“เจ้านี่ มีความมั่นใจจนน่าอิจฉาเลยนะ” ซูหลิงเชิงพูดจาดูถูกจี้เฟิงเยี่ยน ในขณะที่พูดก็กลอกตามองบนไม่ใส่ใจ
จี้เฟิงเยี่ยนยักไหล่และไม่กังวลกับการพูดดูถูกของซูหลิงเฉิง นางหันไปมองเจ้าของร้านแล้วกล่าวว่า
“เอาล่ะ รีบผ่าหินของข้าได้แล้ว!!”
เจ้าของร้านเพียงแค่เม้มริมฝีปากอย่างไม่ยินยอม ต่อให้เขาตายเขาก็ไม่เชื่อ จี้เฟิงเยี่ยนยังจะสามารถพลิกผันสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้ได้อีกเหรอ นางโง่จนไม่รู้เลยหรือไง ว่าตอนนี้ซูหลิงเฉิงได้ทำลายสถิติการเดิมพันหินที่สูงที่สุดในเมืองจี ไปแล้ว แล้วนางยังกล้าเพ้อฝัน..ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ
ด้วยท่าทางที่ดูแคลนของเจ้าของร้าน เขาโยนก้อนหินที่เป็นขารองโต๊ะ ไปที่เครื่องบดแล้วสั่งให้คนงานหยิบไปผ่าโดยเร็วไว การปฏิบัติช่างแตกต่างกับหินของซูหลิงเฉิงที่เเทบจะอุ้มชูอย่างระมัดระวัง
“มาถึงขั้นนี้แล้ว นางยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ จริงๆแล้วนางเป็นคนกล้าหาญหรือเป็นเพราะนางไม่รู้อะไรกันแน่”
“เด็กเหลือขอคนนี้เชื่อจริงๆแล้วว่านางยังจะมีโชคพอที่จะเอาชนะได้”
“จะคาดหวังปาฏิหาริย์ตอนนี้ไม่สายไปหรอกหรือ?”
เสียงกระซิบดังขึ้นในร้าน คำพูดเยาะเย้ยที่รุนแรงก็ค่อยๆเข้าหูจี้เฟิงเยี่ยนทีละประโยคทีละประโยค แต่จี้เฟิงเยี่ยนก็ไม่แม้แต่จะสนใจ
‘สุภาษิตที่ว่าหมาเห่าใบตองแห้งคงจะได้ใช้มันคราวนี้นี่แหละ’
นางเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ เหตุใดจึงต้องสนใจหมาที่กำลังเห่า ถ้านางวิ่งวุ่นไปแก้ข่าวนั้น นางยังจะเหลือศักดิ์ศรีความเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่อยู่อีกหรือ?
ดวงตาของจี้เฟิงเยี่ยนมองไปที่หินก้อนนั้นอยู่ตลอดเวลา
หินก้อนนั้นมีขนาดเท่าไข่นกกระทา
แต่เดิมมันก็มีขนาดเล็กมากจนน่าอนาถอยู่เเล้ว หลังจากบดเเละผ่าอย่างต่อเนื่องเนื้อหินก็ค่อยๆหายไป จนขนาดมันเล็กลงยิ่งกว่าเดิม ถึงแม้กระนั้นก็ยังไม่มีสัญญาณว่าจะพบแสงของแร่ที่หายากแต่ประการใด
ทุกคนล้วนมั่นใจว่า จี้เฟิงเยี่ยนจะต้องพ่ายแพ้ ไม่มีใครหรอกที่จะหาแร่เจอได้จากเศษหิน อีกอย่างนี่มันก็คือหินรองขาโต๊ะ จะหวังจะได้แร่หายากจากมันงั้นหรือ!? เพ้อฝันโดยแท้!!
หินที่เหลือขนาดเล็กนิดเดียว พวกเขาเริ่มจินตนาการเห็นภาพของจี้เฟิงเยี่ยนที่กำลังคุกเข่า และขออภัยต่อซูหลิงเฉิง
ทว่า..จู่ๆชายที่รับผิดชอบเรื่องการผ่าหินเปิดเเร่ก็หยุดมีดลง มือของเขาสั่นระวิง
เจ้าของร้านเห็นท่าทีแปลกๆ จึงถาม “เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
“ไม่สามารถผ่าต่อไปได้อีกแล้วขอรับ” การแสดงออกของชายผู้ทำหน้าที่ผ่าหิน ทำให้ทุกคนตกใจ เเละหันมามองที่จุดเดียวกัน
หินที่จี้เฟิงเยี่ยนเลือกมานั้นมีขนาดเล็กลงจนไม่สามารถจะผ่าต่อไปได้อีกแล้ว อีกทั้งฝุ่นผงก็ปกคลุมก้อนหินอยู่ ทำให้มองเห็นอะไรไม่ชัดเจน
“มันจะผ่าต่อไม่ได้ได้อย่างไร เอาน้ำมารดแล้วผ่าต่อเดี๋ยวนี้” เจ้าของร้านพูดอย่างเฉยเมย เขาไม่สนใจหรอกว่าจะพาต่อได้หรือพาต่อไม่ได้ เพราะอย่างไรชัยชนะของซูหลิงเฉิง…นั่นก็เป็นสิ่งที่แน่นอนเเล้ว
ลูกน้องของเจ้าของร้านรีบแบกถังน้ำที่อยู่ด้านข้างเทลงบนในหินทันที
แร่สีขาวขุ่นด้านในสีชมพู ปรากฎขึ้นต่อสายตาของทุกคน หลังจากถูกล้างด้วยน้ำ 2-3 รอบ ก็พบว่าแร่นั้นมีขนาดที่เล็กมาก
ถึงจะเล็ก เเต่ก็มีชั้นของสีขาวมุกที่ล้อมรอบเนื้อเเร่สีชมพูอ่อนอยู่….
ทันใดนั้นทั้งร้านก็พลันเงียบลง….
“เป็นไปได้ยังไง!?” เจ้าของร้านมองไปที่เเร่เรืองแสง ลูกตาของเขาก็แทบจะถลนออกจากเบ้าตา
ซูหลิงเฉิงซึ่งเดิมรู้สึกพอใจกับแร่หยกของตนเองมาก เเต่ทันทีที่ได้เห็นแร่สีชมพูก้อนนั้นของจี้เฟิงเยี่ยน รอยยิ้มเเห่งความพอใจก็หายวับฉับพลัน ใบหน้าสีขาวงดงามกลายเป็นหน้าซีดเผือด เพราะความไม่อยากเชื่อ
“หินจันทรา!!”
“บ้าน่ะ!!”
“หินจันทรา…ช่างสวยงาม”
หินจันทรามันจะปรากฏขึ้นในเมืองจีได้อย่างไร!?
นี่เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้!!
ซูหลิงเฉิงหมดแรงยืนและทรุดลงไปอยู่กับพื้น ถึงกระนั้นนางก็ยังมีเเรงหันขวับไปมองเจ้าของร้านแทบจะในทันที เจ้าของร้านสังเกตเห็นสายตาอันแหลมคมของนางก็รีบพยักหน้า
ก่อนที่เจ้าของร้านจะลงมือทำอะไรบางอย่าง มือเล็กๆของเด็กน้อยก็หยิบหินเเสงจันทร์ก้อนนั้นจากมือเจ้าของร้านไปแล้ว
“มันงดงามมากใช่ไหม?” จี้เฟิงเยี่ยนยิ้มขณะที่ถือหินเเสงจันทร์ นางมองไปยังซูหลิงเฉิงและเจ้าของร้าน แม้จะมีรอยยิ้มที่หวานหยดย้อยแต่ทุกคนกลับรู้สึกว่านี่คือรอยยิ้มของปีศาจ
“ซูหลิงเฉิง ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะรู้ชัดเจนดีนะ ใครกันแน่ที่ชนะในรอบนี้”จี้เฟิงเยี่ยนหันไปที่นางเเล้วยิ้มหวาน ในขณะที่ซูหลิงเฉิงมอบรอยยิ้มกลับให้ด้วยความเย็นชา