ปรมาจารย์หญิงยอดนักปรุงยา ตอนที่ 41 แต่งงานเพื่อทดแทนบุญคุณ
เด็กชายผู้แสนจะหล่อเหลาฟื้นขึ้นมาตั้งแต่ตอนเช้าตรู่แล้วของเมื่อวานแล้ว แต่ในเวลานั้นจี้เฟิงเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่บ้าน เมื่อนางกลับมา หลิงเหอจึงทันได้พูดอะไรกับนาง เขา เพียงเห็นนางรีบร้อนเข้าไปในห้องนอนแล้วก็รีบปิดประตูอย่างแน่นหนา เขาจึงไม่กล้ารบกวน
จี้เฟิงเยี่ยนไม่น่าจะสามารถหลีกเลี่ยงเขาได้อีกต่อไป โดยสัญชาตญาณแล้วนางพยายามที่จะหลบเลี้ยงเด็กชายผู้แสนงดงามคนนี้ เนื่องจากเพราะนางทําให้เขาได้รับอันตรายติดต่อกันถึงสองครั้ง
แต่มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องดีที่จะปล่อยคนเจ็บไว้ข้างตัวโดยไม่เหลียวแลและปล่อยให้ตายตามยถากรรม หลังจากไตร่ตรองสักพัก จี้เฟิงเยี่ยนก็หยิบขวดน้ําโอสถสองขวดที่นางปรุงตั้งแต่ครั้งก่อนหน้านี้ และบังคับตัวเองให้เดินไปยังห้องที่เด็กชายผู้งดงามกําลังพักฟื้นอยู่
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว แต่แสงแดดไม่สว่างเท่ากับแสงแดดเมื่อวานยามบ่าย เมื่อแสงแดดส่องผ่านหน้าต่าง ก็มีร่องรอยของกลิ่นอายของความอบอุ่นอบอวลในห้อง เมื่อจี้เฟิงเยี่ยนเดินไปที่หน้าประตู นางเห็นร่างที่หล่อเหลาน่าพึ่งกําลังนั่งเงียบๆอยู่บนเก้าอี้ และหันหน้าไปทางหน้าต่าง แสงแดดอุ่นๆตกกระทบบนร่างกายของเขานั้น ราวกับว่ามันได้สร้างชั้นของแสงสีทองอ่อนๆขึ้นรอบตัวของเขา ทําให้เขาแลดูทั้งหล่อและสูงศักดิ์ไปโดยปริยาย มันช่างสวยงามเกินกว่าจะกล่าวออกมาเป็นคําพูด
ในช่วงเวลานั้นขี้เฟิงเยี่ยนเกือบจะคิดว่านางได้เห็น “เซียน”ผู้เป็นอมตะที่หลุดมายังโลกแห่งความตาย!
เด็กชายนั่งเงียบๆ ในห้อง ขนตายาวของเขาทําให้เกิดเงาเล็กๆเหนือดวงตา และขนตานั้นบังแสงที่ส่องประกายจากในดวงตาของเขา
เด็กชายราวกับรู้สึกถึงการปรากฏตัวของใครบางคน เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่ชัดเจนของเขาดูลึกล้ําและเปล่งประกายราวกับว่ามีเพชรสีดําฝังอยู่ภายในนั้น
จี้เฟิงเยี่ยนรู้สึกงุนงงเล็กน้อยจากการจ้องมองของเขา ก่อนหน้านี้นางไม่รู้สึกอะไรเลย
แต่ครั้งนี้เป็นการสบตากับเด็กหนุ่มคนนี้เป็นครั้งแรก ดวงตาคู่นั้นเป็นดวงตาที่สวยที่สุดที่จี้เฟิงเยี่ยนเคยมองเห็น มันทั้งสงบและล้ําลึก ถ้ามองดีๆ มันน่าจะมาพร้อมกับฟังก์ชั่นธีมความหนาวเย็นจากความโดดเดี่ยวของขั้วโลก
“เจ้าฟื้นแล้วเหรอ? เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนไหม หิวน้ําหรือไม่?” จี้เฟิงเยี่ยน ยับยั้งหัวใจที่เต้นตึกๆของตัวเอง และแสร้งทําตัวเป็นธรรมชาติ ในขณะที่เดินไปนั่งข้าง “เหยื่อ” แล้วยิ้มด้วยสีหน้าอ่อนโยน
เด็กชายผู้งดงามมองไปที่จี้เฟิงเยี่ยนด้วยแววตาที่เรียบเฉย หลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน จู่ๆเขาก็พูดว่า “ เจ้าเป็นคนช่วยข้าเองเหรอ?”
จี้เฟิงเยี่ยนมองไปที่ใบหน้าที่ดูดีของเด็กชายที่งดงาม อาจเป็นเพราะเรื่องเพิ่งหาหนทางฟื้นฟูตันเถียนแบบแจ่มๆได้ จี้เฟิงเยี่ยนจึงกําลังอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ดีเช่นกัน หลังจากรู้สึกผิดอยู่ครู่หนึ่ง จี้เฟิงเยี่ยนก็ใช้มือข้างซ้ายมาท้าวใต้คางของนาง และยิ้มให้กับใบหน้าที่น่าดึงดูดนั้นโดยไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆ
“ใช่แล้ว ข้าคนนี้นี่แหละที่ช่วยชีวิตเจ้า” ไม่ผิด! นางช่วยชีวิตเขาไว้จริงๆ! ใช่! ถ้าไม่นับว่าก่อนหน้านี้ นางเกือบพลั้งมือฆ่าเขาตั้ง 2 ครั้ง 2 ครานะ!!
ในตอนแรกนางคิดว่าเด็กชายที่งดงามปานเครื่องเคลือบคนนี้จะร้องไห้ออกมาด้วยความซาบซึ้งในบุญคุณที่นางช่วยชีวิตเขาไว้ แต่ใครจะรู้ว่า!? เขาแค่ใช้หางตามองไปที่จี้เฟิงเยี่ยนอย่างไร้อารมณ์เท่านั้นและไม่ได้พูดอะไรอีก
จี้เฟิงเยี่ยนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อมองไปที่เด็กชายที่ทําหน้าตาแปลกประหลาดตรงหน้านาง ความชั่วร้ายที่ซุกซ่อนภายในจิตใจของนางก็ถูกปลุกขึ้นมาอีก นางกลอกตาเล็กน้อยแล้วจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเด็กชายผู้งดงามพลางพูดว่า
“ เจ้าไม่มีอะไรจะพูดกับข้าเหรอ?”
เด็กหนุ่มผู้งดงามกํามือของตนเองแล้วใช้ความคิด แต่ไม่นานหลังจากนั้น คิ้วของเขาก็ขมวดแน่น เขาเงยหน้าขึ้นมองจี้เฟิงเยี่ยนและพูดว่า
“อย่างแรก ข้านั้นไม่ได้ชื่อหลิวฮ่าว”
“..!!??”
จี้เฟิงเยี่ยนตกตะลึงไปชั่วขณะ และใช้เวลามากพอสมควร ก่อนที่นางจะนึกถึงสิ่งที่เกี่ยวกับ “ หลิวฮ่าว” ได้
ทันใดนั้นจี้เฟิงเยี่ยนก็มีสีหน้าที่ดูอึดอัดและอับอายเล็กน้อย แต่ในไม่ช้ารอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง นางใช้มือข้างหนึ่งค้ําคางตัวเอง แล้วมองไปที่เด็กชายด้วยความคิดแฝงความชั่วร้าย
“เจ้ารู้ไหม? ดินแดนเรามีคําพูด…คําพูดหนึ่ง”
เด็กชายผู้งดงามมองนางอย่างเงียบๆ
“การได้รับการช่วยชีวิตถือเป็นพระคุณที่ยิ่งใหญ่ ย่อมต้องตอบแทนด้วยการมอบชีวิตคืน และเนื่องจากข้าได้ช่วยชีวิตเจ้าไว้ ตามธรรมเนียมแล้วเจ้าควรจะตอบแทนข้าโดยการแต่งงานกับข้าเป็นธรรมดาใช่ไหม? หลิวฮ่าวตัวน้อย”
จี้เฟิงเยี่ยนยกรอยยิ้มขึ้นด้วยแววตาชั่วร้ายเจ้าเล่ห์ การแสดงออกนั้นดูเหมือนกับหญิงโฉดแม่เล้าเฒ่าที่ต้องคุกคามเด็กชายผู้น่าสงสาร