ปรมาจารย์หญิงยอดนักปรุงยา
ตอนที่ 44 คุกเข่า
จี้เฟิงเยี่ยนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยโดยไม่สนใจการจ้องมองอย่างประหลาดใจของเจ้าของร้านนางทําเพียงแค่ยิ้มในขณะมองตรงไปที่หินแห่งความฝันสีฟ้าบริสุทธิ์ก้อนนั้น
เจ้าของร้านสังเกตเห็นจี้เฟิงเยี่ยนกําลังจ้องมอง ‘กําไร’ ของเขาตาเป็นมัน สายตาของนางนั้นทําให้เขาหัวใจสั่นด้วยความตื่นกลัว เขารีบกระโจนเข้ามาบังหินแห่งความฝันให้พ้นจากสายตาของนางโดยอัตโนมัติ แล้วกล่าวตะโกนใส่หน้านางพร้อมกับตีหน้าเคร่งขรึมขมวดคิ้ว
“ลูกค้าท่านนี้ นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าควรจะเข้ามาจงรีบออกไปซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ใจดีกับเจ้าแน่!”
“ ไม่ใจดีเหรอ? ฟังดูน่ากลัวจัง” จี้เฟิงเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ ไม่เพียงแค่นางจะไม่ออกไปตามคําสั่งของเจ้าของร้าน นางยังดึงเก้าอี้และไปนั่งที่หน้าทางเข้าทันที จี้เฟิงเยี่ยนนั่งกอดอก แกว่งขาไปมาอย่างผ่อนคลายประดุจนั่งเล่นบ้านตัวเอง และมองไปที่เจ้าของร้านผู้มีใบหน้าซีดเซียวแล้วพูดว่า
“ เจ้าเอาหินของข้าไป…และลอบใช้กลอุบายในระหว่างการเดิมพันของข้ากับซูหลิงเฉิง เท่านั้นยังไม่พอ…เจ้าก็ยังกล้าทําตัวหยาบคายขึ้นเสียงกับข้าอีกเหรอ? ข้าอยากจะรู้นัก เจ้าน่ะมีปัญญาทําได้อย่างที่พูดจริงๆหรือเปล่า?” คําพูดที่เย่อหยิ่งของจี้เฟิงเยี่ยน ทําให้การเจ้าของร้านไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
เขามองจี้เฟิงเยี่ยนตั้งแต่หัวจรดเท้าทั่วร่างกาย เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขา มีรูปร่างเล็กกระทัดรัดสวมใส่เสื้อผ้าเรียบๆและ ไม่ว่าเขาจะมองไตร่ตรองอย่างไร? นางเด็กตัวเล็กคนนี้ก็ไม่ได้ดูเหมือนคนที่พอจะมีคนหนุนหลังหรือมีอํานาจอะไรเลย…ดังนั้นเขาจึงมั่นใจมากขึ้นและเริ่มทําการข่มเหงทันที
“ลูกค้าท่านนี้ เวลาจะกล่าวหาอะไรใคร กรุณาเตรียมหลักฐานและพยานมาด้วย จะมากล่าวหาใครลอยๆไม่ได้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่สําหรับค้าขาย และข้าก็เป็นเจ้าของร้านผู้ใจชื่อมือสะอาด แล้วเจ้าจะพูดได้อย่างไรว่าตัวข้านั้นได้ใช้กลอุบายบางอย่างในระหว่างการเดิมพัน? ถ้าเจ้าจะพูดแบบไร้ความรับผิดชอบไม่มีหลักฐานอย่างนี้ ข้าจะตะโกนเรียกคนอื่นให้มาจัดการเจ้า” เจ้าของร้านพูดอย่างเย็นชา
จี้เฟิงเยี่ยนยักไหล่เล็กน้อย “ ข้าไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยานแต่…โดยปกติแล้ว ข้าน่ะไม่ชอบเสียลมหายใจไปกับคนอย่าง
เจ้า…”
เจ้าของร้านขมวดคิ้วและคิดว่าเด็กสาวคนนี้พยายามสร้างปัญหาให้กับเขาแน่นอน การวางก้อนหิน การผ่าแร่มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาในร้านขายหินแร่ของเขาอยู่แล้วนี่นา ถ้าไม่ผ่าจะขายได้อย่างไร? ตั้งแต่เปิดร้านมายังไม่เคยมีใครว่าเขาเช่
นอกจากนี้จี้เฟิงเยี่ยนยังเคยทําให้ซูหลิงเฉิงและเล่ยมินขุ่นเคือง!! ก่อนหน้านี้…จนถึงบัดนี้เจ้าของร้านจึงไม่ได้กังวลใดๆเกี่ยวกับตัวตนของนางเลย
เขาเดินออกจากห้องทันที และอ้าปากเตรียมตะโกนให้พวกคนงานมาเตะโด่งจี้เฟิงเยี่ยนออกจากร้าน
แต่หลังจากที่เจ้าของร้านเดินไปได้เพียงสองก้าว จี้เฟิงเยี่ยนก็ยิ้มพลางหยิบกระดาษขนาดใหญ่ขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากกระเป๋าเล็กของนาง ก่อนที่เจ้าของร้านจะได้ตะโกนเรียกใครกระดาษบาง ๆ แผ่นนี้นั้นก็หลุดออก จากมือของจี้เฟิงเยี่ยนอย่างรวดเร็วและไปติดแน่นอยู่ที่ด้านหลังของเจ้าของร้าน
ทันใดนั้น…เจ้าของร้านที่เดินไปถึงทางเข้าแล้ว จู่ๆเขาก็ขยับไม่ได้และแขนที่ยกขึ้นเล็กน้อยของเขาก็แข็งขึ้นกลางอากาศ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ เขามองไปที่จี้เฟิงเยี่ยนด้วยแววตาของคนขลาดเขลา แต่ก็พูดไม่ออกราวกับว่ามีคนกําลังบีบคอเขาจนแน่นไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้
จี้เฟิงเยี่ยนนั่งลงบนเก้าอื้อย่างเกียจคร้านและฉีกยิ้มกว้างขึ้น ในขณะที่นางมองไปที่เจ้าของร้านผู้กําลังพยายามยืนตัวตรงอย่างยากลําบาก
“ต้องขอโทษด้วย…ตัวข้าน่ะมีนิสัยค่อนข้างแปลกประหลาด มันเป็นเรื่องดีถ้าคนอื่นไม่รบกวนหรือรังควานข้า แต่ถ้าพวกเขาหรือใครทําให้ข้าหงุดหงิด…จริงๆแล้วข้อเสียของข้าน่ะ อความอดทนต่ำมาก และข้าก็มักจะตอบแทนคนเหล่านั้นอย่างสาสมเสียด้วย” จี้เฟิงเยี่ยนพูดแล้วมอบรอยยิ้มหวานให้ เจ้าของร้าน
ภายใต้การจ้องมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตก ตะลึงของเจ้าของร้าน นางยกมือขึ้นเล็กน้อยแล้ววาดวงกลมตรงหน้าเขาโดยใช้ปลายนิ้วเรียวๆ เจ้าของร้านซึ่งก่อนหน้า นี้ยืนนิ่งตัวตรง ก็พลันหลุดผึ้งออกมาจากตําแหน่งเดิม และร่างกายของเขาก็ขยับอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้
เขาถอยหลังอย่างรุนแรง ก่อนที่จะทรุดตัวลงกับพื้นและคุกเข่าตรงหน้าอี้เฟิงเยี่ยน!
การคุกเข่าของเขานั้นไม่ได้ค่อยๆนั่งแล้วคุกเข่าลงตามปกติ แต่เป็นการทิ้งน้ำหนักทั้งตัวมาที่เข่า แล้วใช้เข่ากระแทกพื้นไปเต็มๆแรง เจ้าของร้านรู้สึกเหมือนเข่าของเขาแทบจะแหลกสลายจากแรงกระแทก!
ในขณะที่รู้สึกตกใจและเจ็บปวดอย่างมหาศาล เม็ดเหงื่อพลันไหลลงมาที่หน้าผากแคบของเจ้าของร้านทันที และความกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็นก็ครอบงําความคิดเขาไว้อย่างสมบูรณ์ เขาหวนไปนึกถึงภาพที่ จู่ๆซูหลิงเฉิงก็คุกเข่าต่อหน้าทุกคน!