เจ้าของร้านลอบพยักหน้าทำข้อตกลงผ่านการสื่อสารด้วยสายตากับซูหลิงเฉิง
“นี่เจ้าของร้าน ตอนนี้เป็นการพนันหินรอบที่ 2 ไม่ใช่ว่าหินหยกควรจะมีให้เลือกมากกว่านี้หรอกหรือ?” จี้เฟิงเยี่ยนเอ่ยถามหลังจากที่มองหินก้อนเดิมๆที่ในการพนันหินรอบเเรกนางได้มองข้ามไป ถึงจะมีเเร่ที่มีค่าอยู่เเต่มันก็ไม่ใช่ของหายาก
เจ้าของร้านรู้สึกดีใจที่จี้เฟิงเยี่ยนกล่าวเเบบนี้ หินที่กองอยู่หน้าร้านจากการเเข่งขันในรอบเเรก เขาก็เดาได้เเล้วว่าคงมีเเต่หินเเร่คุณภาพดี ถึงได้เปิดเจอเเต่ทองคำเเละหินเเห่งความฝัน
ดังนั้นหลังจากจบการเเข่งขัน เขาน่าจะขายได้กำไรมากกว่าเดิม…..
เเต่ในทางกลับกัน เขาก็รู้สึกหนักใจเล็กน้อยที่เด็กคนนี้เอ่ยปากถามก่อน ทำให้เขาพลาดการประจบคุณซูไปอย่างน่าโมโห เขากังวลกลัวว่านังเด็กนี่จะมีโชคดีโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง!!
“เลือกได้ทั้งร้านนั่นเเหละ เชิญ!” เจ้าของร้านเอ่ยอย่างใจกว้าง..เเต่โชคดีน่ะ มันไม่ได้เกิดขึ้นเสมอ เขาจึงวางใจ
จี้เฟิงเยี่ยนขยับริมฝีปากของนางอย่างเชื่องช้า และเดินไปเดินมารอบ ๆ ร้านด้วยท่าทางสบาย ๆ คล้ายเดินย่อยอาหารในสวนหลังบ้าน
นางมองไปที่ชั้นวางหินที่ตั้งเรียงกันเป็นตับๆ เเละกองหินย่อมภายในร้านเเบบผ่านๆ หินเหล่านั้นล้วนไม่มี ‘เเสง’หรือถ้ามีก็มีในปริมาณน้อยถึงน้อยมาก
เเล้วระหว่างการดูหิน นางก็เหลือบไปมองซูหลิงเฉิงที่กำลังเล็งหินเเละจับจองมันด้วยสายตา จริงๆเเล้วจี้เฟิงเยี่ยนก็เเปลกใจเล็กน้อย หินทั้งหมดที่ซูหลิงเฉิงเล็งเอาไว้ล้วนมีพลังจิตวิญญาณเล็กน้อยล้อมรอบ ไม่มีหินใดที่นางเล็งเเล้วพลาดเป้าเลย…
เเต่อย่างไรก็ดี มันจะดีเท่ากับหินเเร่ที่ตัวนางเลือกเองได้หรือ?
นี่เป็นความพยายามครั้งแรกของจี้เฟิงเยี่ยนในการเดิมพันหิน! ในการเดิมพันรอบแรกนั้น นางถือว่าเป็นเพียงการทดลองว่าความสามารถด้านการบำเพ็ญเพียรนั้นใช้ได้กับการดูหยกหรือไม่? แต่ตอนนี้มันชัดเจนเเล้ว นางสามารถระบุมูลค่าของแร่หายากที่ซ่อนอยู่ในก้อนหินได้อย่างเเม่นยำ
คนพวกนี้พยายามจะหลอกลวงนาง?
หึ ฝันเถอะ ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ว่า ข้า..จะยินดียอมให้ถูกหลอกไหม!
จี้เฟิงเยี่ยนวนรอบร้านค้าสามรอบ แต่ก็ยังไม่ได้เลือกหินก้อนใด ๆ
เจ้าของร้านและซูหลิงเฉิงเริ่มหมดความอดทน…พวกเขารอไม่ไหวแล้ว!!
ซูหลิงเฉิงใช้สายตากดดันไปยังเจ้าของร้าน เจ้าของร้านเห็นเข้าก็รีบพยักหน้าหงึกๆ จากนั้นก็พูดว่า
“ลูกค้า เจ้าเลือกได้หรือยัง? ถ้าไม่ไหวก็พอเถิด อย่าทำให้ข้าเสียเวลาไปกว่านี้ หากยังเจ้ายังขืนลีลา ข้าจะถือว่าเจ้าจงใจขัดขวางการค้าการขายของข้า! เเละถ้าเจ้ายังจะเลือกนานกว่านี้ ข้าจะถือว่าการเดิมพันรอบนี้…เจ้าคือคนเเพ้!!”
จี้เฟิงเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ ทันใดนั้นเท้าของนางก็หยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะคิดเงินภายในร้าน นางมองไปที่เจ้าของร้าน ‘นิสัยโจร’แล้วยิ้มหวาน
“เจ้าไม่ต้องกดดันข้าหรอก ข้าเลือกได้เเล้ว” ขณะที่จี้เฟิงเยี่ยนพูด นางก็ก้มตัวลง และหยิบหินก้อนเล็ก ๆ ที่อยู่ใต้ขาโต๊ะคิดเงินขึ้นมา เเล้วลูบมันเบาๆ ต่อหน้าต่อตาทุกคน
“ข้าเลือกหินก้อนนี้”
การกระทำของจี้เฟิงเยี่ยนนี้ ทำให้ทุกคนตกตะลึง อย่างไรก็ตามจี้เฟิงเยี่ยนวางหินรองขาโต๊ะก้อนเล็กจ้อยลงบนโต๊ะโดยไม่สนใจปฏิกิริยาของคนรอบๆสักนิด และปรบมือเล็ก ๆ ของนางอย่างพึงพอใจ คล้ายกับว่านางเลือกของมีค่าที่สุดในร้านได้เเล้ว
“ อะไร ก็ข้าบอกว่าหินก้อนนี้เเหละที่ข้าเลือก!” จี้เฟิงเยี่ยนพูดตอกย้ำทุกคนอีกครั้ง เพราะสังเกตเห็นพวกเขาทำหน้าตาส่อเเววสงสัยในการกระทำของนาง
“ ฟุ อุว่ะฮ่า ฮา!” ภายในร้านที่เงียบสงบ คลื่นแห่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยก็ดังลั่นออกมา
ทุกคนหัวเราะด้วยเสียงอันดัง และมองไปที่จี้เฟิงเยี่ยนด้วยความรู้สึกดูถูก
แม้แต่ปากของเจ้าของร้านก็กระตุกเช่นกัน เขาไม่อยากเชื่อเลย ต่อให้สิ้นหวังเเค่ไหนเเต่ทำไมเด็กนี่ถึงได้หยิบเอาหินรองขาโต๊ะขึ้นมาพนัน พับผ่าสิ!
หินก้อนนั้นเดิมเป็นหินก้อนใหญ่ที่มีคุณภาพดี เเละผ่านการบดการเจียเปิดเเร่เรียบร้อยเเล้ว จำได้ว่าเป็นคุณภาพดีทีเดียว..เเละเขาก็ขายออกไปนานเเล้ว ประจวบกับขาโต๊ะคิดเงินที่ซื้อมาใหม่มันไม่ค่อยได้มาตรฐาน เขาจึงเอา ‘เศษ’ หินก้อนนั้นนั่นเเหละ…มันเป็นหินส่วนที่เหลือจากการเปิดเเร่ เอามาวางรองใต้ขาโต๊ะ
เป็นที่รู้กันว่าหินเเร่แต่ละก้อน สามารถเปิดออกเพื่อให้แร่ได้มากที่สุดเพียงหนึ่งชิ้น เเละหินที่จี้เฟิงเยี่ยนเลือกนี้…มันไม่ใช่หินเเร่สมบูรณ์ ดังนั้นสิ่งที่อยู่ด้านในคงไม่ใช่แร่หายากและเเม้เเต่แร่เหล็กธรรมดาก็ไม่น่าจะมีด้วยซ้ำ!
แต่เจ้าของร้านไม่มีตั้งใจที่จะบอกจี้เฟิงเยี่ยนในเรื่องนี้ และเขาก็เสแสร้งทำเป็นว่าตัวเองเป็นคนใจกว้าง
“แน่นอนว่าหินก้อนเล็กเเค่นี้ ข้าขายให้เจ้าเเค่เพียง 5 เหรียญ และจ่ายอีก 10 เหรียญเงิน สำหรับค่าธรรมเนียมในการเปิดมัน!”
จี้เฟิงเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร และโยนเหรียญทองลงพื้นข้างๆเท้าของเจ้าของร้านในทันที เเละส่งสายตาเหมือนจะบอกว่า..เก็บเอาสิ!
“เอ้า นี่เงินทอนของเจ้า” ปากของเจ้าของร้านกระตุกแรงยิ่งขึ้น ในใจลอบสาปเเช่ง เเต่พอนึกได้ว่าหลังจากนี้เด็กโอหังนี่จะมีจุดจบอย่างไร เจ้าของร้านก็พลันเปลี่ยนสีหน้าของเขา และเปลี่ยนเป็นท่าทางเป็นคนกระตือรือร้นพร้อมที่จะรับใช้ซูหลิงเฉิงทันที
ซูหลิงเฉิงเหลือบมองหินที่จี้เฟิงเยี่ยนเลือกไว้ ด้วยสัมผัสพิเศษที่ไวต่อแร่ นางก็ไม่สามารถตรวจจับสัญญาณใด ๆ ที่ส่งออกมาจากหินก้อนนั้นได้
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากสีหน้า ภาษากายที่เจ้าของร้านแอบเเสดงให้นางดู นางก็เข้าใจทันที และรอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าอีกครั้ง
หลังจากทั้งจี้เฟิงเยี่ยนเลือกหินเสร็จ ซูหลิงเฉิงก็เลือกหินที่ก้อนใหญ่มา เเล้วส่งให้เเก่เจ้าของร้าน เจ้าของร้านรีบน้อมรับด้วยความยินดี
จากนั้นเขาก็เอาป้ายมาติดเเละนำหินทั้งสองก้อนมาวางบนโต๊ะ ทำให้เกิดการเปรียบเทียบกัน หินของจี้เฟิงเยี่ยนนั้นดูเล็กเหมือนเศษฝุ่นเมื่อเปรียบเทียบกับหินซูหลิงเฉิง เท่านี้ก็รู้เเล้วว่าผลที่ได้จะเป็นอย่างไร?