหมดรอให้เธอพ่ายแพ้ให้กับซูหลิงเฉิง และลงเอยด้วยการคลานทั่วทั้งเมืองเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าของจี้เฟิงเยี่ยน นางไม่ได้พูดอะไรกับการกระทำอันเลวร้ายเเละลำเอียงของเจ้าของร้านอีกต่อไป
เมื่อทุกคนคิดว่านางจะต้องยอมรับความพ่ายแพ้เพราะไม่มีเงินเเค่ 103 เหรียญทอง…..
ก็ดี!!
ทันใดนั้นจี้เฟิงเยี่ยนก็ถอดกระเป๋าเงินออกจากสายคาดเอว แล้วโยนมันลงบนโต๊ะเบื้องหน้าจนโต๊ะสั่นสะเทือน ฝุ่นบนโต๊ะกระจายฟุ้ง….
“นี่เงิน! นับดูสิ” จี้เฟิงเยี่ยนมองไปที่เจ้าของร้านที่ทำตัวไร้ยางอาย เเละยิ้มเบาๆด้วยสายตาที่คล้ายกับเจ้าของร้านมองมายามพูดกับนางเมื่อครู่
เงินจำนวนนี้คือเงินที่เหลือหลังจากที่หลิงเหอใช้ไปเมื่อวาน ดังนั้นจี้เฟิงเยี่ยนจึงหยิบออกมาบางส่วน ซึ่งเงินจำนวนนี้สุดท้ายนางก็ได้หยิบมาใช้จริงๆ
เจ้าของร้านไม่คิดว่าหญิงสาวหน้าตาเฉยเมยและแต่งตัวเรียบๆคนนี้จะสามารถควักเงินจำนวนมากออกมาได้จริงๆ ในขณะที่สงสัย..เขาก็เปิดกระเป๋าเงินและกระเป๋าทั้งหมดนั้นก็เต็มไปด้วยเหรียญทองที่วางอยู่เรียงราย ทำให้เขาตื่นเต้นและตกตะลึง
“ตอนนี้เจ้าจะผ่าเเร่หินให้ข้าได้หรือยัง?” จี้เฟิงเยี่ยนถามอย่างไร้อารมณ์
เจ้าของร้านกลืนน้ำลายเงียบๆ แต่เดิมเขาอยากจะให้ซูหลิงเฉิงโปรดปราน จึงได้ทำทีหาเรื่องทำให้เด็กหญิงตรงหน้ามีปัญหาเเละพ่ายเเพ้ แต่สุดท้ายเขาก็ล้มเหลว ทันทีที่นับเงินเสร็จเขาก็หยิบเหรียญทอง 103 เหรียญไปอย่างเงียบ ๆ และทำตัวลีบเหมือนลูกสุนัขที่ประพฤติตัวดีกลับตัวกลับใจ จากนั้นเขาก็ส่งสัญญาณให้ลูกน้องของเขามาผ่าหิน
ซูหลิงเฉิงเหลือบมองไปที่กระเป๋าเงินของจี้เฟิงเยี่ยน และเย้ยหยันอย่างไม่ไยดี ‘เงินเเค่นั้นก็ทำอวดเบ่งได้เเล้วงั้นรึ?’
เหล่าลูกน้องช่วยกันขนหินขนาดมหึมาถูกเคลื่อนย้ายออกไปอย่างเงียบ ๆ จากนั้นพวกเขาก็เริ่มบดบ้าง ผ่าบ้าง เเซะบ้างอย่างหนักหน่วง ผงจากการเจียหินนั้นปลิวว่อนไปทุกหนทุกแห่งในร้าน
แต่คนที่ยืนอยู่ในร้านไม่ได้คิดอะไรมาก พวกเขาไม่เเยเเสฝุ่นหินที่เกาะตามตัวตามหัว เอาเเต่จ้องมองเเละคิดสงสัยเเค่ว่า ‘หินก้อนใหญ่ขนาดนี้ ไหนเลยจะสามารถซ่อนแร่ที่ล้ำค่าราคาดีได้ ’
พวกเขาทุกคนรอดูผลลัพธ์ของจี้เฟิงเยี่ยน เเละต้องการดูนางเเพ้พนันเเละคลานออกมาจากร้านทันทีที่รู้ผล
ซูหลิงเฉิงไม่ได้มองไปที่ก้อนหินเช่นเดียวกับคนอื่น แต่นางกำลังมองไปที่จี้เฟิงเยี่ยนด้วยความภาคภูมิใจ ราวกับว่าเธอชนะการเดิมพันแล้ว….
ในขณะที่ทุกคนต่างมีความคิดในจิตใจ หินถูกบดอย่างช้าๆก็เริ่มเห็นสีของเเร่ เสียงกระซิบปนหัวเราะในร้านฉับพลันก็กลายเป็นความเงียบ
สีน้ำเงินหม่น ๆ ส่องประกายจาง ๆ ที่เล็ดรอดออกมาจากภายในหิน ในขณะที่ผงของหินรอบนอกตัวเเร่นั้น มันยังคงปลิวว่อนไปทั่วร้านเเละลอยขึ้นท้องฟ้าไป