ตามกฎแล้วหลังจากที่ทั้งคู่ได้เลือกหิน ผู้ที่ได้ผ่าหินคนแรกก็ควรจะเป็นซูหลิงเฉิง
หลังจากทุกคนได้พบกับความตื่นเต้นจากการเดิมพันแร่ แล้วพบกับแร่ทองคำและหินแห่งความฝัน..พวกเขาก็งุนงง เพราะไม่ทราบว่าในดินเเดนนี้ มันยังจะมีแร่ชนิดอื่นที่ยังมีค่ากว่าแร่ข้างต้น พวกนั้นอีกหรือมั้ย?
ในขณะที่ชายที่รับหน้าที่บดหินผ่าหินของซูหลิงเฉิงนั้น เสียงก็ดังก้องไปทั่วร้าน บรรดาคนที่มามุงดู ต่างก็เอามืออุดหูเพราะเสียงมันดัง จนแทบจะทำให้หูของพวกเขาเริ่มเสื่อมลงทีละนิดทีละนิด พวกเขาปรารถนาให้การเดิมพันจบเสียที ถ้ายังเสมอกันอย่างนี้ไปอีก 2-3 รอบหูของพวกเขาคงเเตกเอาแน่
ในระหว่างขั้นตอนการผ่าหิน คนที่รับผิดชอบการผ่าได้เติมน้ำลงบนหินอย่างต่อเนื่องเพื่อล้างผงออก ทำให้แร่ที่อยู่ในหินค่อยๆเผยโฉมออกมา
แม้จะเป็นส่วนที่เล็กน้อยและเป็นเเค่ยอดภูเขาน้ำแข็งหน่อยเดียว แต่ก็เดาได้ว่านี่คือแร่หยก
“นั่นมันแร่หยก เเร่หยกจริงๆนี่” เสียงร้องจากฝูงชนที่มามุงดู พวกเขาตกใจทันทีที่เห็นเเร่ของซูหลิงเฉิงนั้น คือแร่หยก
วันนี้มันวันดีอะไรกันแน่ ทั้งเเร่หยกและแร่ทองคำต่างก็เป็นแร่หายากที่เกิดขึ้นในแผ่นดินนี้
เเม้จะมีความหายากที่ไม่แตกต่างกันมาก แต่ความต้องการแร่หยกนั้นสูงกว่าแร่ทองคำชนิดที่ทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น เพราะแร่หยกนั้นเป็นแร่ที่บรรจุซึ่งพลังเวทย์
ดังนั้นจึงเป็นที่ต้องการอย่างมากของเหล่านักเวทย์และผู้ฝึกเวทมนต์ ตราบใดที่ ได้ครอบครองแร่หยก ไม่ว่าพวกเขาจะนำมาใช้เองหรือนำมาขาย ก็ย่อมนำหนทางร่ำรวยมาสู่ตัวเองด้วยกันทั้งนั้น
เมื่อซูหลิงเฉิงได้เห็นสีเขียวบนหินของนาง จึงทำให้นางรู้ว่ามันคือแร่หยก รอยยิ้มที่มั่นใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางอีกครั้ง นางมองไปที่จี้เฟิงเยี่ยนด้วยความหยิ่งผยอง
เเร่หยกนั้นจะมีความต้องการของตลาดมากกว่าแร่ทองคำ ดังนั้นจึงช่วยไม่ได้ที่ราคาของแร่หยกจะสูงกว่า ที่ยิ่งกว่านั้นเมื่อผ่าหินไปเรื่อยๆ ขนาดของเเร่หยกก็ยิ่งใหญ่ขึ้น ซึ่งขนาดใหญ่ขนาดนั้นแทบจะเป็นไม่ได้เลยสำหรับแคว้นจี ไม่สิ สำหรับอาณาจักรนี้เลยก็ว่าได้
เจ้าของร้านส่งแร่หยกที่เปื้อนน้ำให้แก่ซูหลิงเฉิงด้วยความระมัดระวัง เขายิ้มหวานให้ซูหลินเฉิงอย่างประจบประแจง โดยไม่ได้คำนึงเลยว่าใบหน้าตอนยิ้มนั้นมันเหี่ยวย่นขนาดไหน
“ขอแสดงความยินดีกับคุณหนูซู ท่านได้รับแร่หยกคุณภาพดี ด้วยแร่หยกนี้มันจะต้องกลายเป็นสมบัติหายากแน่นอนและมูลค่ามันคงไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นเหรียญทองแน่นอนขอรับ”
“30000 เหรียญทอง”
“บ้าเอ้ย!! แพงเกินไปแล้ว!!”
แต่ในเมื่อมันเป็นแร่หยกที่มีขนาดใหญ่ ก็ช่วยไม่ได้ที่ราคามันจะแพง และนี่ก็คงแพงที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว
หลังจากประกาศมูลค่า ทุกคนก็รู้แล้วว่าซูหลิงเฉิงเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน
แค่ขนาดและปริมาณของแร่หยกก้อนนี้ ก็เกินขนาดของก้อนหินจี้เฟิงเยี่ยนไปมากโข หากจี้เฟิงเยี่ยนโชคดีสามารถได้รับหินแห่งความฝันอีกก้อนหนึ่ง แต่ด้วยขนาดของหินที่มีอยู่เพียงเท่านี้ คงเป็นไปไม่ได้ที่มูลค่าของมันจะสูงกว่าเเร่หยก
การตัดสินชัยชนะสำหรับรอบนี้มันเป็นอะไรที่ง่ายดาย
รอยยิ้มแห่งความพึงพอใจของซุูหลิงเฉิงเกิดขึ้นใบหน้าขาวเนียน ท่าทางแห่งความโอหังของนางได้แผ่กระจายไปยังรอบๆ ในขณะที่ถือแร่หยกเอาไว้ในมือ นางก็มองจี้เฟิงเยี่ยนด้วยความเย้ยหยัน สายตาที่ชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้น ด้วยรูปลักษณ์ของงามยามนี้ทำให้ผู้ชายตัวโตๆคนนึงถึงกับผมตั้งด้วยความหวาดกลัว
“แร่หยกมูลค่า 30,000 เหรียญทอง ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าจะเกมนี้ได้อย่างไร!?” ซูหลิงเฉิงมองไปที่จี้เฟิงเยี่ยนพลางนึกภาพของนางที่กำลังเเก้ผ้า แล้วคลานไปรอบๆเมืองจี นางละอยากเห็นภาพนี้จริงๆ คิดแล้วก็หัวเราะอย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงเยี่ยนไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย นายยังคงมีสีหน้าที่เฉยเมย ประดุจว่าคนที่ซูหลิงเฉิงพูดถึงไม่ใช่ตัวนาง
นางมองไปที่ซูหลิงเฉิง ด้วยตาแบบเดียวกับที่มองดูคนปัญญาอ่อน และมองไปที่ฝูงชนที่กำลังแสดงสีหน้าตื่นเต้น
อยากเห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะความตกใจของกลุ่มคนน่าขยะแขยงพวกนี้จริงๆ
“ก็จริงอย่างที่เจ้าพูด ดูเหมือนว่าการจะผ่าให้ได้ ‘เเร่หยก’ สำหรับข้าคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนร้าาาา” จี้เฟิงเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ ไม่มีทางที่ว่าที่เซียนอย่างนางจะไปจับหินธรรมดาอย่างเเร่หยกให้เสียมือ!!
“อย่าเพิ่งถอดใส่ใจสิ เจ้าควรคาดหวังนะ เผื่อจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น..ใช่ ปาฏิหารย์ ถ้าเทพเจ้ายังเข้าข้างเจ้าอยู่อ่ะนะ” ซูหลิงเฉิงเอ่ยปากเเดกดัน นางไม่เชื่อหรอกว่าคนที่คบชู้สู่ชายอย่างจี้เฟิงเยี่ยนจะเป็นที่รักของสวรรค์
จี้เฟิงเยี่ยนเลิกคิ้วขึ้นสูงและมองไปที่ก้อนหินรองขาโต๊ะที่ตัวนางได้เลือกมา จากนั้นก็ยิ้มแล้วก็กล่าวว่า
“บางทีข้าอาจจะถูกเทพเจ้าเข้าข้างอยู่ก็เป็นไปได้…”